เรื่องสั้น : การรอคอยที่ไม่มีคำตอบใดๆ จากยา ดะ นา (จบ) / สาโรจน์ มณีรัตน์

เรื่องสั้น

สาโรจน์ มณีรัตน์

การรอคอยที่ไม่มีคำตอบใดๆ จากยา ดะ นา (จบ)

ยา ดะ นาหันมองแทนชนที่กำลังสเกตช์ภาพจิตรกรรมฝาผนังในส่วนที่เหลืออย่างมีความสุข แม้เขาจะเป็นคนต่างถิ่นที่เดินทางมาไกลแสนไกลเพื่อทำงานทางด้านอาสาสมัครให้แก่ 2 แผ่นดิน แต่เธอก็เชื่อเหลือเกินว่าคุณูปการในสิ่งที่เขาทำจะตอบแทนความตั้งใจของเขาในวันข้างหน้า

เธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

แต่เธอมีความเชื่อว่าคนเล็กๆ คนหนึ่งสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ถ้าเขามีความตั้งใจจริง มีความเพียร และมีจิตใจที่มุ่งมั่น สักวันเขาจะต้องประสบความสำเร็จ

ยา ดะ นา เชื่อเช่นนั้น

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงอยากชวนแทนชนท่องไปในอุทยานประวัติศาสตร์อโยธยาที่คนเล็กๆ อย่างเชลยช่างชาวโยเดียเป็นผู้สร้างมันขึ้นมาด้วยสมอง สองมือ และแรงศรัทธาแห่งพระพุทธศาสนาบนแผ่นดินพม่า

เธออยากเล่าให้เขาฟัง

อยากถ่ายทอดเรื่องราวทุกอย่างของครอบครัว และสิ่งที่เธอมีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เชลยช่างเขียนชาวโยเดียที่เธอฟังจากปากของคนเฒ่าคนแก่ในเมืองสะกายให้แทนชนฟัง เพื่อเขาจะได้ใส่จิตวิญญาณและความหวงแหนลงในศิลปะของชาติเข้าไปในลวดลายจิตรกรรมฝาผนังราวกับมีชีวิต

ยา ดะ นา คิดว่าเธอน่าจะทำถูกต้อง

“เสร็จแล้ว” แทนชนส่งเสียงดีใจบอกยา ดะ นา

ยา ดะ นา จึงเดินเข้ามาหาแทนชนภายในพระอุโบสถวัดมหาเตงดอจี เธอบอกให้เขากราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในวัด พร้อมกับกราบขอพรช่างเขียนแห่งอโยธยาเมื่อ 252 ปีก่อนที่ฝากฝีมืออันวิจิตรบรรจงให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้เชยชม จนทำให้เขาต้องเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้

แทนชนทำทุกอย่างที่ยา ดะ นา บอก จากนั้นเขาสองคนก็เดินออกจากพระอุโบสถอย่างสำรวม เพื่อตรงไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ด้านหน้า และระหว่างที่เขาสองคนกำลังเดินทาง

ยา ดะ นา ส่งเสียงเป็นภาษาพม่าบอกเด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งให้ช่วยถ่ายรูปเขา 2 คนตรงหน้าวัดมหาเตงดอจี

เด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนนั้นถ่ายรูปไป 4-5 รูป

ยา ดะ นา เช็กรูปทันทีว่าใช้ได้หรือไม่ ก่อนจะยื่นให้แทนชนดู จนเขาทั้งคู่รู้สึกพอใจกับรูปถ่าย เพราะไม่เพียงเป็นรูปคู่ครั้งแรกระหว่างแทนชนกับหญิงสาวต่างแดน

