จากปักกิ่งถึงเสฉวน | ปักกิ่งไม่อิ่งนิยาย

ยามบ่ายของวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 นับถอยหลังอีกไม่นานจะครบสัญญาทำงานกับซีอาร์ไอ 1 ปี และผมจะได้กลับไปหาครอบครัวที่เมืองไทย คิดๆดูแล้วคนเรานี้แปลกเวลามาก็ใจจดใจจ่ออยากจะมา เมื่อมาแล้วกลับคิดถึงคนที่บ้านและอยากกลับ บางคนทนคิดถึงครอบครัวไม่ได้อยู่ทำงานได้สามเดือนต้องขอกลับ บางคนทนสภาพอากาศไม่ไหวหนาวจนปวดกระดูกก็ต้องขอกลับก่อนสัญญาเช่นกัน ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามสัญญาจ้างที่เขียนเอาไว้ ตอนที่มาอยู่ปักกิ่งใหม่ๆ ผมเองก็เกือบจะทนกับสภาพที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวและทิ้งครอบครัวไว้ที่กรุงเทพฯไม่ได้เช่นกัน มันห่วงหน้าพะวงหลัง เคยคิดทบทวนตัวเองว่า คิดผิดหรือถูกที่ตัดสินใจมาทำงานต่างแดน แต่เมื่อตั้งสติดีๆ คิดถึงเป้าหมายและความตั้งใจก่อนหน้านี้ รวมถึงกำลังใจจากครอบครัว และการดูแลที่อบอุ่นจากเพื่อนๆที่หน่วยภาษาไทยซีอาร์ไอ ผมจึงเริ่มทำงานได้อย่างสนุกและมีความสุข

การอยู่ตัวคนเดียวทำให้ผมมาทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน เข้าฟิตเน็ตเซ็นเตอร์สัปดาห์ละ 4-5 วัน ช่วงนั้นร่างกายจึงแข็งแรงและไม่เจ็บป่วยง่าย วันหยุดผมเดินทางท่องเที่ยวทั่วกรุงปักกิ่ง เดินบ้าง อาศัยแท็กซี่ รถเมล์ รถไฟใต้ดินบ้างตามสะดวก  ได้รู้จักเพื่อนต่างชาติและเพื่อนคนไทยในปักกิ่ง เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมแปลกตา วิธีเอาตัวรอดด้วยการใช้ภาษามือและภาษาใบ้ และได้หัดทำอาหารรับประทานเองทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยในชีวิต เหตุเพราะเบื่ออาหารที่ทำงานและห้างสรรพสินค้าที่ซื้อกินเป็นประจำ เวลาล่วงเลยผ่านไปรวดเร็วเหมือนโกหก อีกไม่นานผมจะได้กลับบ้าน

ช่วงเดือนพฤษภาคม อากาศที่ปักกิ่งกำลังสบาย ความหนาวคลายลงมากแล้ว อุ่นขึ้นและเริ่มมีแดด ผมเปลี่ยนจากเสื้อแจ็คเก็ตขนเป็ดมาเป็นสูทลำลองใส่มาทำงาน วันนี้ช่วงเช้าผมนั่งตรวจต้นฉบับข่าวและสารคดีตามปกติ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนที่โรงอาหารเสร็จขึ้นมาเตรียมหาข้อมูลเรื่องจีนที่จะพูดคุยสดๆผ่านทางโทรศัพท์กับศูนย์วิทยุจุฬาฯ วันนี้ค่อนข้างหาข้อมูลยากสักหน่อย ข่าวช่วงเช้าที่ข่าวที่ตรวจไปก็มีแต่กิจกรรมทางสังคม เรื่องการเมือง หรือเรื่องเศรษฐกิจการค้าการลงทุนทั่วไป ซึ่งไม่เหมาะที่จะนำมาคุยสด ผมคงต้องหาเรื่องที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวจีน ศิลปวัฒนธรรมประเพณี หรือสีสันในสังคมจีนยุคใหม่ มาเป็นหัวข้อสนทนา ซึ่งเรื่องทำนองนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกและสามารถเกิดขึ้นได้เสมอในงานข่าว เมื่อสำนักข่าวของเราไม่มีเรื่องที่ต้องการมาพูดคุยได้ เราก็ต้องไปหาจากสำนักข่าวจีนอื่นๆแทน

