เปิดบันทึกการเดินทาง ตะลุยอเมริกาของริคกี้ คาร์ไมเคิล ตามติดชีวิต 4 วัน กับประสบการณ์บนหลังเสือ “ไทรอัมพ์ ไทเกอร์ 1200”

ผมขอเกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นเลยว่าทริปนี้ “มัน(ส์)ดีมาก” โร้ดทริปกับไทรอัมพ์ไม่เคยทำให้ผิดหวัง และในปี 2022 นี้ก็เช่นกัน ผมมีโอกาสได้ลองขับขี่บนเส้นทางใหม่ ๆ ที่งดงามไม่แพ้ทริปที่เคยไปเมื่อปีก่อน ได้เห็นสถานที่ใหม่ซึ่งเปิดโลกทัศน์ ของผมให้กว้างขึ้น เราพูดกันทุกปีและเป็นเรื่องจริงที่ว่า ไม่มีวิธีไหนที่จะได้เห็นและสัมผัสถึงประเทศนี้ได้ดีไปกว่าการขี่รถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์สไตล์แอดเวนเจอร์ทำให้การเดินทางครั้งนี้ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการค้นหาเส้นทางที่ไม่ใช่แบบเดิม ๆ ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองต้องเสียดายแน่ ๆ และผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มีโอกาสมาร่วมทดลองขี่ Triumph Tiger 1200 จักรยานยนต์คู่ใจที่ทำให้ทริปนี้น่าประทับใจมาก

22 กรกฎาคม 2022 จุดเริ่มต้นของการเดินทาง

วันแรกเรานัดรวมตัวผู้ร่วมทริปที่เดินทางมาจากหลายประเทศ กันที่ Empire Cycle ในเมือง Spokane พอมาถึงก็จัดการเรื่องการเตรียมความพร้อมของรถจักรยานยนต์กับผู้แทนจากไทรอัมพ์ให้เรียบร้อย ระหว่างนี้ผมได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับลูกค้าของไทรอัมพ์คนอื่น ๆ ถึงเรื่องเส้นทางที่เราเคยไป และได้รับคำแนะนำจากเจ้าถิ่นสำหรับเส้นทางที่จะต้องขี่ในวันพรุ่งนี้ ส่วนอุปกรณ์เสริมที่เราได้มาสำหรับทริปนี้ ประกอบด้วย อุปกรณ์ยึดโทรศัพท์กับรถจักรยานยนต์จากแบรนด์ QuadLock, กระเป๋าเก็บสัมภาระจาก Mosko, กล่องเก็บอุปกรณ์จาก Boxor, อุปกรณ์สื่อสาร Cardo PackTalk และส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง

 

23 กรกฎาคม 2022 วันแรก จาก Spokane มุ่งหน้าสู่ Darby ระยะทาง 301 ไมล์ 6 ชั่วโมง 42 นาที

ต้อนรับวันเปิดทริปด้วยการออกจากสโปแคนตั้งแต่เช้า เพื่อเราจะได้ไปถึงดาร์บีหนึ่งในจุดหมายโปรดของเราเร็วขึ้นสำหรับการเดินทางวันนี้เราจะมุ่งหน้าไปตะวันออกเฉียงใต้จากสโปแคน มุ่งหน้าสู่เมือง St. Maries ด้วยถนน St Joe River ผ่านเมือง Hoyt แล้วไปสุดที่หมู่บ้าน St Regis โดยพวกเราเริ่มต้นเดินทางผ่านเส้นทางเลียบแม่น้ำที่ค่อนข้างคดเคี้ยว ซึ่งเหมาะมากสำหรับการปรับตัวให้ชินกับการขี่ “Tiger 1200” แถมขับไปได้สักพักถนนเริ่มเปลี่ยนเป็นทางลูกรังฝุ่นคลุ้งเป็นความสนุกอีกแบบและถือเป็นการทดลองสมรรถนะในการขับลุยฝุ่นของ “Tiger 1200” ไปในตัว

นั่งติดเบาะกันมาทั้งวันขอแวะพักล้างฝุ่นที่ Jack Saloon ร้านดังประจำทางก่อนถึงดาร์บีสักหน่อย บรรยากาศถูกใจเพื่อนร่วมทางชาวต่างชาติมาก เพราะได้เห็นที่พักสไตล์ตะวันตกที่แท้จริง (Western saloon) จากนั้นเราก็ขี่กันต่อจนถึงดาร์บี ปลายทางในวันนี้ของเรา สำหรับที่พักในคืนนี้หนีไม่พ้นโรงแรม Rye Creek อีกเหมือนเดิม สามปีซ้อนไปเลยเพราะติดใจที่นี่มาก จบการเดินทางวันที่หนึ่งไปด้วยดี

24 กรกฎาคม 2022 วันที่สอง – จาก Darby สู่ West Yellowstone ระยะทาง 284 ไมล์ 6 ชั่วโมง 58 นาที

          ต้อนรับเช้าวันใหม่กับความสดชื่นที่มาพร้อมวิวของหุบเขามอนทาน่าจากที่พัก วันนี้อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าโปร่ง ไม่มีเมฆ เหมาะกับการขี่ออฟโรดที่สุด หลังอาหารเช้าเราก็เริ่มต้นการเดินทาง มุ่งหน้าไปยังเมือง West Yellowstone จุดหมายปลางทางของวันนี้ ส่วนวันนี้เราอยากลองเส้นทางการขี่ที่อยู่นอกถนนเส้นหลัก และมองหาเส้นทางที่มีถนนลูกกรังเพิ่มเติม ดังนั้นการเดินทางเราจะขึ้นเหนือไปยังเมือง Grantsdale ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางต่อไปยังเมือง Anaconda ระหว่างทางบังเอิญขับมาเจอน้ำตก Skalkaho ด้วย จึงถือโอกาสแวะถ่ายภาพกลุ่มกันที่นี่ก่อนเดินทางต่อไปยังเวอร์จิเนียร์ซิตี้ อีกหนึ่งจุดหมายที่เพิ่มความสนุกให้กับทริปนี้ กับการท่องเมืองเหมืองแร่เก่าแก่ที่มีร้านค้าและของกินดี ๆ ระหว่างทางมากมาย นอกจากนี้ระหว่างทางมีโอกาสได้ชมวิวสวย ๆ ระหว่างขี่ผ่านเมือง Ennis กับทะเลสาบ Earthquake ชื่อดังอีกด้วย ซึ่งทะเลสาบนี้มีประวัติที่น่าสนใจเยอะมาก ใครมีเวลาว่างลองเสิร์ชหาประวัติมาอ่านเล่น ๆ กันได้ เราถึงจุดหมายที่ West Yellowstone ในตอนเย็นที่เราปิ้งบาร์บีคิวกัน จบวันไปแบบเต็มอิ่มเลยทีเดียว

25 กรกฎาคม 2022 – วันที่สาม จาก West Yellowstone สู่ Palisades ระยะทาง 571 ไมล์ 11 ชั่วโมง 10 นาที

วันนี้ออกตัวกันเช้ากว่าทุกวันเพราะน่าจะใช้เวลาเดินทางพอสมควรเพื่อมาขับออฟโรดที่โคโลราโด ซึ่งหลายคนในทริปตั้งตารอเพราะจะได้ไปอุทยาน Yellow Stone ที่เป็น unseen ของที่นี่อีกด้วย เช้านี้อากาศค่อนข้างเย็นหน่อย แต่โชคดีที่ “Tiger 1200” มีระบบที่นั่งและที่จับแบบปรับอุณหภูมิได้ เลยยิ่งทำให้การขับเช้านี้ดีขึ้นไปอีก ส่วนไฮไลท์ในเส้นทางการเดินทางวันนี้มีหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบรรดาสัตว์ป่าอย่างกวางเอลก์และวัวป่าที่ปรากฏตัวให้เห็นทันทีที่เราขับรถออกถนนมา บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติหลายแห่งที่ดูสวยเป็นพิเศษในช่วงเช้าที่อากาศดีแบบนี้ รวมไปถึงวิวสวย ๆ ของทะเลสาบ Yellow Stone ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยของวันนี้ก็คือเทือกเขา Teton สวยมาก สวยเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาด แต่มันดันเป็นของจริง โชคดีมากที่มีโอกาสขับออฟโรดมาเห็นด้วยตาตัวเอง สวยขนาดไหนให้ภาพเล่าเรื่อง

ด้วยความที่ตอนนี้ไมล์เหลือเฟือมาก เราจึงเดินทางมุ่งหน้าลงตอนใต้ต่อไปบนถนน Flaming Gorge ที่คดเคี้ยวพอสมควร ซึ่งตรงนี้ผมประทับใจมากกับประสิทธิภาพของ Tiger 1200 รุ่นใหม่ ที่มีความคล่องตัว ทำให้เราเลี้ยวได้คล่องมาก ด้วยจุดศูนย์ถ่วงของรถที่ต่ำลงและน้ำหนักของรถที่เบากว่ารุ่นเดิม จากที่นั่นพวกเราเดินทางลงใต้ไป Grand Junction Colorado ก่อนจะต่อไปที่ Palisades ซึ่งเป็นโรงแรมของเราคืนนี้ โชคดีมีฟู้ดทรัคและบาร์นั่งดื่มที่โรงแรมด้วย เพราะเราไม่มีแรงเหลือจะไปไหนต่อแล้วหลังจากขับรถมากว่า 570 ไมล์ เราเลยดื่มฉลองวันที่ยาวนานที่สุดของทริปนี้กันที่นี่

