นายกแม่บ้านมหาดไทยประชุมขับเคลื่อนงานร่วม 14 ประธานแม่บ้านภาคใต้ เน้นย้ำ มุ่งมั่นตั้งใจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เคียงข้างท่านผู้ว่าฯ และหนุนเสริมบทบาท นอภ.

นายกแม่บ้านมหาดไทยประชุมขับเคลื่อนงานร่วม 14 ประธานแม่บ้านมหาดไทยภาคใต้ เน้นย้ำ มุ่งมั่นตั้งใจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เคียงข้างท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และหนุนเสริมบทบาทท่านนายอำเภอและภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติให้กับพี่น้องประชาชน

วันนี้ (11 ก.ค. 66) เวลา 09.30 น. ที่โรงแรม เดอะ ทวินโลตัส อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติภารกิจของสมาคมแม่บ้านมหาดไทยให้แก่ประธานแม่บ้านมหาดไทย 14 จังหวัดภาคใต้ โดยมี ดร.ประเสริฐสุข เพฑูรย์สิทธิชัย นางนฤมล ล้อมทอง ที่ปรึกษานายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นางกุลทรัพย์ ชื่นโกสุม นางจิรวรรณ เพ็ญพาส นางปวีณ์ริศา เกิดสม นางศลิษา ภิรมย์รัตน์ นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นางพิชานันท์ เผือกผ่อง ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด คณะกรรมการและสมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าให้โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง จัดแสดงโขนพระราชทาน เรื่อง รามเกียรติ์ ชุด “หนุมานชาญกำแหง” ซึ่งสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้รับโอกาสให้เป็นภาคีเครือข่ายในการสนับสนุนการจัดแสดง และในช่วงเย็นวันนี้จะมีการแถลงข่าวการจัดแสดงโขนพระราชทานฯ ดังนั้น ในวันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่สมาคมแม่บ้านมหาดไทยส่วนกลางได้มาร่วมพบปะและประชุมขับเคลื่อนงานร่วมกับพี่น้องชาวแม่บ้านมหาดไทยภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง ด้วยเพราะพวกเราทุกคนมีหัวใจเดียวกัน ในการมุ่งมั่นตั้งใจขับเคลื่อนงานเคียงข้างชาวกระทรวงมหาดไทยทุกท่านที่เป็นคู่สมรส ด้วยพลังความเสียสละ พลังจิตอาสา เดินไปด้วยกันเพื่อ Change for Good สอดคล้องกับประกาศเจตนารมณ์เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืนกับสหประชาชาติประจำประเทศไทย ที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศได้ร่วมลงนามกับผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนทุกคน ด้วยพลังของ “แม่บ้านมหาดไทย” และท่านผู้นำของชาวมหาดไทย คือ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและท่านนายอำเภอ จะทำให้สิ่งที่พวกเราทุกคนตั้งใจบรรลุผลสำเร็จได้

“ภายหลังจากเมื่อช่วงต้นปี ที่ได้มาร่วมพบปะกับพี่น้องแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดภาคใต้ในการประชุมแม่บ้านมหาดไทยสัญจร ซึ่งพวกเราได้รับทราบและมีมติร่วมกันในการขับเคลื่อนโครงการและกิจกรรมสำคัญร่วมกับสมาคมแม่บ้านมหาดไทย การประชุมในวันนี้จึงเป็นการทบทวนแนวทางการพิจารณาผลการปฏิบัติงานของประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด เพื่อรับพระราชทานรางวัลเพชรดอกแก้ว ประจำปี 2566 ซึ่งสมาคมแม่บ้านมหาดไทยได้รับพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ ที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานรางวัล “เพชรดอกแก้ว” แก่ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดหลักเกณฑ์การประกวด ได้แก่ การขับเคลื่อนโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” โครงการ “การส่งเสริมการสร้างสุขอนามัยให้แก่เด็กและแม่” โครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” โครงการ “ครอบครัวมหาดไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” และโครงการ “การให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้” ซึ่งจะมีการประเมินผลจากการนำเสนอผลงานในวันที่ 19 ก.ค. 66 และจะประกาศผลรางวัลในวันที่ 31 ก.ค. 66″ ดร.วันดีฯ กล่าว