อาชางนำต้นฉบับข่าวช่วงบ่ายมาส่งให้ผมตรวจตามปกติ ผมหยิบดินสอขยับตัวอ่านข่าว “เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวน ความเสียหายยังไม่ทราบแน่ชัด” ผมเห็นพาดหัวแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ในข่าวไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก แต่เมื่อเป็นข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อพอจะคาดคะเนได้ว่า มีความเสียหายอยู่ไม่มากก็น้อยและเป็นไปตามที่ผมคาด หลังจากนั้นไม่นาน ในหน่วยภาษาไทยของเราก็เริ่มวุ่ยวาย คิดว่าหน่วยภาษาอื่นๆของซีอาร์ไอคงไม่ต่างกัน ทุกคนต่างทำงาน เช็คข่าว แปลข่าว หาข้อมูลเพิ่ม  ข่าวแผ่นดินไหวที่เสฉวนถูกส่งมาให้ผมตรวจอีกหลายชิ้น มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า แผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เขตเหวิน ฉวนอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครเฉิงตูห่างไป 90 กิโลเมตร  ยังไม่ทราบจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่แน่ชัด ทางการกำลังให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และคืนนี้อาจมีอาฟเตอร์ช๊อคตามมา

“คืนนี้อาจารย์ระวังหน่อยนะครับ ถ้าเกิดอาฟเตอร์ช็อคให้เข้าไปหลบในห้องน้ำหรือวิ่งลงมาข้างล่าง” คุณไช่ หัวหน้าหน่วยซีอาร์ไอหันมาพูดกับผมจากนั้นก็ลงมือทำงานต่อไป

ผมไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องแผ่นดินไหว เคยแต่เห็นในข่าวหรืออ่านหนังสือ เท่าที่ทราบ อาฟเตอร์ช็อค หรือ แผ่นดินไหวตาม คือ แผ่นดินไหวขนาดเล็กที่เกิดขึ้นหลายๆครั้ง หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ซึ่งจะเกิดในพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกับแผ่นดินไหวใหญ่ อาจจะเกิดทันทีในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ หรืออาจเกิดหลังจากนั้นหนึ่งหรือสองวันหรือเป็นเดือนก็ได้ ขึ้นอยู่กับขนาดของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ไม่มีอะไรแน่นอนหรือคาดการณ์ได้แน่ชัดในเรื่องของธรรมชาติ

เย็นวันนั้นผมไม่ได้ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ตามปกติ หลังเลิกงานผมเดินกลับที่พัก คอนโดที่ผมพักอาศัยเป็นอาคารสูง 25 ชั้น เป็นชุมชนสร้างใหม่มีคอนโดรายล้อมนับสิบๆหลัง ผมพักอยู่ที่ชั้น 6 ของอาคาร6 ฝั่งด้านหน้าและชั้นล่างของตึกที่พักอาศัยเป็นห้างสรรพสินค้า 2 ชั้นขนาดพอเหมาะ ปกติผมจะขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพักแต่วันนี้ผมเลือกเดินขึ้นบันได และเดินแบบนับก้าวขึ้นไป พอถึงห้องพักก็ทำอาหารและเปิดทีวีดูข่าวช่องซีซีทีวีภาษาอังกฤษ ทำอาหารไปฟังข่าวไปด้วย ซึ่งสำนักข่าวจีนทุกช่องรายงานข่าวแผ่นดินไหวที่เสฉวน

ผมเห็นภาพข่าวจากโทรทัศน์แล้วยิ่งรู้สึกเศร้าใจ ภาพของซากอาคารบ้านเรือนที่พังทลาย ฝุ่นสีปูนคละคลุ้งไปทั่ว รอยแยกของแผ่นดิน  ผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บ เด็กๆร้องไห้ หลายคนสูญเสียคนรักและที่อยู่อาศัย ผู้นำรัฐบาลลงพื้นที่ช่วยเหลือ และเจ้าหน้าที่กำลังค้นหาผู้รอดชีวิต ขณะที่ผมกำลังนั่งดูข่าวอยู่ที่ปักกิ่งที่เสฉวนคงโกลาหลวุ่นวายน่าดู ขณะคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียโทรศัพท์ดังขึ้น ผมรับสาย ภรรยาและลูกๆโทรมาหาและถามข่าวเรื่องแผ่นดินไหวเสฉวน ได้ข่าวว่าสะเทือนมาถึงปักกิ่งและที่อื่นๆในจีน ผมตอบว่า ไม่มีอะไรไม่ต้องเป็นห่วง และไม่ได้พูดเรื่องอาฟเตอร์ช็อค หลังจากว่างสายของครอบครัวมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คุณไช่ หัวหน้าหน่วยซีอาร์ไอโทรมาย้ำเตือนกับผมว่า ถ้าคืนนี้เกิดอาฟเตอร์ช็อคให้เข้าไปหลบในห้องน้ำ หรือวิ่งลงบันไดมาข้างล่าง พร้อมกับย้ำว่า คอนโดของจีนจะสามารถป้องกันแผ่นดินไหวได้ในระดับหนึ่ง ผมกล่าวขอบคุณและวางสาย

