เรื่องสั้น : หมาติดเบ็ด

แม้แต่พวกเดียวกันมันยังกิน

ไม่ว่าสายลมหนาวจะพัดผ่านไปสักกี่ปี บ้างหนาวนาน บ้างก็หนาวน้อย บางปีหนาวเพียงสองสามวัน เงียบหายเข้ากลีบเมฆ ไม่ว่าจะหนาวนาน หนาวน้อย หรือหนาวแบบชั่วยามอย่างไม่เต็มใจ ทว่าความร้อนอบอ้าวระอุอยู่ตลอดจะทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นหนาว แล้ง หรือฤดูฝน ความร้อนฉายชัดทางเรือนร่างและดวงตาผู้คน ไม่ผิดข้าพเจ้าที่ร้อนรุ่มคั่งค้างในทรวงดังจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ทีเดียวกับทุกครั้งที่เสียงของหล่อนตะเบ็งขึ้น

ไม่ว่าเสียงของภรรยาจะพึมพำแผ่วเบาหรือว่าตะโกนพ่นคำ นั่นทำให้ระอุร้อนดังไฟที่เผาผลาญเครื่องยนต์ฮอนด้าก็ไม่ปาน และมันลามเลียไปทั่วสรรพางค์กายให้คุกรุ่นและยากที่จะมอดดับ นอกจากปะทะคารมหรือบางครั้งลงไม้ลงมือตามด้วยเสียงข้าวของแตกกระจายเกลื่อน

หลังจากนั้นข้าพเจ้าจะทิ้งเรื่องราวไว้เบื้องหลัง

ความกระหายหิวได้พรากจากการเป็นความอ่อนแอ ขี้กลัว มลายหายไปขณะที่ความเจ้าเล่ห์เพทุบายและความดุร้ายครอบงำหัวใจของมัน ดูเอาเถิดเมื่อก่อนสารรูปเก้งก้างร่างกายซูบโทรม ซี่โครงพะเยิบพะยาบ เดินเหินไร้เรี่ยวแรง, นเพราะความอดอยาก ไม่กล้าต่อสู้แย่งชิง ไม่กล้าเดินทางออกเผชิญโลก เพียงหมกตัวเงียบๆ ไร้สุ้มเสียงป่าวร้องแห่งตน อาจด้วยความขี้ขลาดและหวาดหวั่นในรอบๆ ข้างที่นับวันโหดร้าย ขาดความปรานีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย

ไม่ว่าจะในบ้าน นอกบ้าน ความเลวร้ายและกระหายหิว ที่ต้องประเชิญปัญหา การถกเถียงทั้งในครอบครัวและข้างนอกมีอยู่ต่อเนื่อง อะไรอีกล่ะ ความคิดเห็นที่แตกต่าง ความยากจนอดอยาก ความไม่เท่าเทียม ล้วนเป็นจุดหลักของเรื่อง ความหิวและจนตรอกได้ฉุดกระชากมองหาเศษที่พอประทัง นั่นเอง, เรี่ยหล่นจากผู้ที่มั่งคั่ง ทิ้งขว้างการกินอยู่เปล่าเปลือง อยากกินและลิ้มรสหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ได้เพียงนั่งเฝ้าเหมือนผู้เฒ่านั่งเฝ้าขอนเห็ดกระนั้น เพียงการเคลื่อนผ่านของการถกประเด็นไม่รู้จบ พร้อมๆ กลิ่นอาหารอันโอชะ ความขัดแย้งดิ่งลึก ขณะรอยยิ้มอีกด้านเผยอและอิ่มเอมซุกซ่อนไม่มิด มันเป็นรอยยิ้มที่น่ารังเกียจและขยะแขยง ข้าพเจ้านึก

จะต่อปากต่อคำกับประเด็นนั้นต่อหรือไม่ หรือจะรีบกลับไปเพื่อเปิดประเด็นใหม่ในครอบครัว

สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องกระทำเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะทำแบบนี้ นั่นเพราะ…อาจเป็นข้ออ้างสำหรับการเดินทางออกไปจากที่ซุกหัวนอนและหายไปทั้งวันทั้งคืน ก่อนที่จะกลับเข้ามาอีกครั้งด้วยสติและอารมณ์ที่ไม่สมประกอบมากนัก หลายครั้งที่ข้าวของกระจายเกลื่อน เสียงหวีดร้องและตะโกนฝ่ารัตติกาล มันเริ่มต้นและจบลงด้วยหยาดน้ำตาของลูกชาย ความเลวระยำกองรวมอยู่เบื้องหน้า ความชั่วช้าสามานย์หรืออะไรสักอย่างที่มันฉุดกระชากลากถูทุกสิ่งทุกอย่าง ความรัก ความเข้าใจ ครอบครัว การเอาอกเอาใจใส่ การดูแลซึ่งกันและกัน นับวันเป็นอื่นและมองหน้ากันไม่ติด

ทุกครั้งที่มึนเมาเข้าครอบงำ ชายผู้นี้คือมหาเศรษฐีแสวงหาบางสิ่งที่ขาดหาย เนินอก สะโพกใหญ่ ใบหน้าแฉล้ม กลายเป็นโรคร้ายที่กระหายความอบอุ่น การดูแลจากเพศตรงข้าม ครั้งหนึ่งในชีวิตเคยเรียกขานเพื่อน “ไอ้หื่นกาม” บัดนี้ไม่ต่างจากวันนั้น และนับวันหื่นกระหายหลายเท่ากว่าเพื่อนคนนั้น และนับวันเพิ่มทวีในวัยใกล้ห้าสิบ

แม้ก้างสักชิ้นก็ยังดี ความยากจนบนหูทั้งสองข้าง ที่สองฝ่ายกระหน่ำให้รอคอยเศษๆ ประทังท้อง ประดาทั้งหลายกระเสือกกระสนหาที่อยู่อาศัยไปเรื่อย เพียงต่อท่อลมหายใจให้หยัดยืน หรือมีที่อยู่ที่ยืนสำหรับปลาเชื่องได้รวมผองพี่น้องได้ซุกซ่อน ปลาที่ไม่คุ้นเคย เมื่อพบเจอน้ำใหม่จึงระเริงว่าย หรือเศรษฐีที่ออกจากบ้านเพื่อได้ตะโกนสั่งคนอื่น อวดอ้างบารมีแห่งตน ทั้งที่ประเด็นเรื่องเป็นเพียงสิ่งสมมุติให้เกิดการถกเถียง หรือเพื่อแสดงตนอะไรสักอย่าง

แล้วมันก็แย่ลงจริงๆ แต่ละวันที่บ้าใบ้เลวร้ายกับเรื่องผู้หญิง ใครๆ ก็ตราหน้าว่าอย่างนั้น -มันเลว-มันเป็นคนไม่ดี, -เจ้าชู้ หรือบอก -ไอ้หื่นกาม ใครจะรู้เท่าตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ อะไรคือสาเหตุและทำไปทำไม แน่ละ…สายตาที่เพ่งมองออกมาจากภายนอกย่อมเลวร้ายเป็นธรรมดา ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ จากชายที่โดนก่นด่าประณาม นั่นยิ่งทำให้แสวงหาสถานที่ซุกตัวมากขึ้น หรือว่าซอกใดที่มีน้ำเปลี่ยนนิสัยหรือสันดานและหญิงสาวเคียงข้าง นั่นย่อมต้องเห็นระริกระรี้ท่ามกลางกลิ่นคาวอันโสมมและขมขื่น ไม่นับน้ำตาที่เอ่อท้นดวงตาและใบหน้าให้คนขันและเป็นข่าวลือลามทุ่งดอกโสนแรกแย้ม

