ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 กุมภาพันธ์ 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง |
เผยแพร่ |
เจียวกู่หลาน ชื่อนี้คนไทยคุ้นเคยกันดี หลายท่านเข้าใจว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรจีนที่เพิ่งนำเข้ามาปลูกและใช้ในประเทศไทย
แต่เมื่อได้มีโอกาสเที่ยวชมดอยอินทนนท์กลับพบเห็นต้นเจียวกู่หลานเกิดขึ้นในป่าเต็มไปหมด
รวมทั้งชาวบ้านในชุมชนละแวกนั้นก็ปลูกเจียวกู่หลานกันหลายบ้าน
ปัจจุบันเจียวกู่หลานจึงกลายเป็นสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนบนดอยอินทนนท์
และเมื่อสอบถามชาวบ้านก็พบว่า เจียวกู่หลานมีชื่อในท้องถิ่นว่า “บัวฮา”
มีชื่อในภาษาม้งว่า ม้า จี๋ ก๋า เม (hmab txiv qav me) หอพรรณไม้ของกรมป่าไม้ได้รายงานว่ามีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ เช่น ปัญจขันธ์ เบญจขันธ์ (ไทย) เครือต๋อมต๋อ (ไทใหญ่) ชีเย่ต่าน เสี่ยวขู่เอี้ยว เจียวกู่หลาน (จีนกลาง)
คำว่า “เจียวกู่หลาน” มาจากภาษาจีนที่หมายความถึงพืชเถาที่พันรอบไม้ใหญ่
แต่ด้วยความที่สมุนไพรชนิดนี้มีสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพและรักษาอาการป่วยต่างๆ ได้หลายอย่าง ชาวจีนจึงเรียกเจียวกู่หลานว่า “ซียันเช่า” ด้วย ซึ่งมีความหมายว่าสมุนไพรแห่งชีวิตอมตะ
ชาวญี่ปุ่นก็รู้จักสมุนไพรนี้ เรียกว่า “อะมาซาซูรู” ที่มีความหมายว่าชาหวานจากเถา
และมีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Jiaogulan, Gynostemma, Miracle grass (หญ้ามหัศจรรย์), Southern ginseng (โสมภาคใต้), 5-Leaf ginseng (โสมห้าใบ), Penta tea
เจียวกู่หลานมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gynostemma pentaphyllum (Thunb.) Makino จัดอยู่ในวงศ์แตง (CUCURBITACEAE) เป็นไม้ล้มลุกตระกูลหญ้าแบบเถาเลื้อย ยาวประมาณ 1-150 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด การปักชำ และวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช มักขึ้นตามที่ชื้นแฉะ ริมทางน้ำไหล หรืออาจพบขึ้นบนหินปูน
มาเรียนรู้ลักษณะต้นเจียวกู่หลานอีกสักนิด
ใบออกเรียงสลับ มักเรียงแบบขนนก กิ่งหนึ่งมีใบประมาณ 3-7 ใบ ดอกเจียวกู่หลาน ออกดอกเป็นกระจุกมีสีเหลืองเขียว โดยจะออกตามซอกใบ ดอกเป็นแบบแยกเพศแต่อยู่บนต้นเดียวกัน
ผลเจียวกู่หลาน ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม ผลอ่อนเป็นสีเขียว ส่วนผลแก่เป็นสีเขียวออกดำ
เจียวกู่หลานมีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย พบบริเวณภูมิประเทศที่เป็นป่าเขาที่มีความสูงระดับ 300-3,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล พบได้ในจีน ญึ่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ศรีลังกา ภูฏาน บังกลาเทศ เมียนมา ไทย ลาว เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย นิวกินี
และในไทยนอกจากพบในธรรมชาติแล้วยังมีการปลูกกันพอสมควรที่จังหวัดเชียงใหม่
