ปลัดมหาดไทยเปิดประชุมแม่บ้านมหาดไทยสัญจรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เน้นย้ำ น้อมนำพระราชปณิธานขับเคลื่อนงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย

ปลัดมหาดไทยเปิดประชุมแม่บ้านมหาดไทยสัญจรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เน้นย้ำ น้อมนำพระราชปณิธานขับเคลื่อนงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย ทำงานแบบคนไม่ลืมหลัง สร้างพลังความร่วมมือ 7 ภาคีเครือข่าย หนุนเสริมทำให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

วันนี้ (28 มี.ค. 67) เวลา 13.30 น. ที่โรงแรมเทพนคร อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมสมาคมแม่บ้านมหาดไทยสัญจร ครั้งที่ 4 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี คุณมนัญญา ไทยเศรษฐ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชาดา ไทยเศรษฐ์) คุณปารีชา ซักเซ็ค คุณอามาลีนา ซักเซ็ค คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางนฤมล ล้อมทอง นางประเสริฐสุข เพทูรย์สิทธิชัย ศาสตราจารย์ ดร. ชนาธิป ผาริโน นางสุจิตรา ศรีนาม ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทยและนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นางวาทิณี โฆษาศิวิไลซ์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดบุรีรัมย์ นายศรัณย์ศักดิ์ ศรีเครือเนตร รองอธิบดีกรมการปกครอง นางชุลีพร เตรัตน์ นางปวีณ์ริศา เกิดสม นางจิรวรรณ เพ็ญพาส นางอรจิรา ศิริมงคล นางกัญญา จุนถิระพงศ์ อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ประธานกรรมการพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัด หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม โดยเป็นการถ่ายทอดการประชุมผ่านระบบ Video Conference ไปยังที่ว่าการอำเภอทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำผู้เข้าร่วมพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วถวายธูปเทียนแพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และอัญเชิญพระราชดำรัสของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานแก่ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย คณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ในโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 2567 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อน้อมนำไปประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดบุรีรัมย์ ในการเป็นธุระอำนวยความสะดวกการจัดการประชุมสมาคมแม่บ้านมหาดไทยสัญจรในครั้งนี้ และขอขอบคุณทุกคนทุกฝ่ายที่มุ่งมั่นตั้งใจมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งการพบปะในวันนี้จะสำเร็จได้ ต้องอาศัยเราทุกคน ช่วยกันนำเอาสิ่งที่ดีไปปฏิบัติให้หนักกว่าเดิม เพราะทุกคนทำงานหนักอยู่แล้ว แต่ปัญหาของบ้านเมืองยังคาราคาซังอีกหลายเรื่อง ด้วยการ “แก้ไขในสิ่งผิด” ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ช่วยกันขจัดปัดเป่าสิ่งที่ทำให้พี่น้องประชาชน มีความทุกข์ให้หมดสิ้นไป พร้อมทั้งน้อมนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานแนวทางที่ทรงอยากเห็นประธานแม่บ้านมหาดไทยได้ช่วยกันในการดูแลพี่น้องประชาชน เหมือนแม่ดูแลลูก เพราะพี่น้องประชาชน จะเรียกท่านผู้ว่าราชการจังหวัดว่า “พ่อ” เรียกท่านประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดว่า “แม่” ดังนั้น เราจึงต้องรักและดูแลประชาชนเหมือนเป็นลูกของเรา อย่าได้อิดหนาระอาใจที่จะช่วยดูแลพี่น้องประชาชนตั้งแต่ก่อนเกิดจนตาย ซึ่งประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนอกจากทำหน้าที่ในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” แล้ว ก็ยังสวมหมวกนายกเหล่ากาชาดจังหวัดผู้ทำหน้าที่ “บรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บำบัดโรค กำจัดภัย” ด้วย ทั้งนี้งานการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขพี่น้องประชาชน ล้วนมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ เราต้องดูแลตั้งแต่เป็นทารกอยู่ในครรภ์มารดาจนคลอดออกมาให้มีร่างกายที่สมบูรณ์ มีพัฒนาการทางสมองที่ดี ได้รับการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ มีโอกาสอย่างเท่าเทียม มีที่อยู่อาศัยที่ถูกสุขลักษณะ ได้รับการส่งเสริมให้มีโอกาสพึ่งพาตนเอง ประกอบสัมมาชีพโดยสะดวก เมื่ออายุมากขึ้นก็เข้าถึงระบบสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ และในบั้นปลายก็ได้รับการดูแลจนเสียชีวิตอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ตามความเชื่อแต่ละศาสนา