ยังเป็นรูปคู่ครั้งแรกของยา ดะ นา ด้วย

เพียงแต่แทนชนไม่รู้เท่านั้นเอง

และระหว่างที่มอเตอร์ไซค์ข้ามสะพานแม่น้ำอิรวดี ลมหนาวก็พัดโชยมา จนเขาและเธอรู้สึกสะท้าน ยา ดะ นา เขยิบเข้าใกล้แผ่นหลังแทนชน จนทำให้ไหล่ขวาและลำตัวของเธอแนบชิดจนติดกัน ขณะที่มือข้างซ้ายของเธอวางบนกระเป๋าสี่เหลี่ยมใบใหญ่สีดำ

แทนชนรู้สึกอบอุ่น

ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกแปลกประหลาดกับท่าทีของยา ดะ นา เพราะเขากับเธอเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่กลับให้ความไว้วางใจเขาอย่างมาก

“หรือเพราะเธอเห็นเราเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง” แทนชนคิดในใจ

และระหว่างทางที่จะไปวัดยะดะนา แทนชนขี่มอเตอร์ไซค์ตามคำบอกทางของยา ดะ นา ทุกอย่าง จนกระทั่งมอเตอร์ไซค์มาจอดตรงบริเวณวัด

แทนชนถึงกับแปลกประหลาดใจ เพราะอาคารสถาปัตยกรรมของวัดยะดะนาคล้ายกับวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาหลายแห่งมาก เพียงแต่เขาจำไม่ได้เท่านั้นเองคือวัดอะไร

ยิ่งเมื่อเดินเข้าไปภายในพระอุโบสถเก่าแก่ที่เหลือแต่เพียงเศษซากอิฐ ก็ยิ่งคล้ายศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนปลายทั้งสิ้น โดยเฉพาะช่องหน้าต่างบานใหญ่โค้งมนเข้าหากัน คล้ายกับบานหน้าต่างของพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรีมาก

“งานแบบนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” แทนชนหันไปถามยา ดะ นา

“เหมือนวัดกุฎีดาว จังหวัดพระนครศรีอยุธยามั้ย” ยา ดะ นา ถามแทนชน

“ใช่…จริงๆ ด้วย” แทนชนตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

จากนั้น ยา ดะ นา ก็เล่าทุกอย่างให้แทนชนฟังอย่างที่ตั้งใจ เพราะเธอรู้ดีว่าประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตจะเป็นภาพจดจำที่ดีให้กับแทนชนตลอดไป

ดังนั้น ไม่ว่าแทนชนจะอยู่ที่ไหน? ทำอะไร?

หรือไม่ได้ทำงานทางด้านสถาปัตยกรรมแล้วก็ตาม แต่เชื่อได้ว่าเขาจะไม่มีทางลืมเรื่องราวต่างๆ ในวันนี้ เพราะเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอยากเล่าให้แทนชนฟัง

“เย็นมากแล้ว กลับกันเถอะ” ยา ดะ นา ส่งเสียงบอกแทนชน

“ได้…ได้” แทนชนตอบ

ตลอดเวลาของการเดินทางจากวัดยะดะนา กรุงรัตนปุระอังวะ เพื่อไปยังมัณฑะเลย์ พวกเขาต้องขี่ผ่านกรุงอมรปุระด้วย เดิมทียา ดะ นา จะชวนแทนชนดูอีกวัดหนึ่งที่มีงานจิตรกรรมฝาผนังฝีมือเชลยช่างเขียนชาวโยเดีย แต่เย็นมากแล้ว

เธอจึงตัดโปรแกรมนี้ออก และพาแทนชนไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินบริเวณสะพานไม้อูเบ็ง ที่ไม่เพียงแทนชนจะชอบบรรยากาศมาก เขายังอยากวาดรูปด้วย

แทนชนหยิบแผ่นรองวาดรูป และกระดาษออกมาจากกระเป๋าสี่เหลี่ยมใบใหญ่สีดำที่อยู่ข้างๆ ยา ดะ นา พร้อมๆ กันนั้น เขาก็เดินไปหยิบเป้ที่อยู่ในตะกร้าหน้ารถ เพื่อนำดินสอ และสีไม้มาวาดรูปพระอาทิตย์ตกดิน