ดร.โอซามะ ทานากะ (Dr.Osama Tanaka) แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ทำการศึกษาจนพบว่าเจียวกู่หลานมีสารซาโปนิน (Saponins) ที่มีโครงสร้างโมเลกุลเหมือนกับโสม ต่อมา ดร.ซูนีมัตซึ ทากิโมโต (Dr.Tsunematsu Takemoto) ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรที่ศึกษาประโยชน์ของเจียวกู่หลานมานานกว่า 10 ปี พบว่าเจียวกู่หลานมีสารซาโปนินที่สามารถจำแนกได้มากถึง 82 ชนิด หรือที่เรียกว่าไกเพนโนไซด์ (Gypenosides) ซึ่งมีสรรพคุณในการต้านมะเร็งตับ ปอด และลำไส้ใหญ่
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาทางด้านคลินิกพบว่าเจียวกู่หลานสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับผู้ป่วยมะเร็งที่ไม่ได้รับเคมีบำบัดได้เป็นอย่างดี
เจียวกู่หลานยังเป็นสมุนไพรที่ใช้เป็นยาได้เหมือนกับโสมแต่ดีกว่าโสม เนื่องจากโสมมีสารซาโปนินที่เรียกว่าไกเพนโนไซด์ (Gypenosides) อยู่เพียง 28 ชนิด
ในขณะที่เจียวกู่หลานนั้นมีไกเพนโนไซด์อยู่ถึง 82 ชนิด และสารไกเพนโนไซด์ที่พบในเจียวกู่หลานจะมีอยู่ 4 ชนิดที่เหมือนกับโสม และมีอีก 17 ชนิดที่มีลักษณะคล้ายกับโสม
นอกจากนี้ ปริมาณของไกเพนโนไซด์ที่มีอยู่ในเจียวกู่หลานก็ยังมีมากกว่าและมีคุณสมบัติทางยาที่ดีกว่าไกเพนโนไซด์ที่พบได้ในโสม อีกทั้งเจียวกู่หลานยังไม่มีพิษและยังไม่พบอาการแพ้จากการกินอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาว่ามีฤทธิ์กดประสาทบรรเทาอาการกระตุก และลดความดันโลหิต
ใบและยอดอ่อนของเจียวกู่หลานปรุงเป็นอาหารได้ ใบมีรสหวาน และปัจจุบันมักนิยมนำมาใช้เป็นชาชง ในภูมิปัญญาดั้งเดิมและประสบการณ์ใหม่ๆ ของประเทศที่รู้จักสมุนไพรนี้ มักจะนำเจียวกู่หลานทั้งต้นเป็นสมุนไพรบำรุงกำลัง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นการทำงานของตับ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและระบบประสาท และลดระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอล บางคนนำมากินเพื่อลดความเครียดหรือทำให้จิตใจสบายขึ้นและลดความเหนื่อยล้า แก้แผลในกระเพาะอาหาร ลดอาการหอบหืด อาการหลอดลมอักเสบ เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด
แม้เจียวกู่หลานจะพบได้ในเอเชียหลายประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่าจีนและญี่ปุ่นเขาทำการศึกษากันมาก โดยเฉพาะประเทศจีนในการประชุมเกี่ยวกับยาแผนโบราณในกรุงปักกิ่งในปี 1991 ได้มีการจัดอันดับเจียวกู่หลานเป็นหนึ่งในสมุนไพรบำรุงกำลังที่สำคัญที่สุด 10 ชนิดแรกทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าสามารถนำไปใช้ในการทำเวชเครื่องสำอาง เป็นยาบำรุงผิว ต่อต้านริ้วรอย ปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์เจียวกู่หลานจำหน่ายในท้องตลาดในหลากหลายรูปแบบ
ในภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาติพันธุ์เมื่อพูดคุยกับหมอชาวม้งพบว่ามีการใช้เจียวกู่หลานเป็นสมุนไพรในตำรับยาหรือผสมร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ มักไม่ได้ใช้เป็นสมุนไพรเดี่ยว แต่ก็มีการนำมาทำชาชงกินกันแพร่หลาย ในปัจจุบันน่าจะเป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพทั่วไป ถ้าหากได้ศึกษาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นน่าจะช่วยพัฒนาการใช้เจียวกู่หลานตามภูมิปัญญามีความชัดเจนลึกซึ้งยิ่งขึ้น