ผมเดินไปยืนที่หน้าต่างห้อง มองทิวทัศน์ของปักกิ่งในยามค่ำคืน เห็นอาคารซีอาร์ไออยู่เยื้องไปทางด้านขวาของคอนโดไม่ไกล มองลงไปที่พื้นด้านล่าง คิดเล่นๆจากชั้น6ลงไปถึงพื้นถนนข้างล่างก็สูงเอาเรื่องอยู่ จากนั้นเข้าไปในห้องน้ำ ห้องน้ำในคอนโดไม่กว้างขวางสักเท่าไหร่ แถมเครื่องทำน้ำอุ่นก็ไม่เหมือนที่บ้านเรา เครื่องทำน้ำอุ่นที่นี่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากคล้ายถังน้ำเอามาแขวนติดไว้บนผนังด้านหนึ่งของห้อง ซึ่งถ้าหล่นลงมาโดนอาจบาดเจ็บได้ ดังนั้นถ้าเกิดเหตุคืนนี้จริงๆทางที่ดีที่สุดของผมคือ วิ่งลงไปข้างล่าง

คิดได้ดังนั้น ผมจึงอาบน้ำทำธุระส่วนตัว แต่ไม่ได้สวมชุดนอนตามปกติ สวมเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ วางแจ็คเก็ต รองเท้าผ้าใบ และกระเป๋าสะพานที่ใส่ของจำเป็นไว้ใกล้ตัว คิดเอาเองตามประสาคนไม่มีประสบการณ์ว่า ถ้าเกิดอาฟเตอร์ช็อคขึ้นคงใส่แจ๊คเก็ต สวมรองเท้าและคว้ากระเป๋าออกไปได้ทัน จากนั้นผมนอนดูโทรทัศน์  ปิดโทรทัศน์แล้วนอนอ่านหนังสือต่อ แต่ใจกลับนึกไปถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เสฉวน คิดว่าในเวลานี้คนที่นั่นจะเป็นอย่างไร แม้ว่าอากาศในเดือนพฤษภาคมจะอุ่นขึ้นบ้านแต่เวลากลางคืนก็หนาวเย็นอยู่ดี สุดท้ายผมหลับไป และตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ทุกอย่างเป็นปกติ ผมเตรียมพร้อมลักษณะนี้ไปอีกสองคืนจึงเลิกทำ

ผมไปทำงานที่หน่วยภาษาไทยตามปกติ วันนี้ที่ทำงานดูเงียบๆ ทุกคนต่างทำงานของตัวเอง บรรยากาศเศร้าๆจากสภาวะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน หลายคนอาจจะมีเพื่อน มีญาติ หรือมีถิ่นฐานบ้านเกิดอยู่ที่เสฉวน ซึ่งผมเองก็สุดจะคาดเดา มานั่งแปลข่าวตามปกติ ข่าวการให้ความช่วยเหลือจากทางการ การค้นหาผู้รอดชีวิตที่ยังติดอยู่ในซากอาคารยังดำเนินต่อไป การเก็บกู้และความช่วยจากนานาประเทศกำลังทยอยมาเรื่อยๆ

“วันนี้ช่วงบ่ายเราจะมีพิธียืนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตและผู้ประสบภัยกันครับอาจารย์” คุณไช่ว่าเรียบ “ครับ คุณไช่ ผมเสียใจด้วย” ผมตอบไป จากนั้นเราต่างทำงานของตัวเองกันต่อ

ทางการจีนประกาศตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเสฉวน มีผู้เสียชีวิตกว่าหกหมื่นแปดพันคน ผู้บาดเจ็บสามแสนหกหมื่นและผู้สูญหายหนึ่งหมื่นเก้าพันคน นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของจีน แต่ผมมีความเชื่อว่า จีนจะกอบกู้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติได้ดั่งเดิมอีกครั้ง ตามวิสัยของประเทศที่ผ่านมรสุมผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน

ช่วยบ่ายของวันที่ 13 พฤษภาคม 2551 เราต้างยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตและผู้สูญเสียในเหตุการณ์แผ่นดินไหวเพื่อส่งกำลังใจไปถึงพวกเขา และช่วงบ่ายของการคุยโทรศัพท์รายงานสดกับทางศูนย์วิทยุจุฬาฯ ผมนำเรื่องราวแผ่นดินไหวเสฉวนมาเล่าอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายวัน