สำนักงาน กขค. ระดมความร่วมมือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกฎหมายแข่งขันการค้าเอเปค หนุนนโยบายแข่งขันยั่งยืน พร้อมผลักดันแนวทางฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด – 19

กรุงเทพฯ 16 มีนาคม 2565  – สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า หรือ สำนักงาน กขค. ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ จัดประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกฎหมายแข่งขันเอเปค หรือ APEC CPLG : Asia-Pacific Economic Cooperation, Competition Policy and Law Group โดยมุ่งผลักดัน  3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพการกำกับการแข่งขันทางการค้าในตลาดดิจิทัล  การกำหนดแนวทางการใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ การบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวระหว่างและหลังสถานการณ์โควิด 19 นอกจากนี้ ยังมีมติเห็นชอบนโยบายแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะร่วมกันบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมนวัตกรรมและพฤติกรรมทางธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายกฤษฎา เปี่ยมพงษ์สานต์ รองประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า ในฐานะประธานของกลุ่ม CPLG  (Competition Policy and Law Group) กล่าวว่า สำนักงาน กขค.ได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกฎหมายแข่งขันเอเปค (APEC CPLG : Asia-Pacific Economic Cooperation, Competition Policy and Law Group) จาก 19 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วมการประชุมในปีนี้  ซึ่งทุกหน่วยงานมีความตั้งใจที่จะผลักดัน 3 ประเด็นหลักที่สำคัญในแผนงานสำหรับปี 2565 ได้แก่ 1.การพัฒนาศักยภาพการกำกับการแข่งขันทางการค้าในตลาดดิจิทัล  2.การกำหนดแนวทางการใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ 3. การบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวระหว่างและหลังสถานการณ์โควิด – 19 โดยเฉพาะการสร้างตลาดที่เท่าเทียมเพื่อผู้ประกอบธุรกิจ MSMEs นอกจากนี้ ศาสตราจารย์สกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า ยังได้เน้นย้ำให้หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้า ต้องมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าที่เสรีและเป็นธรรม แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับความท้าทายจากตลาดดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงขยายตัวอย่างรวดเร็วในภาคเศรษฐกิจดิจิทัล

กลุ่มสมาชิก CPLG มีมติเห็นชอบโครงการ นโยบายแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ประเทศไทยเป็นผู้เสนอ โดยโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและแนวทางนโยบายจากหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะการส่งเสริมนวัตกรรมสีเขียวและพฤติกรรมทางธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

               นอกจากนี้ สำนักงาน กขค. ยังได้จัดกิจกรรมการเสวนาเชิงนโยบายหัวข้อ “การกำกับการแข่งขันในตลาดดิจิทัล” เพื่อเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติตามแผนปฏิรูปโครงสร้างเอเปค (Enhanced APEC Agenda for Structural Reform : APEC) โดยให้คำแนะนำทางนโยบายในการยกระดับการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าในตลาดดิจิทัลใน 2 ด้านหลัก ได้แก่  การเสริมศักยภาพให้แก่หน่วยงานกำกับการแข่งขันโดยวิธีต่าง ๆ อาทิ การฝึกฝนเจ้าหน้าที่ในประเด็นดิจิทัล การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับพฤติกรรมในตลาดดิจิทัลที่ละเมิดกฎหมายการแข่งขันทางการค้า และ นวทางการพัฒนาการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าในตลาดดิจิทัล อาทิ การร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ โดยกลุ่ม CPLG ยังเห็นด้วยกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสมาชิกทั้งในด้านการประเมินและคำตัดสินเพื่อเป็นประโยชน์แก่กลุ่มสมาชิกที่ยังมีประสบการณ์ในตลาดดิจิทัลไม่เพียงพอ

               นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2565 นี้ ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุมเอเปคตั้งใจขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เสรีและเป็นธรรม ครอบคลุม และยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาคเอเปค ภายใต้กรอบแนวคิด เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุลและสำนักงาน กขค. นั้นมุ่งมั่นที่จะมีบทบาทสำคัญช่วยผลักดันวาระดังกล่าวผ่านการจัดการประชุมกลุ่ม CPLG การเสวนานโยบาย และโครงการนโยบายแข่งขันทางการค้าและการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่จะจัดขึ้นภายในปีนี้ต่อไป