เป็นหมาติดเบ็ดโดยแท้

ดอกสะแบงตะแคงเคว้ง มันเครียดและอึมครึมกันไปหมด มันเกิดอะไรขึ้นในกลุ่มของผู้คน ต่างระแวดระวังและเข้าห้ำหั่นกันด้วยวิธีและกลลวงต่างๆ นานา ไม่รู้ว่ามันเริ่มจากจุดไหน ที่แน่ๆ แม่ค้าในตลาดยังคงวนเวียนในหลุมลึกแห่งตัวเลขบนหน้าจอทรงแปลกประหลาดที่มีภาพเคลื่อนไหวอย่างน่าทึ่ง

ทว่ายังมีฝ่าย…เจ้าหน้าที่จราจรปฏิบัติงานได้อย่างไร แล้วแม่พิมพ์ของชาติกำลังทำอะไรอยู่ อีกทั้งผู้บริหารทุกระดับ ผู้คนทุกอาชีพ ร่ำร้องโอดโอยทุรนทุรายด้วยอาการภายในที่ออกจากความรู้สึก

ชายหนุ่มกระชากรถคู่ใจตะบึงฉิวฝ่าความมืดอย่างไร้จุดหมาย ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ต้องตื่นมาพบกับเรื่องราวอันน่าสะอิดสะเอียน ป่าเถื่อน ลวงโลก ด่าทอตอแหล สับปลับ อะไรต่อมิอะไร นั่นคือขยะที่ถูกทับถมมาชั่วนาตาปี ตั้งแต่ยุคเริ่มมีประชาธิปไตย ตั้งแต่ลืมตาและจำความได้

ครุ่นคำนึงถึงบางเสี้ยว ข้าพเจ้าเป็นส่วนหนึ่งหรือไม่ แน่ละ มันบัดซบ ระยำนัก

ไฟด้านหน้าสาดปะทะพื้นถนนและเส้นขาวเหลือง สวนกับไฟต่ำสูงกะพริบวาบขึ้น-ลง บางครั้งนัยน์ตาพร่าสบถคำเหี้ย เมื่อนึกฉุนและอยากจอดหรือขับชนแม่ง…ดีไหม

ส่วนเท้าเหยียบกดทับลงไป เพราะนึกขึ้นได้ว่ามันต้องมีเป้าหมาย

การเดินทางของปลา ผู้คน และฝูงหมา

การถกเถียงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ต่างไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครยอมลดราวาศอกเออออห่อหมก…ยอมพ่ายแพ้หรือจำนนด้วยเหตุผล เพราะเหตุผลของฝ่ายตนต้องถูกต้องเสมอ นั่นคือความเห็นต่าง เช่นเรื่องราวในครอบครัว เหตุผลของคนสองคนต่างกันลิบลับ ไม่มีวันเข้าใจและลงเอยด้วยดี ทว่าการอิ่มหมีพีมันได้ดำเนินควบคู่ไปกับคารมคมคายต่อเนื่อง บางครั้งเศษอาหารพุ่งออกจากกระพุ้งแก้มให้บางสิ่งที่เฝ้ามองน้ำลายฝืดกลอกกลิ้งนัยน์ตา ลำตัวสั่นสะท้าน แข้งขาไร้แรงพาเดินเหินเข้าไปใกล้

“มันก็แค่ฝูงปลาธรรมดา” เขาถกกัน

“การเดินทางไกล จากไหนนะ…โน่น จากอารยะเก่าแก่ที่ไม่มีใครพึงปรารถนา จะมาสู้พวกเราได้ยังไง พวกเรามีราก มีที่มาที่ไปชัดเจน จากอาณาจักรลุ่มน้ำโขงอันไกลโพ้น เราไม่ใช่ไท พวกเราเป็นลาว”

“ถ้าเป็นความตายของปลาล่ะ”

“ฝัง ฝังสิวะ เนื้อหนังมันกินได้เสียที่ไหน”

