ปกครองอำเภอท่าเรือร่วมกับตำรวจ บุกจับ 2 ร้านค้าลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าให้เด็กวัยรุ่นและเยาวชน พร้อมยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากจากเบาะแสพลเมืองดี

ปกครองอำเภอท่าเรือร่วมกับตำรวจ บุกจับ 2 ร้านค้าลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าให้เด็กวัยรุ่นและเยาวชน พร้อมยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากจากเบาะแสพลเมืองดี ด้านผู้ว่าฯ กรุงเก่า เน้นย้ำ ขับเคลื่อนนโยบายการจัดระเบียบสังคมอย่างเข้มข้นต่อเนื่องเพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม หากพบการกระทำผิดกฎหมายแจ้งสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ทันที

วันนี้ (10 เม.ย. 67) นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนพลเมืองดีมายังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่ามีร้านค้าลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็กวัยรุ่นและเยาวชนในพื้นที่ ทางฝ่ายปกครองอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอท่าเรือ นำโดย นายวิชาญ น้อยโต นายอำเภอท่าเรือ พร้อมด้วย นายพลณัฏฐ์ บรรจงพินิจ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายธิวา โสภิพันธ์ ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง นายประสาทพร ขุมทิพย์ อำเภอกลุ่มงานบริหารงานปกครอง สมาชิก อส. สังกัด ร้อย.อส.อ.ท่าเรือ 3 บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าเรือ เข้าตรวจสอบร้านค้าดังกล่าวโดยทันที

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ผลการปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบร้านค้าลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1) “ร้านโซนิคเวฟ เลขที่ 80/35 ถนนเทศบาล 1 ตำบลท่าเรือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยสามารถจับกุม นายสุกิตติ อายุ 23 ปี ซึ่งแสดงตนเป็นผู้ดูแลร้าน พร้อมยึดของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ รวม 2,694 รายการ และเงินสดจำนวน 22,730 บาท และ 2) ร้านชิกแลป เลขที่ 122/32 ถนนท่าเรือ – ท่าลาน ตำบลจำปา อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยสามารถจับกุม นางสาวอุไรวรรณ อายุ 18 ปี และเยาวชนชาย อายุ 17 ปี ซึ่งแสดงตนเป็นผู้ดูแลร้าน พร้อมยึดของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ รวม 1,485 รายการ และเงินสดจำนวน 6,570 บาท โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้แจ้งข้อกล่าวหา ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

“การขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติม บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 56 ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับ จำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านวิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง อันเป็นความผิดตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจําคุก ไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วหรือทั้งจำทั้งปรับ” นายนิวัฒน์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวทิ้งท้ายว่า การปฏิบัติการดังกล่าว นับเป็นการยกระดับการจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล และสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภทในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ในการให้ความสำคัญและมุ่งมั่นในการกวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง และพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นเบาะแสการกระทำผิด เช่น ลักลอบจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย หรือการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูลและร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง

#WorldSoilDay #วันดินโลก
#UN #FAO #GlobalSoilPartnership #MOI
#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข
#SoilandWaterasourceoflife
#SustainableSoilandWaterforbetterlife
#ดินดีน้ำดีชีวีมีสุขอย่างยั่งยืน
#SDGsforAll #ChangeforGood