เขาวาดอย่างตั้งใจ

วาดอย่างมีความสุข

และเขาก็ใส่ภาพยา ดะ นา เข้าไปอยู่ในเฟรมด้วย ที่ไม่เพียงจะมีเธอยืนพิงเสาไม้สักทางด้านขวามือของรูปที่เรียงรายตลอด 1,200 เมตรเป็นโฟร์กราวด์ หากแบ๊กกราวด์ยังมีชาย-หญิงพม่าเดินสวนกันไกลๆ อยู่ในเฟรมด้วย

ภาพนี้ดูธรรมชาติมาก

และดูอบอุ่นไปกับแสงสีส้มยามพระอาทิตย์ตกดิน

“สวยมากเลยแทนชน” ยา ดะ นา ส่งเสียงดีใจ

“เราให้เธอเป็นที่ระลึก” แทนชนพูดกับยา ดะ นา ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมกับยื่นภาพให้

ยา ดะ นา รับภาพวาดมาอย่างดีใจ เพราะในชีวิตไม่เคยมีใครวาดภาพให้เธอเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เธอยอมเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ผู้ชายจากแดนไกลฟัง

ยา ดะ นา รู้สึกขอบคุณแทนชน

ขณะเดียวกันแทนชนก็รู้สึกขอบคุณยา ดะ นา ที่ทำให้เขารู้จักเธอมากขึ้น จนทำให้รู้ว่าการที่เธอเป็นเธอในทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะตัวเธอเป็นผู้ลิขิตแต่เพียงฝ่ายเดียว

หากบรรพบุรุษอาจเป็นผู้ลิขิตเธอด้วย

หาไม่เช่นนั้น เธอคงไม่ชื่อยา ดะ นา หาไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มีชื่อเล่นว่าแก้ว และหาไม่เช่นนั้น เธอคงไม่อยากไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและเพชรบุรีหรอก

ทุกอย่างอาจถูกลิขิตมาแล้ว

ซึ่งเหมือนกับการที่เธอมาเจอแทนชนที่มาจากถิ่นฐานบ้านเกิดบรรพบุรุษของเธอ

ฟ้าเริ่มมืดแล้ว

แทนชนขี่มอเตอร์ไซค์พายา ดะ นา ไปหาของกินแถวตลาดในมัณฑะเลย์ พวกเขานั่งกินกันครู่หนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เขา 2 คนนัดหมายกันว่าจะไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในเมืองมัณฑะเลย์ เพราะอีกไม่นานแทนชนจะต้องกลับมหานครกรุงเทพแล้ว

ก่อนจากลาในตอนค่ำ ยา ดะ นา ขอสแกนคิวอาร์โค้ดในไลน์ของแทนชนเพื่อส่งรูปคู่ที่ถ่าย ณ วัดมหาเตงดอจีให้เขา

ยา ดะ นา เปลี่ยนรูปโปรไฟล์มาใช้รูปนี้

ขณะที่แทนชนก็เปลี่ยนรูปโปรไฟล์มาใช้รูปเดียวกัน

พวกเขาส่งสติ๊กเกอร์ทักทายเหมือนยอมรับในรูปโปรไฟล์ของกันและกัน แล้วจากนั้น ยา ดะ นา ก็ขอตัวกลับที่พัก พร้อมกับยิ้มให้แทนชนอย่างมีความสุข

ขณะที่แทนชนเองก็สัมผัสได้ถึงความสุขที่ยา ดะ นา มอบให้ เพราะเขาเองก็รู้สึกดุจเดียวกัน จนทำให้ค่ำแห่งคืนนั้นต่างเต็มไปด้วยมิตรภาพระหว่างเพื่อนของพวกเขาทั้งสอง

แดดสายตอน 9 โมงทำให้อากาศในฤดูหนาวของเดือนธันวาคมอบอุ่นขึ้นมาบ้าง แทนชนได้รับสติ๊กเกอร์อรุณสวัสดิ์แต่เช้า พร้อมกับข้อความที่ส่งมาทางไลน์เพิ่มเติมว่าอีก 10 นาทีคงถึงเกสต์เฮาส์

เขาจึงส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไป

และไม่นานเขาทั้งคู่ก็ออกเดินทางโดยมอเตอร์ไซค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ในมัณฑะเลย์ ด้วยการมุ่งหน้าไปทางเหนือเพื่อไปสักการะวัดกุโสดอร์ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงไปชมวัดชเวนันดอร์ พวกเขาสองคนใช้ชีวิตอย่างสโลว์ไลฟ์ ไม่เร่งรีบอะไรทั้งสิ้น เพราะต้องการชมความงามของวัดต่างๆ

โดยมีไกด์กิตติมศักดิ์เป็นผู้บรรยายส่วนตัว

แทนชนยอมรับว่าทุกครั้งที่ยา ดะ นา เล่าอะไรให้ฟัง มักจะมีเกร็ดประวัติศาสตร์แทรกอยู่เป็นระยะๆ จนทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน และพลอยอยากรู้เรื่องราวต่างๆ มากขึ้น

แม้บางเรื่องไม่เกี่ยวอะไรกับประวัติศาสตร์อโยธยาก็ตาม แต่เธอกลับเล่าจนเกิดความเชื่อมโยง กระทั่งอยากไปในสถานที่อื่นๆ เพิ่มขึ้น

จนเวลาล่วงเข้ามาถึงตอนเที่ยง ยา ดะ นา จึงพาแทนชนมากินอาหารอย่างง่ายๆ ที่ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งบริเวณริมแม่น้ำอิรวดี ที่ไม่เพียงจะมองเห็นวิวแม่น้ำตลอดทั้งสาย ยังมองเห็นหมู่ทะเลเจดีย์ผุดซ้อนทับกันอยู่ไกลๆ

“ถ้าเป็นตอนเย็น คงดีมากเลย” แทนชนบอกยา ดะ นา

“ตอนเย็นจะพาไปอีกร้านหนึ่ง บรรยากาศดีกว่านี้อีก” ยา ดะ นา บอกแทนชน

แทนชนพยักหน้าแทนคำตอบ จากนั้นเขาสองคนจึงสั่งกาแฟมาดื่มคนละแก้ว หลังจากอาหารมื้อเที่ยงย่อยไปสักพัก ยา ดะ นา ค่อนข้างชอบร้านนี้ เพราะบรรยากาศสบายๆ ขณะที่แทนชนชอบตรงที่ร้านนี้มีเพียงไม่กี่โต๊ะ

พวกเขาใช้เวลาผ่อนคลายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินทางต่อไปยังพระราชวังมัณฑะเลย์ แม้แทนชนจะไม่เคยมาที่นี่ แต่เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับกษัตริย์องค์สุดท้ายของมัณฑะเลย์อยู่บ้าง

ส่วนตัวเขารู้สึกสงสารพระเจ้าสีป่อและพระมเหสีสองพี่น้องไม่ใช่น้อย แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะประวัติศาสตร์เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ ไม่มีใครไปแก้ไขอะไรได้ ก็เหมือนกับเรื่องราวของชาวอโยธยาที่กลายมาเป็นเชลยชาวโยเดีย ก็ไม่มีใครไปแก้ไขประวัติศาสตร์ได้เช่นกัน

จะมีก็แต่การตามหาร่องรอยแห่งอดีต เพื่อติดตามผู้คนในยุคปัจจุบัน ที่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะจดจำบรรพบุรุษของตัวเองได้หรือไม่

แทนชน และยา ดะ นา ใช้เวลาชมความงามกลุ่มพระราชวังมัณฑะเลย์อยู่จนถึงบ่ายแก่ๆ ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากชวนเขาให้ไปเที่ยวมัณฑะเลย์ฮิลล์ต่อ