“ตัวที่เหลือ…” อย่างน้อยผู้กล่าวนี้ยังหลงเหลือคุณธรรมอยู่บ้าง ซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจมีตรรกะใดโต้แย้งแห่งการเดินทางหรืออพยพย้ายถิ่นฐาน การเมือง การปกครอง ไม่กล้าถกเถียง เพราะแม้ในครอบครัวกับภรรยายังไม่สามารถจะเอาชนะหล่อนได้สักครั้ง นั่งเฝ้ามองการถกเถียง ตกอยู่ในวงล้อม แม้อยู่อีสาน แต่ภาษาถิ่นอีสานทั้งลาว เขมร ไทยอีสาน ยังไม่ชำนาญนัก เหมือนฝูงหมาที่รายล้อมรอเศษอาหารนั่นแหละ

“ค่อยๆ ทยอยปลดปล่อย บางตัวคุมขังอย่าให้ขาดช่วง”

“จงจำ จะทำงานใหญ่ต้องโยนเศษอาหารให้พวกมันด้วย ให้พวกมันดีใจ หลงระเริงว่าเป็นพวกเดียวกัน เข้าใจมัน มันคิดว่าเราปรานี เป็นพวก เมื่อมันมาติดกับดักแล้ว ต่อไปจะเอาอะไรจากมัน จะใช้อะไรจากมันก็ง่ายดาย…”

การถกประเด็นดำเนินต่อไป บ้างมีโวหารสละสลวย บ้างอ้างอิงแหล่งที่มาที่ไปน่าเชื่อถือ ท่ามกลางสายตาของผู้เฝ้ามอง แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นบ้าง ทว่าการรอคอยที่คล้ายมีความหวังไม่เคยจางหายไปจากดวงตาเสียทีเดียว และต่างเชื่อว่า อีกไม่นานการได้รับการดูแลเอาใจใส่เพื่อการสวามิภักดิ์จะต้องเกิดขึ้น แน่นอน การให้นั้น ก็เพื่อความซื่อสัตย์ และให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ล้วนเป็นการเดินทางมาจากฝั่งเดียวกัน

การต่อสู้ในปรัชญาเชิงความคิดนี้ ผู้อยู่ในวัยกลางคนต่างก็รอคอย อีกบางเสียงที่หายไป อีกหลายคนที่ยังมาไม่ถึง บางคนอยากจบเพื่อเดินออกจากกลุ่มไปสู่เป้าหมายใหม่ การจบประเด็นไม่จำเป็นต้องวันเดียว

ทว่าการจบของแต่ละครั้งไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เพราะบางอย่างรอคอยการไปของพวกเขาบางคนที่สร้างสมไว้สำหรับบารมี

พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น มันก็เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ฉันสะดุ้งเล็กน้อย เผยอเปลือกตาอย่างยากเย็น ใจสั่นหวั่นไหว มันเป็นเสียทุกครั้งนั่นแหละเมื่อสัญญาณแบบนี้ดังขึ้น บาปกรรมเก่าๆ เดินทางมาเยือนอย่างจำยอม นี่ฉันมีชีวิตอยู่อย่างนี้มาได้อย่างไรในรอบหลายปีที่ผ่านมา เสียงเคาะประตูคล้ายบาดแผลแสดงคำร้องแห่งความเจ็บปวด เศร้า บางครั้งมีความหวัง ปะปนไปกับความน้อยเนื้อต่ำใจบางอย่างที่พลุ่งพล่านเดือดปุด…ก็แน่ละ ฉันเป็นเพียงบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ผู้มาเยือนสมหวัง หรือบางครั้งอาจจะผิดหวังก็ได้ เหล่านั้นกระทำกับฉันอย่างสาแก่ใจแล้วเดินจากไปเงียบๆ…

ฉันไม่รู้ว่า มันเริ่มต้นมาจากจุดไหน

ไม่รู้ว่ามันคือความรักหรือไม่ จู่ๆ ฉันได้สัมผัสและหลงใหลกลิ่นหอมแห่งราคะอันเป็นสัญลักษณ์ของความใคร่ ทั้งหลงระเริงตนเองในความงดงามสะพรั่ง มีความตื่นเต้นในครั้งแรกๆ มีความหวังและอบอุ่นคละเคล้าในทุกวันที่จ่อมจมในเรื่องนี้ ที่สุดมันก็ปวดร้าวในวันที่สิ้นสุดลงสำหรับทุกอย่าง มีเพียงพยานรักที่เป็นคล้ายสิ่งตอกย้ำให้จดจำเรื่องราวเหล่านั้น ฉันรักเขาหรือเป็นความใคร่ของเด็กสาวที่หลงอยากรู้อยากลอง ก็มันสมัยมัธยมมาแล้วนี่ เสียงกล่าวขานในตัวฉันไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร เมื่อหมดสิ้นในครั้งแรก ต่อมาฉันก็ใช้ความรักเปล่าเปลือง หลงระเริงกับกองไฟ มันลามเลียให้ร้อนรุ่มพลุกพล่าน รนหาเรื่องเสมอ อะไรที่ฉันต้องการ อะไรที่สาแก่ใจ แต่ละวันที่ผันผ่าน สักกี่คนที่เข้าใจ แม้แต่ครอบครัวฉันเองก็เถอะ นั่นฉันไม่ยี่หระ ฉันได้ปลดปล่อยตัวเองออกมาจากทั้งมวล ทั้งเสียงติฉินนินทา หรืออะไรก็แล้วแต่ ต่อให้ระงมก้องเท่าใดไม่ทำให้ฉันเหลียวกลับไปมอง คนอย่างฉันเมื่อเดินหน้าแล้วต้องไปให้ไกลที่สุด

จะเป็นหมาไล่เนื้อ หมาติดเบ็ด ให้เขาเรียกขานอย่างไรก็ได้ เพราะพวกเขามาแล้วก็ไป ทิ้งเพียงปรัชญาสั่วๆ ที่ไม่มีวันเข้าใจได้ เพราะฉันไม่มีวันเข้าใจกับสิ่งที่พวกเขาถกเถียง และฉันเองก็หลงทางมาไกลแล้วด้วย

ที่สุด ฉันก็เดินทางไปไกลแทบหาทางกลับสู่เส้นทางเก่าไม่ได้

กลุ่มผู้ถกเถียงต่างถามตัวเองเสมอเช่นกันว่า พวกเขาเป็นปลาหรือไม่ หากเป็น เป็นปลาอะไร ตัวใหญ่ไหม พวกเขากินพวกเดียวกันหรือไม่ หรือ…ไม่กินพวกเดียวกันจะกินอะไร ขณะบางคนครุ่นคิดระหว่างถก นึกถึงเรือนร่างงามอรชรของหญิงสาวที่จากมา ด้วยเหตุนี้เขาจึงมาสายกว่าทุกคน ในกลุ่มถกประเด็น วิพากษ์วิจารณ์ถึงไหนต่อไหนเขาคนสุดท้ายเพิ่งโผล่มา แน่นอน นักปรัชญากับความรัก ข้าพเจ้าเคยยิ้มให้เพราะมีความต่างจากกันโดยสิ้นเชิง เขาเป็นนักรัก ใช้หญิงเปล่าเปลือง บางครั้งอกหักรายวัน ผิดจากข้าพเจ้าที่หลุดจากวงล้อมครอบครัวหลังข้าวของแตกกระจายเกลื่อน ไร้ความรักและความรู้สึก ทว่าพวกเขาพากันวิเคราะห์ อยู่ในน้ำก็ต้องกินสัตว์น้ำ อยู่บกก็ต้องกินสัตว์บก

หญิงสาวในห้องนอนรอคอยฟังเสียงเคาะประตู คงไม่ต่างจากภรรยาข้าพเจ้าที่รอคอยการกลับไป แต่การถกเถียงไม่มีวันจบลงง่ายดาย อีกทั้งความหิวกระหายของผู้รายล้อมที่รอคอยอย่างอดโซ

น้ำลาย…เศษอาหารกระเซ็นอยู่เป็นระยะๆ ระหว่างสองฝ่าย ซึ่งต่างมีเหตุมีผลของตัวเองในการหักล้าง เพื่อให้อีกฝ่ายมองเห็นและคล้อยตาม นำไปสู่ชัยชนะ แต่มันคงไม่ง่ายดายขนาดนั้น เมื่อแต่ละฝ่ายไม่ยอมรับในความคิดของอีกฝ่ายเสียแล้ว คงไม่มีใครยอมรับในความคิดของหญิงสาวผู้รอคอย คงไม่มีใครยอมรับภรรยาที่วันๆ เอาแต่หาเรื่อง แต่ ณ ที่นี้ วงพูดคุยถกเถียงของบรรดาปราชญ์ทั้งหลายเข้มข้น ข้าพเจ้าตกอยู่ในวงล้อมฝูงหมาที่เริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นด้วยความหิวกระหายและรอคอยเนิ่นนาน ความหิวปั่นป่วนยอมทนเพื่อการดูถูกเหยียดหยาม คำต่างๆ ที่พ่นสาดโครมลงใส่ จนแทบไม่เหลือความยิ่งใหญ่ในสัญชาตญาณ ไร้การเห่าหอนขบกัดตามควรจะเป็น หรือปกป้องเจ้าของ นี่ ความจองหองหายไป ความหิวและความอดอยากกระมังที่ทำให้พวกมันเริ่มหมอบคลานและค่อยๆ คืบเข้ามาใกล้มากขึ้น นัยน์ตาชวนเศร้า กระดิกหาง ใบหูหม่นหลุบน่าสังเวช

ในขอบเขตของประเด็นการถกเถียงเพื่อชัยชนะ…เพื่อซ้ำเติม เพื่อให้ฝ่ายตนถูกต้องได้รับการยอมรับ ลึกลงไปพวกเขามีความสาใจมากกว่าที่ได้พ่นคำระบาย อย่างน้อยก็มีฝูงหมานั่งฟัง แม้ว่าหลายครั้งได้แสดงความโง่เขลาออกมา ช่างปะไร…ใครจะรู้ เวทีนี้…พวกเขาเท่านั้นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกด้าน

มีเพียงหมาหน้าโง่ที่หมอบคลานอยู่นี้กระมัง…หากได้ยินจะทำอะไรได้

กลุ่มคนยิ้มหยัน มองเห็นการเดินทางของปลา แน่นอน ยาวไกล…แม้การพลัดพรากแห่งยุคสมัย ความตาย…การถูกกักขัง สุดท้าย ที่หลุมฝังศพ ทว่าส่วนที่เหลือรอเพียงน้ำใหม่ ไม่นาน…ผู้คนจะได้ลิ้มรสที่พวกเขาเป็นฝ่ายหยิบยื่นลงไปให้ และแน่นอนเขาต้องได้เปล่งเสียงหัวเราะเมื่อเห็นการแย่งชิง เห่ากัด ทะเลาะกันเองของฝูงหมา

“เราต้องเข้าใจว่า กำลังต่อสู้กับอะไรอยู่”

“อย่าลืมสิ สิ่งที่พวกมันทำกับพวกเรา ทีพวกมันได้รับการยกเว้น”

“แต่นั่นมันอดีต ปัจจุบันการต่อสู้ได้เปลี่ยนไปแล้ว เรากำลังต่อสู้กับอะไร…ตอบได้ไหม”

“ความชั่วร้ายมาจากไหน ใครเป็นผู้ก่อ ต้องตอบตัวเองให้ได้ มันเกิดจากไหน ใครทำ นั่นคือจุดเริ่มต้น เราต้องดูที่ต้นเหตุ มิใช่ปลายเหตุ”

“นั่นแหละ นั่นแหละ เพราะมันถูกต้องและปกป้องฝ่ายเดียว อีกฝ่ายทำอะไรก็ผิด”

“สุดท้ายพวกเราต่างสูญเสียใช่ไหม เราต้องเรียนรู้อดีตไหม แล้วข้าวปลาอาหารที่เรากำลังกิน พวกเราระวังเบ็ดติดคอ เบ็ดในปากปลา-ท้องปลาที่พึงระวัง เดี๋ยวค่อยโยนให้หมามัน”

ประเด็นต่างๆ ถาโถมเข้ามา การถกเถียงยังคงดำเนินต่อไป ข้าพเจ้าไม่นึกถึงภรรยาผู้ตะเบ็งเสียงใส่ อีกหลายคนอาจจะนึกถึงหญิงสาวในห้องที่รอคอย และอยากให้เรื่องราวที่ถกเถียงจบลงด้วยดีและเร็ว ทว่าความเผ็ดร้อนทางความคิดย่อมเข้มข้นกว่าสิ่งใด ขณะฝูงหมาขยับตัวไปมา และอาจสุดทนกับความหิวโซ อะไรก็ได้ในตอนนี้ มันไม่มีสิทธิ์เลือก ขอเพียงโยนลงมาเถอะ หมาฟังไม่เข้าใจในปรัชญาน่ารำคาญนั้น ครั้นจะเห่าหอนอาจโดนตะเพิดเสียก่อน และมันก็อ่อนแออ่อนล้าเกินกว่าจะขยับตัวหนีไปหากินทางอื่น

เอาเถอะ ผู้คนในกลุ่มร้อง พวกมึงแดกกันมามากแล้ว ให้หมามันกินกันบ้าง ดูเอาเถอะกินกันแบบทิ้งขว้าง เหลือเฟือเกินไป แล้วพวกเขาก็บอกกล่าวให้ระวังเบ็ดในขณะที่การถกเถียงหน้าดำหน้าแดง ทว่าความห่วงใยเปิดแง้มให้น่าขัน บางปากตะกละตะกลามน่าอดสู และแน่นอนว่า สำเนียงโวหารต่างๆ เริ่มสั่นคลอนและหดหายเมื่อพวกเขาพูดถึงหญิงสาวมากขึ้น-ถี่ขึ้น ข้าพเจ้าเองก็นึกระลึกถึงภรรยาเช่นกัน จากนั้นมีเพียงเสียงหัวเราะขณะเริ่มโยนเศษและก้างปลาไปรอบๆ มากขึ้น สำเหนียกถึงผู้รอคอยกระโดดงับและตะกละตะกลามอย่างฉับไวรวดเร็ว พวกมันกินอย่างมูมมาม ผู้คนก็กินไม่บันยะบันยังเช่นกัน เขาเรียกกินทิ้งกินขว้าง ขณะเคี้ยวก็นึกถึงความชาญฉลาดของพรานปลา นักล่าแห่งน้ำจืดที่มีวิธีการไม่ให้ปลาตายเร็ว ปลาตายราคาไม่ดี ฉะนั้น พวกเขาจะให้เบ็ดอยู่ในท้องปลา ตัดเพียงเชือกออก กินไปยกย่องเยินยอผู้หาปลาในวิธีการสุดสยอง เบ็ดยังคงคาอยู่ในท้องปลา

พวกเขาไม่ใช่ปลา เป็นเพียงผู้ได้กินปลา และเขาก็โยนออกไปเรื่อยๆ

เสียงสำรอกครืดคราดๆ และวิ่งวนไปมา ขาหน้าตะเกียกตะกายเส้นด้ายที่โผล่พ้นจากปาก พยายามช่วยตัวเองที่คล้ายบางอย่างติดอยู่ที่ปากหรือลำคอของมัน เสียงครอกๆ วิ่งวน ทว่าพวกมันก็ยังกลืนกินสิ่งที่พวกเขาโยนให้ หมากำลังต่อสู้เพื่อการอิ่มท้องแม้ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาในปาก และกำลังต่อสู้เพื่อเอาชนะบางอย่าง ขณะที่ผู้คน-พวกเขานักปรัชญาเริ่มอิ่มและคิดได้ มองยังฝูงหมาที่ร้องครอกๆ ในลำคอ ตะเกียกตะกายช่วยตัวเองให้พ้นพันธนาการในช่องปาก

ผู้คนยิ้มขัน สะใจ ปากพร่ำ และเสียงหัวเราะ “เฮ้ย…หมาติดเบ็ด”