พ่อเมืองราชบุรีลั่น !!! “ยิ่งฝ่าฝืน ยิ่งจับ” ใครทำผิดกฎหมาย ต้องไม่มีที่ยืนในสังคม

ผู้ว่าฯ ราชบุรี สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง บุกจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในตลาดเมืองราชบุรี พบทำผิดซ้ำซาก ไม่หลาบจำ พร้อมเน้นย้ำบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายและเป็นอันตรายต่อสังคม และสั่งการฝ่ายปกครองบูรณาการทุกภาคส่วนจัดระเบียบสังคมอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง และหากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสแจ้งสายด่วน 1567 จะส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการโดยทันที

วันนี้ (26 มี.ค. 67) นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดราชบุรีได้บูรณาการทุกภาคส่วนดำเนินการขับเคลื่อนตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่มุ่งมั่นในการจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล การป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมถึงสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุข มีชุมชนที่น่าอยู่ มีสังคมที่มั่นคงสงบเรียบร้อย มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปลอดจากสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด

นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากฝ่ายปกครองอำเภอเมืองราชบุรีได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีร้านขายน้ำหอม ชื่อร้าน “น้องบาสเดิม” ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าภายในตลาดแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอเมืองราชบุรี ตนจึงได้สั่งการให้นายสุทธิพงษ์ พุทธจันทรา นายอำเภอเมืองราชบุรี นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษอำเภอเมืองราชบุรี และสมาชิก อส. ราชบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านดังกล่าว ผลปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบสิ่งผิดกฎหมายเป็นบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ ซุกซ่อนในร้านเป็นจำนวนมาก

“จากการตรวจค้นร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ซึ่งเปิดร้านขายน้ำหอมบังหน้าดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองราชบุรี สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาเป็นเจ้าของร้าน 1 ราย และผู้อาศัยภายในร้านอีก 3 ราย พร้อมของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 38 ชิ้น น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 26 ชิ้น คอยล์ (สำหรับใส่ตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า) จำนวน 175 อัน หัวน้ำยา จำนวน 178 อัน หัวแทงค์ จำนวน 49 อัน และเงินสดจากการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 300 บาท โดยจากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่และเงินที่ตรวจยึดไว้เป็นเงินที่มาจากการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า มีรายได้จากการขายบุหรี่ไฟฟ้า ประมาณ 20,000 บาทต่อวัน ซึ่งมีเด็กและเยาวชนจำนวนมากเข้าไปซื้อบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ในส่วนของบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่ร้านวางขายนั้นได้มาจากการสั่งจากร้านต่างจังหวัด ทั้งนี้ พบว่าร้านดังกล่าวถูกจับกุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้ว” นายเกียรติศักดิ์ฯ กล่าว

นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวต่ออีกว่า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ตรวจค้นภายในร้านดังกล่าว และได้ทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดกับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พบสารคีตามีน 2 ราย ก่อนจะนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ดังนี้ 1) ขายหรือจัดหาสินค้าบุหรี่ไฟฟ้า หรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า 2) ร่วมกันเป็นผู้นำซึ่งสินค้าต้องห้ามตามมาตรา 5 (1) แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 3) ฝ่าฝืนประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557 4) ร่วมกันฝ่าฝืนพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 246 ซื้อ รับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นความผิด ตามมาตรา 242 ก่อนทำบันทึกจับกุม ของกลางประกอบคดี และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

“จังหวัดราชบุรีมุ่งมั่นในการปราบปรามยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภทในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้านับเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ชุมชน และครอบครัว อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งในกรณีนี้มีลูกค้าเป็นเด็กและเยาวชน จึงยิ่งต้องดำเนินการจับกุมกวาดล้างสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจังและเด็ดขาด ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจ และขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม พร้อมเดินหน้า Re X-Ray ตรวจสอบ ค้นหา และปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด ยกระดับความเข้มข้นในการจัดระเบียบสังคมตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคงและมีความสุข อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่าน ช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง” นายเกียรติศักดิ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย

#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข