Bristol Hi-Fi Show 2023 (จบ)

จากที่สังเกตรายงานตามสื่อต่างๆ พบว่างานหนนี้สนามประชันด้านลำโพงออกจะคึกคักเป็นพิเศษ หลายๆ ค่าย มีรุ่นใหม่ๆ ออกมาเรียกแขกให้เข้าห้อง (ไปลองฟัง) ทั้งด้วยสุ้มเสียงที่ลอดออกมาให้ได้ยิน

และบ้างก็ด้วยหน้าตาที่ชวนให้สะดุดใจ อาทิ รุ่นใหม่ของ Wilson Benesch ตระกูล ACT : Advance Composite Technology ที่มาด้วยโครงสร้างตู้สีม่วงแลดูแปลกตา ทว่าให้สัมผัสถึงความเรียบหรูดูแพงได้เป็นอย่างดี

นั้น, คือ ACT 3Zero พัฒนาการล่าสุดของลำโพงตระกูลนี้ที่กำเนิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1991

ที่น่าสนใจประการแรกของลำโพงรุ่นนี้ก็คือการเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในโครงสร้างตู้ จากแต่เดิมที่เป็นคาร์บอน-ไฟเบอร์ซึ่งคล้ายจะเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไปแล้ว มาเป็นวัสดุชีวภาพ (Bio-Base Composite Material) ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวล้ำไปอีกขีดขั้นของแบรนด์

และนับเป็นครั้งแรกของลำโพงตระกูลนี้ที่ใช้ระบบขับเสียงย่านความถี่ต่ำแบบ IDS: Isobaric Drive System (ขนาด 7 นิ้ว, สองตัว วางซ้อนกัน) ทำงานร่วมกับ Low Bass Driver ขนาด 7 นิ้ว และมิดเรนจ์ Tactic 3.0 ขนาด 7 นิ้ว กรวยคาร์บอน-ไฟเบอร์และไนลอน

ส่วนทวีตเตอร์ Fibonacci ที่มีขนาด 1 นิ้ว ขึ้นรูปแบบไฮบริดด้วย Silk-Carbon โดยมีครอสส์โอเวอร์ เน็ตเวิร์ก ถึงสี่ชุดที่ผ่านการออกแบบมาอย่างซับซ้อน เพื่อให้ไดรเวอร์แต่ละตัวทำงานอย่างเป็นอิสระ เต็มประสิทธิภาพ แต่สอดประสานกันอย่างต่อเนื่องและลื่นไหล ให้น้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติสูงพร้อมเวทีเสียงที่สมบูรณ์

Wilson Benesch ACT 3Zero ระบุว่าเป็นลำโพงแบบ 2.5 ทาง อิมพีแดนซ์ปกติ 6 โอห์ม วัดค่าความไวได้ 89dB@1m/2.83v ให้การทำงานตอบสนองความถี่ 34Hz – 30kHz

ไหนๆ ก็พูดถึงลำโพงสีม่วงแล้ว ขอคั่นด้วยเรื่องสีที่สะดุดตาในงานนี้อีกแบรนด์ นั่นคือ Pro-Ject Colourful Audio System ซึ่งเป็นชุดไฮ-ไฟ สเตอริโอ ที่มาด้วยสีสันอันสดใส โดยมีให้เลือกทั้ง Golden Yellow, Steel Blue และ Fit Green รวมทั้งสีสันอันเป็นที่คุ้นตาอย่างขาว, ดำ และวอลนัท

โดยทั้งซิสเต็มประกอบไปด้วยเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่น Debut Carbon EVO ประกอบเข้าโทนอาร์มก้านตรง น้ำหนักเบา ที่ขึ้นรูปด้วยคาร์บอน ติดตั้งหัวเข็ม Ortofon 2M Red ส่วนแอมปลิไปเออร์ที่ผนวกสตรีมเมอร์ในตัวคือรุ่น MaiA S3 กำลังขับ 23W/Ch, 8 Ohm รองรับการทำงานระบบไร้สายผ่าน Bluetooth aptX HD มีช่องเสียบอินพุตให้ทั้งอะนาล็อกและดิจิทัลครบถ้วน รวมทั้งให้ต่อใช้งานร่วมกับเพาเวอร์-แอมป์ตัวอื่นหรือสับ-วูฟเฟอร์ได้ ภาคโฟโนรองรับ MM : Moving Magnet

ส่วนลำโพงเป็นรุ่น Speaker Box 5 S2 แบบคอมแพ็กต์ มอนิเตอร์ 2 ทาง วูฟเฟอร์ขนาด 5-1/8 นิ้ว ขึ้นรูปกรวยด้วยไฟเบอร์กลาสส์ ทวีตเตอร์แบบซอฟต์-โดม ขนาด 1 นิ้ว ใช้แม่เหล็ก Neodymium ครอสส์โอเวอร์ เน็ตเวิร์ก เป็นแบบปลอดแผ่นพิมพ์วงจร โครงสร้างตู้ขึ้นรูปด้วย MDF แบบพิเศษมีความแกร่งสูงและไร้การสะท้อน

ทั้งซิสเต็มที่เห็นในรูปนั่นแหละครับ มาพร้อมสายลำโพงความยาว 3 เมตร ติดหัวเสียบเรียบร้อย, หนึ่งชุด ระบุราคารวมเอาไว้ที่ 1,599 ปอนด์

กลับมาดูลำโพงกันต่อ ที่น่าสนใจอีกรายก็คือการกลับมาของลำโพงในกลุ่ม Heritage Series ของ Wharfedale แบรนด์ของสหราชอาณาจักรที่เพิ่งจะฉลองครบรอบ 90 ปีไปหมาดๆ ลำโพงรุ่นที่ว่าก็คือ Dovedale รุ่นใหญ่สุดของตระกูลนี้ที่มีอยู่ด้วยกันสี่รุ่น

Wharfedale Dovedale นั้นออกสู่ตลาดครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1965 แต่เวอร์ชั่นที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่นี้ใช้ต้นแบบจาก Dovedale 3 ที่ปรากฏตัวในปี ค.ศ.1971 โดยผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีที่เป็นพัฒนาการล่าสุดซึ่งใช้อยู่ในรุ่น Linton ลำโพงระดับ 5 ดาว ของแบรนด์ โดยมีโครงสร้างภาพลักษณ์สไตล์เรโทรที่มีขนาดใหญ่กว่า Dovedale 3 ทุกๆ ด้าน (เพียงเล็กน้อย)

ชุดตัวขับเสียงทั้งหมดได้ถูกออกแบบใหม่ โดยทวีตเตอร์เป็นแบบโดมผ้า ขนาด 1 นิ้ว ติดตั้งเอาไว้ในห้องเฉพาะที่มีวัสดุซับเสียงแบบพิเศษ เพื่อให้ปลอดการรบกวนที่จะไปลดทอนประสิทธิภาพการทำงาน มิดเรนจ์ขนาด 5-1/4 นิ้ว และวูฟเฟอร์ขนาด 10 นิ้ว ขึ้นรูปกรวยด้วยการถักทอเส้นใย Kevlar โดยมิดเรนจ์ก็ได้รับการติดตั้งอยู่ในห้องปิดเฉพาะที่ปลอดการรบกวนเช่นเดียวกัน โดยมีวัสดุซับเสียงที่เป็น Acoustic Foam แบบพิเศษติดตั้งภายในตู้เพื่อช่วยให้ไดรเวอร์ทำงานด้วยความถูกต้องเที่ยงตรง

ระบุคุณสมบัติเป็นลำโพงระบบ Bass Reflex อิมพีแดนซ์ 6-1/2 โอห์ม วัดค่าความไวได้ 89dB@1m/2.83v กำหนดให้ใช้กับแอมป์กำลังขับ 25-250 Wrms ให้การทำงานตอบสนองความถี่ 36Hz-20kHz(+/-3dB) และลงไปได้ต่ำลึกถึง 25Hz (-6dB)

