ฉบับวันที่ 30ก.ย.-6ต.ค. 2559

ในท่ามกลาง “แสง” แห่ง “ไฟ” ที่ “รุม”สาดใส่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อค้นหา ความผิด ในเรือนร่างของเธอทุกตารางมิลลิเมตร

นำมาสู่คดี ที่ต้องถูก คณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.สอบสวน 15 คดี

นำมาสู่การตกเป็นจำเลย ในคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาสำหรับนักการเมือง กำลังเเนินการไต่สวน

นำมาสู่ การถูกเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท

และอาจจนำไปสู่เรื่องอื่นๆ อีกมาก เพราะยังมีการส่องไฟเข้าใส่ไม่หยุดยั้ง
#จนร่างแทบจะไหม้เกรียมไปทั้งร่าง

จึงไม่แปลก ที่จะมีเสียงโอดครวญ ออกมาจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ บ้าง

“ทุกอย่างที่นายกฯยืนยันออกมาจากปากท่านว่าการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับคดีดิฉันเป็นไปตามกม.ไม่ได้กลั่นแกล้ง ก็อยากให้นายกฯใช้หลักคิดและให้ความเป็นธรรมกับดิฉันเหมือนที่ท่านให้ความเป็นธรรมและปกป้องน้องชายท่านรวมทั้งคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกเดียวกับท่านเพราะกม.มีไว้บังคับใช้กับทุกคนไม่ใช่เลือกปฏิบัติกับฝั่งดิฉันเพียงฝ่ายเดียว”

เป็นการโอดครวญ ที่เสมือนเป็นการ “ย้อนศร”กลับไปยังฝ่ายรัฐบาล
จี้ให้ทำกิจกรรม “ส่องไฟจับโกง” กลับไปยัง พวกของตนเองบ้าง
โดยเฉพาะ ครอบครัว ของ “น้อง”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ที่กำลังถูกกล่าวหาในเรื่องเทาๆหลายประเด็น
ควรจะส่องไฟเข้าไปดูอย่างยิ่ง

แม้จะมีเสียงขานรับ จาก #พี่ ที่พร้อมจะให้มีการตรวจสอบ ตามกระบวนการที่มี
แต่กระนั้น ดูเหมือนว่า จะมีหลายฝ่าย พยายามที่จะอธิบาย “แทน”
พยายามที่จะออกตัวให้

และที่สำคัญ ไฟฉาย บางดวงกลับปิดตัวเองลงดื้อๆ ด้วยเหตุผลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

จึงเริ่มมีการจับตามองจากสังคมว่า ข้อเรียกร้องของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่อยากเห็นความเท่าเทียมกันในการตรวจสอบ จะเป็นจริงหรือไม่
ไฟฉายแห่งธรรม เป็นเรื่องเฉพาะของบางฝ่ายเท่านั้นหรือ… จึงทำให้”ใคร”สามารถหลบอยู่ใน”เงามืด”ได้อย่างสบายๆ