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า จากการได้มีโอกาสลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและติดตามการปฏิบัติราชการของข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ร่วมกับท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้พบว่า ท่านนายอำเภอเป็นผู้นำการขับเคลื่อนงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ โดยมีปลัดอำเภอ และทีมอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน เป็นทีมร่วมขับเคลื่อน ทั้งการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชน การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เมื่อเกิดภัยพิบัติหรือเมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อน และยังพบว่าสถานที่ในการปฏิบัติราชการและให้บริการพี่น้องประชาชน คือ “ที่ว่าการอำเภอ” หลายแห่ง มีการปรับปรุงให้มีสภาพภูมิทัศน์ มีบรรยากาศที่ร่มรื่น สถานที่สะอาด สวยงาม ห้องน้ำได้รับการดูแล มีมุมหนังสือ มุมกาแฟบริการประชาชน จึงเกิดแนวคิดในการประกวด “อำเภอสวยงาม” ขึ้น และได้กำหนดรางวัลระดับต่าง ๆ โดยสมาคมแม่บ้านมหาดไทยจะมอบรางวัลในลักษณะวงเงินงบประมาณสำหรับใช้ในการพัฒนาต่อยอดแนวคิดการสร้างสรรค์พื้นที่ที่ว่าการอำเภอให้เป็นพื้นที่ที่เกิดประโยชน์ในมิติต่าง ๆ แก่พี่น้องประชาชน มีหลักเกณฑ์การประกวด ได้แก่ 1) การขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงมหาดไทย “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” 2) การจัดการความเรียบร้อยของที่ทำการปกครองอำเภอ (5ส) 3) การสนับสนุนนโยบายสมาคมแม่บ้านมหาดไทย 4) การให้บริการประชาชนและเป็นที่พึ่งให้ประชาชน และ 5) การตรวจประเมินจากหน่วยงานภายนอก (ภาคีเครือข่าย)

“นอกจากนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราแม่บ้านมหาดไทยที่เราได้ขับเคลื่อนโครงการ “ถังขยะเปียกลดโลกร้อน” มาอย่างต่อเนื่องหลายปี โดยในปีนี้ ท่านพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามประกาศใช้ระเบียบกระทรวงมหาดไทย เพื่อส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถประเมินคาร์บอนเครดิตจากการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนเพื่อจำหน่ายเป็นรายได้กลับคืนสู่ท้องถิ่น เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ขณะที่พวกเราทุกคนก็ร่วมกันส่งเสริมพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนเป้าหมายได้จัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนและใช้งานจริง 100% โดยมี ดร.ประเสริฐสุข เพฑูรย์สิทธิชัย และศาสตราจารย์ ดร. ชนาธิป ผาริโน ที่ปรึกษาสมาคมฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนเครดิต ร่วมกับผู้ประเมินภายนอก (Validation and Verification Body : VVB) ลงพื้นที่ทวนสอบโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน จนกระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา เราได้ร่วมกันประกาศความสำเร็จการจัดการขยะอาหารจากครัวเรือน เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และบรรลุเป้าหมายประเทศไทยที่ยั่งยืน (MOI’s Success on Food Waste Management for Climate Action and a Commitment to Sustainable Thailand) ของจังหวัดนำร่องทั้ง 4 จังหวัด คือ จังหวัดลำพูน สมุทรสงคราม เลย และอำนาจเจริญ โดย บมจ.ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK เป็นผู้รับซื้อคาร์บอนเครดิตในราคา 260 บาท/ตัน ซึ่งในเฟสแรก สามารถซื้อขายได้จำนวน 3,140 ตัน เป็นเงิน 816,400 บาท กลับคืนสู่พี่น้องประชาชนในท้องถิ่น และวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการดำเนินโครงการประเมินการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน เพื่อการคัดแยกขยะ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และได้รับ “คาร์บอนเครดิต” ระยะที่ 2 ใน 22 จังหวัด โดยภาคใต้มีจังหวัดนครศรีธรรมราช และนราธิวาส จึงขอให้ท่านประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครศรีธรรมราชและนราธิวาส ตลอดจนอีก 12 จังหวัด ได้ดำเนินการส่งเสริมขับเคลื่อนถังขยะเปียกลดโลกร้อนและลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมร่วมกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนได้เกิดสิ่งที่ดีของชีวิตนอกเหนือจากเงินรายได้ที่กลับคืนสู่ท้องถิ่นชุมชน คือ การได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีจากอาหารพืชผักสวนครัว ที่ปลอดภัยที่ได้สารบำรุงดินจากขยะเปียก อันเป็นผลต่อยอดในโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารอย่างยั่งยืน ตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งสิ่งเหล่านี้นอกจากความมั่นคงทางอาหารแล้ว ยังสามารถช่วยตัวเอง ช่วยครอบครัว ช่วยชุมชน ซึ่งหากคิดคำนวณง่าย ๆ คือ 1 ครัวเรือน มี 4-5 คน เมื่อปลูกผักจะมีอาหารเช้า กลางวัน เย็น ประหยัดได้ 50 บาท/วัน เมื่อคำนวณ 10 ล้านครัวเรือน จะเท่ากับวันละ 500 ล้านบาท เมื่อนับทั้งปี 365 วัน พี่น้องประชาชนครัวเรือนทั่วประเทศก็สามารถประหยัดเงินจากกระเป๋ากว่า 200,000 ล้านบาท ทำให้พี่น้องประชาชนลดค่าใช้จ่าย มีเงินไว้ดำรงชีพในด้านอื่น ๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” ดร.วันดีฯ กล่าวเพิ่มเติม

ดร.ประเสริฐสุข เพฑูรย์สิทธิชัย ที่ปรึกษานายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวว่า การจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ครัวเรือนสามารถประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงได้ ซึ่งเห็นได้จากการประกาศความสำเร็จจากการจัดการขยะอาหารจากครัวเรือน เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และบรรลุเป้าหมายประเทศไทยที่ยั่งยืน ( MOI’s Success on Food Waste Management for Clemate Acction and a Commmitment to Sustainable Thailand )” ของกระทรวงมหาดไทย ที่สามารถวัดปริมาณและสามารถนำไปซื้อขายในตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนตื่นตัว พร้อมใจกันทำอย่างสม่ำเสมอ จนเกิดเป็นความต่อเนื่อง ทำให้การใช้ชีวิตของตัวเองเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ระบบนิเวศ สภาวะแวดล้อมเหมาะกับลูกหลาน เพื่อให้สามารถอยู่อาศัยได้อย่างมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวในช่วงท้ายว่า และสำหรับการขับเคลื่อนที่พวกเราแม่บ้านมหาดไทย “เป็นกำลังหลักสำคัญ” ก่อให้เกิดกระแสการนิยมชมชอบผ้าไทย การแสดงแบบผ้าไทยในทั่วภาคใต้และทั่วประเทศ คือ การน้อมนำพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มารณรงค์ส่งเสริมเป็น “ผู้นำต้องทำก่อน” ทำให้เกิดการตื่นตัวเป็นกระแสการหันมาสวมใส่ผ้าไทยของประชาชนในทุกพื้นที่นั้น สมาคมแม่บ้านมหาดไทยจึงได้จัดโครงการประกวดกิจกรรม “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” โดยมีเกณฑ์การประกวด คือ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดขับเคลื่อนโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” อย่างต่อเนื่อง การประสานการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” การพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยสู่แฟชั่นที่ยั่งยืน (Sustainable Fashion) การส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการนำอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าไทย การส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Young OTOP) ให้มีส่วนร่วมในโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” มีความคิดสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อนกิจกรรม “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP หรือช่างทอผ้า มียอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้น และมีการประชาสัมพันธ์ขับเคลื่อนโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในหลากหลายช่องทาง และท้ายนี้ ขอให้พวกเราผู้เป็น “แม่บ้านมหาดไทย” ได้ร่วมกันสนับสนุนบทบาทของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และชาวมหาดไทย เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติให้กับพี่น้องประชาชน อันจะทำให้พี่น้องประชาชนได้มีความสุขที่แท้จริงส่งต่อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานอย่างยั่งยืน”