Wharfedale Dovedale มาพร้อมขาตั้งที่ออกแบบให้เข้าคู่กันโดยเฉพาะ รวมราคาชุดละ 5,500 ปอนด์

อีกหนึ่งลำโพงแนวย้อนยุคที่น่าสนใจในงานนี้ คือ Klipsch the Sevens ที่ผู้ผลิตบอกว่าเป็น Heritage Inspired แต่มาในแนวของลำโพงยุคใหม่ที่เป็นแบบ Active Speaker ผนวกแอมป์และสตรีมเมอร์ในตัว เพียงนำแหล่งโปรแกรมมาต่อเข้า หรือสตรีมเพลงจากอุปกรณ์พกพา อาทิ สมาร์ตโฟน หรือ Music Player ก็สามารถเล่นเพลงได้ทันที

เป็นลำโพงระบบ Bass Reflex แบบ 2 ทาง ทวีตเตอร์ขึ้นรูปด้วยไทเทเนียม ขนาด 1 นิ้ว ผนวก Tractrix Horn วูฟเฟอร์ขนาด 6-1/2 นิ้ว แบบ High Excursion ผนวกแอมป์ที่แยกขับไดรเวอร์แต่ละชุดด้วยกำลังขับรวม 200W โดยให้ระดับความดังสูงสุดที่ 112dB ให้การทำงานตอบสนองความถี่ 39Hz-25kHz (+/-3dB) มีพอร์ต HDMI แบบ ARC : Audio Return Channel, พอร์ต USB, Optical Input, Mini Jack Input, RCA Line Input รองรับ Phono MM และมีเอาต์พุตให้สำหรับเชื่อมต่อกับสับ-วูฟเฟอร์เพื่อการทำงานในระบบ 2.1 ระบบไร้สายทำงานผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับไฟล์ความละเอียดสูงถึงระดับ 24-bit/192kHz

ผู้ผลิตบอกว่า – นี้, คือลำโพงที่ให้การทำงานได้หลายหลากมากรูปแบบที่สุดในโลกครับ

สุดท้ายเห็นรูปในห้องโชว์ของ Lyngdorf Audio แล้วก็อดไม่ได้ ขอนำมาพูดถึงในฐานคนเคยคุ้นกับคุณปีเตอร์ ลีงดอร์ฟ ผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้ และเคยมีผู้นำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราอยู่ช่วงเมื่อคราวจับมือกับเปียโน Steinway ทำเครื่องเสียงออกมาซิสเต็มหนึ่ง และนำมาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในบ้านเราเมื่อหลายปีก่อนด้วย

กับงานโชว์ที่บริสตอลหนนี้นับเป็นครั้งแรกที่คุณเขาเอาเครื่องและลำโพงไปโชว์ โดยมี TDAI-3400 แอมป์กำลังขับ 200Wrms ผนวกสตรีมเมอร์รองรับไฟล์ความละเอียดสูงและคุณภาพสูงอย่าง MQA : Master Quality Authenticated ทั้งยังผนวกระบบแก้ไขสภาพห้อง RoomPerfect ที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะ ซึ่งได้รับความชื่นชมอย่างมากเอาไว้ด้วย

โดยทำงานกับลำโพงรุ่น Cue-100 ที่ประกอบขาตั้งแบบสามเสาในตัว ใช้ชุดตัวขับเสียงที่เป็นพัฒนาการล่าสุด คือ Mid/Bass Driver แบบ Purifi Titanium ทำงานร่วมกับแผง Purifi Bass Radiator สองชุด ส่วนทวีตเตอร์เป็นแบบแผ่นฟิล์มที่ขึ้นรูปด้วย Kapton Foil ทำงานในระบบ AMT : Air Motion Transfer

เป็นซิสเต็มที่ได้รับคำชื่นชมในงานมาก ว่ามีน้อย (คือเพียงสามชิ้น) แต่ให้เสียงดนตรีออกมามาก (ยิ่งใหญ่) จริงๆ •

 

 

เครื่องเสียง | พิพัฒน์ คคะนาท

[email protected]