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า เรื่องสำคัญที่สุด คือ ไม่ว่าชีวิตเราจะอยู่ในราชการนานแค่ไหนไม่สำคัญ แต่นับตั้งแต่วันนี้ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ ท่านประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ท่านคู่สมรสผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านคู่สมรสนายอำเภอ ตลอดจนถึงภาคีเครือข่ายทุกท่าน ต้องเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงมีพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานและพระราชกรณียกิจทั้งปวงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระราชจริยวัตรในการทรงงานที่สะท้อนผ่านพระราชดำรัสของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระองค์ทรงมีแผน มีเป้าหมายการทรงงาน (Year Plan) ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจในทุกถิ่นที่ทุรกันดารห่างไกลทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีการทำงานเป็นระบบ มีการจดบันทึก มีการขีดเน้นเรื่องที่มีความสำคัญ “แต่ผู้ว่าฯ นายอำเภอ และคู่สมรส มีพื้นที่ทำงานที่เป็นขอบเขตชัดเจนตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด” ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ เราต้องรู้จักพื้นที่ รู้จักภูมิประเทศ รู้จักคน เพื่อสามารถวางแผน กำหนดแนวทางการบริหารจัดการและดูแลบำบัดทุกข์ บำรุงสุขพี่น้องประชาชน ด้วยการหมั่นลงพื้นที่ไปร่วมพูดคุย เพื่อได้มีข้อมูลในการดำเนินงาน ไปร่วมพูดคุย ร่วมคิดวางแผน ร่วมทำ และร่วมรับประโยชน์ ซึ่งต้องทำตามหลักการทำงาน “สั่งงานวันนี้ เสร็จเมื่อวาน” ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เพราะเมื่อเราลงพื้นที่อย่างครบถ้วน เราก็จะมีข้อมูลพร้อม ไม่ต้องรอวันนี้ และเราก็จะนั่งอยู่ในหัวใจประชาชน จะได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากประชาชน สมกับที่ประชาชนขานนามเรียกพวกเราว่า “พ่อและแม่” ซึ่งพวกเราทุกคนจะได้รับความสุขใจ จากการทำงานของพวกเราที่มิใช่เพียงการทำงานโดยเพราะเป็นหน้าที่ แต่เป็นการทำงานด้วยใจที่อยากให้ประชาชนมีความสุข พ้นจากความทุกข์ และต้องย้ำเตือนใจเสมอว่า “ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ตลอดจนคนมหาดไทย คือ บุคคลที่พระองค์ท่านทรงฝากความหวังในการดูแลบำบัดทุกข์ บำรุงสุขพสกนิกรของพระองค์ จึงขอให้พวกเราทุกคนน้อมนำพระราชดำรัสองค์นี้เป็นหลักชัยในการสู้กับปัญหาพี่น้องประชาชน สร้างสิ่งที่ดีให้พี่น้องประชาชนได้มีความสุข ไปทำให้เกิดการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคีอย่างเต็มกำลัง เพราะทุกวันนี้พี่น้องประชาชนของพวกเราอยู่ในภาวะความไม่แน่นอนที่ต้องเผชิญในทุกเวลานาที
.
“ขอให้พวกเราทุกคนมุ่งมั่น “ขับเคลื่อนงานแบบคนไม่ลืมหลัง” เพราะสังคมไทย คนมักจะถูกต่อว่าเสมอว่า ได้หน้าลืมหลัง ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นในเชิงระบบ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด นายอำเภอ และคู่สมรส ต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ เป็น “ผู้นำต้องทำก่อน” ลงพื้นที่โน้มตัวเข้าไปหาประชาชน ประดุจดั่งรวงข้าวที่สุกโน้มรวงลงหาดิน ทำงานร่วมกับ 7 ภาคีเครือข่าย ด้วยการร่วมพูดคุย ร่วมคิด ร่วมทำ เราถูกคาดหวังให้เป็นหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ชีวิตเราจึงต้องเหนื่อยยากในการแก้ปัญหา ทั้งมิติทางเศรษฐกิจ ที่อยู่อาศัย การศึกษา ปัญหายาเสพติด ปัญหาขโมยขโจร คนยุ่งเหยิงกับอบายมุข คนไม่มีวิธีการดูแลและพัฒนาครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่มีอาหารการกิน ไม่มีน้ำอุปโภคบริโภค คนป่วย คนชราที่ไม่มีคนดูแล คนรุ่นใหม่หลงลืมรากเหง้าของประเทศชาติ เพราะไม่ได้รับการถ่ายทอด ไม่ได้เรียนรู้เรื่องประเพณี วัฒนธรรมจากผู้ใหญ่ และไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพราะไม่มีตัวอย่างที่ดีที่จะสอนให้เด็กทำบุญทำทาน หรือแม้แต่คนหายใจไม่สะดวกจากปัญหา PM2.5 เพราะคนไม่ตระหนักถึงการมีสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่ช่วยกันสร้างป่าชุมชน (ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง) บูรณาการงาน บูรณาการคน บูรณาการสรรพกำลัง เล็งเห็นความสำคัญของ Partnership ด้วยการเชิญชวนคนดีมีจิตอาสา มาพูดคุย มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทำกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้สึกสนิทสนมมักคุ้น ด้วยกระบวนการตามหลักการทรงงาน 4 ขั้นตอน คือ ร่วมพูดคุย ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมรับประโยชน์ อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อก่อให้เกิดความยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม

นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ท่านนายอำเภอ ท่านประธานกรรมการพัฒนาบทบาทสตรี ผู้นำกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ตลอดจนภาคีเครือข่ายทุกท่าน ที่เป็นนายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ ทั้งนี้สิ่งที่ตนได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่มีเจตนาหรือสิ่งใด นอกเหนือจากให้พวกเราทุกคนได้รู้สึกเป็นเกียรติ มีความสุขในชีวิตที่ได้ทำหน้าที่เพื่อผู้อื่น เป็นผู้ภักดีต่อแผ่นดิน มีความตั้งใจจริงที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข ด้วยการช่วยกันแก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นข้ารองพระบาทผู้น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ให้ประชาชนมีความสุขสมดังพระราชประสงค์จำนงหมาย และขอเป็นกำลังใจและฝากความหวังไว้กับพวกเราทุกคนช่วยกันทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ตามที่พวกเราทุกคนมีเจตนาร่วมกัน