เพราะเธอต้องการให้แทนชนจดจำสถานที่ต่างๆ ที่พามา เพราะมัณฑะเลย์ฮิลล์สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำอิรวดีในมุมสูง มองเห็นตัวเมืองมัณฑะเลย์ และมองเห็นวัดต่างๆ ที่เธอเพิ่งชวนเขาไปเมื่อสักครู่ ที่สำคัญ อากาศรอบๆ มัณฑะเลย์ฮิลล์ค่อนข้างดี

โดยเฉพาะหน้าหนาวอย่างนี้ด้วย

พวกเขาสองคนนั่งมองพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าอย่างมีความสุข โดยมิมีคำพูดใดๆ เอ่ยออกมา แทนชนหันมองหน้ายา ดะ นา ในแสงสุดท้ายของวันนี้ เพื่อต้องการจดจำเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงผ่านมา

ยา ดะ นา เหมือนรู้ในสิ่งที่แทนชนสื่อถึง เธอจึงยิ้มอายๆ ให้แทนชน

ค่ำแล้วยา ดะ นา พาแทนชนไปกินข้าว ณ ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งบริเวณริมแม่น้ำอิรวดีที่ตกแต่งสไตล์โคโลเนียล สมัยที่อังกฤษเข้ามาปกครองเมืองมัณฑะเลย์

ยา ดะ นา เลือกโต๊ะริมแม่น้ำ พร้อมกับสั่งอาหารพื้นเมืองให้แทนชนลองกิน 3-4 อย่าง ดูเหมือนเขาจะชื่นชอบอาหารเหล่านั้น และไม่นานอาหารแต่ละเมนูก็ค่อยๆ หมดจากจานและชาม

“อร่อยมั้ยแทนชน” ยา ดะ นา ถามเบาๆ

“อร่อยสิ เรากินหมดเลยเห็นมั้ย” แทนชนตอบเขินๆ เพราะรู้สึกว่าวันนี้เขากินมากเป็นพิเศษ ทางหนึ่งอาจเป็นเพราะพรุ่งนี้เขาต้องกลับมหานครกรุงเทพแล้วก็ได้

ไม่รู้เมื่อไหร่จะมาอีก

แต่เขารับปากยา ดะ นา แล้วว่าจะต้องมาสเกตช์ภาพตามวัดต่างๆ ในเมืองรัตนปุระอังวะและอมรปุระอีก เพราะจากเท่าที่คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา หลังจากนำงานกลับไปให้ตรวจสอบความถูกต้อง เขาน่าจะกลับมาอีกครั้งในราวเดือนเมษายนของปีหน้า

ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนพอดี

“เดือนเมษายนเราจะกลับมาอีกครั้งนะ” แทนชนพูดกับยา ดะ นา ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ค่ะ” ยา ดะ นา ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

แม้ช่วงนั้นอาจจะไม่ยุ่งสักเท่าไหร่ เพราะลูกทัวร์ส่วนใหญ่ชอบมาเที่ยวมัณฑะเลย์ในช่วงปลายฝนต้นหนาว แต่กระนั้นเธอยังไม่มั่นใจว่าจะต้องไปช่วยเพื่อนไกด์คนอื่นๆ เพื่อพานักท่องเที่ยวไปชมวัดวาอารามต่างๆ ในเมืองย่างกุ้งและหงสาวดีหรือเปล่า

“ไม่เป็นไร” ยา ดะ นา บอกตัวเอง

เพราะยังไงๆ เธอต้องกลับมาหาแม่ที่เมืองสะกายอยู่ดี เธอจึงรับปากแทนชนอย่างมีความหวัง เพราะอย่างน้อยเรามีไลน์กันแล้ว คงติดต่อกันได้

แทนชนขี่มอเตอร์ไซค์ส่งยา ดะ นา ถึงที่พัก พร้อมกล่าวคำอำลาเล็กน้อย เพราะพรุ่งนี้ตอนเที่ยงกว่าๆ เธอต้องไปรับลูกทัวร์ที่สนามบินนานาชาติมัณฑะเลย์

ขณะที่แทนชนก็จะกลับในช่วงเวลานั้นพอดี เขาทั้งสองคนจึงนัดเจอกันที่เคาน์เตอร์ของสายการบินแห่งหนึ่งในเวลา 11 นาฬิกา และหลังจากที่พวกเขาเจอกัน แทนชนจึงชวนยา ดะ นา มานั่งร้านกาแฟแห่งหนึ่งภายในสนามบิน เขากล่าวขอบคุณยา ดะ นา ในมิตรภาพไมตรีที่มอบให้ตลอดมา

ขณะที่ยา ดะ นา ก็ขอบคุณในน้ำใจที่แทนชนมอบให้เสมอมาเช่นกัน แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่เธอจะจดจำภาพดีๆ อย่างนี้ตลอดไป

ยา ดะ นา หยิบพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ทำจากแก้วใสขนาดเล็กศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลายให้แทนชน พร้อมกับบอกว่า…เราฝากเธอนะแทนชน

“เธอเก็บพระแก้วไว้ให้ดีๆ นะ พ่อเราเป็นคนแกะสลักเอง ครั้งหนึ่งพ่อเคยตั้งใจว่าจะนำพระแก้วองค์นี้ไปตั้งไว้ในพระอุโบสถที่วัดเกาะแก้วสุทธาราม แต่คงไม่มีโอกาสแล้ว และเราเองก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปเมื่อไหร่ จึงอยากให้เธอเก็บไว้ จนวันหนึ่งถ้ามีโอกาสไปเมืองไทยจริงๆ เราจะนำพระแก้วองค์นี้ไปตั้งด้วยมือของเราเอง” ยา ดะ นา พูดกับแทนชนด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แต่ถ้าเราไม่มีโอกาส ก็ฝากเธอทำแทนให้ด้วยนะ” ยา ดะ นา พูดด้วยน้ำเสียงแกมขอร้อง

แทนชนหยิบพระแก้วองค์เล็กๆ นี้ไว้ในฝ่ามือ ก่อนจะพนมมือขึ้นไหว้อย่างศรัทธา เขามองหน้ายา ดะ นา ด้วยสีหน้าแห่งความหวัง และพูดขึ้นว่า…เธอต้องไปให้ได้สิ เราจะพาเธอไปเอง

“อีกไม่กี่เดือนเราจะกลับมาแล้ว ทำไมเธอถึงรีบให้ล่ะ” แทนชนตั้งคำถาม

ยา ดะ นา ไม่ตอบ

เสียงพนักงานของสนามบินนานาชาติมัณฑะเลย์ประกาศว่าสายการบินแห่งหนึ่งที่เดินทางมาจากดอนเมืองกำลังลงจอดในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า นั่นหมายความว่าแทนชนจะต้องเข้าเกตเพื่อเตรียมตัวเดินทางแล้ว

“โชคดีนะแทนชน” ยา ดะ นา กล่าวคำอำลาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“รักษาตัวด้วยนะยา ดะ นา อีกไม่กี่เดือนเจอกัน” แทนชนบอกยา ดะ นา ด้วยน้ำเสียงมีความหวัง

“ค่ะ” ยา ดะ นา ตอบสั้นๆ

ถึงตอนนี้ แต่ละคนแยกย้ายกันไปตามบาทวิถีของตัวเอง ที่ไม่รู้เส้นขอบฟ้าของการเดินทางจะมาบรรจบพบกันอีกเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ พวกเขาสองคนต่างมีจิตปฏิพัทธ์ต่อกัน

เพียงแต่ไม่มีใครเอ่ยออกมาก่อนเท่านั้นเอง

ลอดปลายฝนต้นหนาวของฤดูกาล สภาพอากาศยังคงทำหน้าที่ของมันโดยธรรมชาติ แม้แทนชนจะอยู่ห่างไกลจากภาคเหนือและภาคอีสานของประเทศไทย แต่กระนั้น ลมฝนและลมหนาวคงยังหอบความฉ่ำเย็นโชยมาจนทำให้เขาสัมผัสได้ถึงใจกลางเมืองเพชร

หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่รู้สึกอะไร

แต่สำหรับปีนี้ แทนชนถามตัวเองบ่อยครั้งว่าทำไมถึงรู้สึกหนาวใจจนบอกไม่ถูก หรืออาจเป็นเพราะเขาขาดการติดต่อจากยา ดะ นา ที่อยู่ไกลห่างถึงเมืองสะกาย ประเทศพม่า

หรืออาจเป็นเพราะไลน์ของเธอไม่ส่งเสียงทักทาย

ทั้งๆ ที่ช่วงผ่านมาในเดือนที่คาบเกี่ยวระหว่างกันของปีที่แล้ว ไลน์ของแทนชนและยา ดะ นา ต่างส่งเสียงทักทายกันเป็นระยะๆ จนทำให้เขารู้สึกอบอุ่น คล้ายกับมีมิตรต่างแดนคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ

แต่ปีนี้ทุกอย่างตรงข้าม

แม้จะปลอบใจตัวเองจากรูปโปรไฟล์ของเธอและเขาที่ถ่ายคู่กัน ณ วัดมหาเตงดอจีที่ยังไม่ถูกลบก็ตาม แต่คำถามก็เกิดขึ้นในใจเสมอว่า…ทำไมเธอถึงไม่ตอบไลน์

ทั้งๆ ที่แทนชนให้คำมั่นสัญญากับยา ดะ นา ว่าหลังจากส่งแบบร่างภาพสเกตช์อาคารสถาปัตยกรรม และจิตรกรรมฝาผนังของวัดแห่งนี้ให้อาจารย์เสร็จเรียบร้อย เขาจะกลับไปหาเธอ เพราะงานยังไม่เสร็จ ต้องสเกตช์แบบร่างอีกหลายวัดในเมืองอื่นๆ ด้วย

แต่เขายังกลับไม่ได้ เพราะเกิดมหันตภัยไวรัสร้ายแพร่ระบาดไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยและพม่า

แทนชนไลน์บอกยา ดะ นา ให้ทราบถึงความคืบหน้า

แต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา

“เธอคงจะยุ่ง” แทนชนรำพึงกับตัวเอง จนทำให้เขาหยิบพระแก้วออกมาจากกระเป๋าเสื้อข้างซ้ายเพื่อดูอีกครั้ง เขานึกถึงคำพูดของยา ดะ นา อย่างขึ้นใจ

ทั้งยังจดจำในสิ่งที่เธอพูดได้ทั้งหมด

และเขาจะรอวันที่มหันตภัยไวรัสร้ายจางหายไปจากโลกใบนี้ เพื่อรีบเดินทางไปหาเธอ และบอกว่าไม่ต้องรอจนกว่าจะเก็บตังค์ให้ได้หรอก เพราะแทนชนตั้งใจแล้วว่าจะพาเธอมาเมืองไทยเอง

พร้อมกับพาเธอไปอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

วัดเกาะแก้วสุทธาราม จังหวัดเพชรบุรี

เพื่อให้ยา ดะ นา นำพระแก้วไปตั้งไว้ในพระอุโบสถของวัดด้วยมือของเธอเอง

แต่เขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากผู้หญิงที่อยู่ไกลแสนไกล

จนกระทั่งมีข่าวปรากฏจากกระทรวงสาธารณสุข สาธารณรัฐแห่งสหภาพม่าประกาศว่า วันนี้มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองมัณฑะเลย์ทั้งหมด 1,841 คน ไม่มีตัวเลขรักษาหาย แต่มียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 7 ราย

โดย 1 ใน 7 รายดังกล่าวปรากฏชื่อยา ดะ นา รวมอยู่ด้วย