วันสุดท้าย Palisade – Ouray – Silverton ระยะทาง 283 ไมล์ 8 ชั่วโมง 20 นาที

            วันนี้เราเริ่มต้นวันสายกว่าปกติ ตามแผนที่ตั้งใจไว้ตอนแรก เส้นทางวันนี้จะเน้นการขับออฟโรดที่ไม่ได้ใช้เวลานานนัก ซึ่งแน่นอนว่ามีเหตุการณ์พลิกล็อคเกิดขึ้น ที่เทือกเขา San Juan Mountains เมือง Ouray โดยเส้นทางในการขี่รถวันนี้เราออกนอกเมืองไปบนถนน Engineer Pass ซึ่งนั่นถือเป็นเส้นทางที่ทรหดที่สุดเท่าที่ผมเคยขี่ออฟโรดมาเลย แต่ก็สนุกสุด ๆ ยังไม่รวมเรื่องออกซิเจนที่เบาบางลงเมื่อขึ้นที่สูงอีกด้วย แต่ Tiger 1200 ก็พาเราพิชิตยอดเขาได้ในที่สุด พอเห็นวิวจากข้างบนแล้วชื่นใจมาก หายเหนื่อยเลย แต่หลังจากนั้นฟ้าฝนก็ดันไม่เป็นใจขึ้นมา สภาพอากาศแย่ลงเรื่อย ๆ เราพยายามรีบกลับให้เร็วที่สุดแล้วแต่ไม่ทัน ฝนตกหนักมาก การเดินทางไปถึงจุดหมายที่  Silverton จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ระหว่างทางกลับเรากลับพบอุปสรรคใหญ่ ฝนตกหนักจนดินถล่มขวางทางลงมาปิดถนน ตอนนั้นสถานการณ์ตึงเครียดมาก เพราะไม่มีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นทางเลือกของเรามีอย่างจำกัด ถนน Lake City อีกฟากหนึ่งก็ถูกปิดเหมือนกัน ดังนั้นทางเลือกเดียวของเราคือต้องอ้อมข้ามจุดที่โคลนถล่มไป ถ้าเราไม่อยากเสียเวลารอ 3-5 ชั่วโมงให้คนมาจัดการดินโคลนที่ขวางทางอยู่ เนื่องจากมันเริ่มค่ำแล้วเราเลยตัดสินใจว่าขับอ้อมกองโคลนไปน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

default

การขับฝ่าฝนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “Tiger 1200” พร้อมรับมือทุกความท้าทายในการขับขี่อยู่แล้ว ในที่สุดเราก็หาทางกลับมาสู่ถนนเส้นหลักได้สำเร็จ เมื่อเรามองกลับไปยังภูเขาที่เราพึ่งจากมาก็พบว่าคนงานเพิ่งมาเคลียร์เส้นทาง ถือว่าเราตัดสินใจถูกมากที่ไม่รอแล้วขับอ้อมมาแทน ตลอดวันที่เหลือนั้นฟ้าฝนช่างเป็นใจ และการขี่ในระยะทาง 50 ไมล์ ที่เหลือก็ผ่านไปอย่างไรที่ติ เป็นการจบทริปที่ยอดเยี่ยมมาก

อย่างที่ผมบอกไปในตั้งแต่แรก ทริปของไทรอัมพ์ไม่เคยทำให้ผิดหวัง โดยเฉพาะการได้ผจญภัยบนหลังเสือรุ่นใหญ่ Tiger 1200 และทริปนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยถ้าขาดการสนับสนุนจากพาร์ทเนอร์ของผม ขอขอบคุณดีลเลอร์จากฝั่งไทรอัมพ์ที่สละเวลาและแรงกายเพื่อทำให้ทริปของเราออกมาดีที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุด และขอขอบคุณผู้ร่วมทริปนักบิดของเรา ผมประทับใจพวกคุณทุกคนมาก ๆ และขอบคุณจากใจที่ทำให้ทริปนี้สนุกและน่าจดจำริคกี้ คาร์ไมเคิล

###

เกี่ยวกับ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์:

ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1902 มีพนักงานทั่วโลกราว 2,000 คน มีบริษัทสาขาทั้งในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ บราซิล อินเดีย จีนและไทย ซึ่งทางบริษัทเข้ามาทำการตลาดและจัดจำหน่ายในนาม บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2015 โดยมอเตอร์ไซค์ของ ไทรอัมพ์ มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 700 รายทั่วโลก บริษัทฯ มีฐานการผลิตจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่งที่ฮิงค์ลีย์ เขตเลสเตอร์ไชร์ อังกฤษและที่ประเทศไทย รวมทั้งมีโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์แบบ CKD (Completely Knocked Down) ในบราซิลและอินเดีย ปัจจุบันมีการผลิตรถจักรยานยนต์ราว 81,500 คันต่อปี โดยหัวใจหลักในการทำงานของ ไทรอัมพ์ คือ การมุ่งมั่นสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานงานออกแบบที่สวย คลาสสิก ร่วมสมัย เข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ และสมรรถนะอันเป็นเลิศ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