ฐากูร บุนปาน | ระวัง! หายนะซ้อนหายนะ

เรื่องที่จะกราบเรียนต่อไปนี้ ตั้งใจจะบอกว่า

ถึงสถานการณ์โรคระบาดในประเทศไทยดูเหมือนจะเริ่มซาลงไป

แต่อย่าประมาทไปนะครับ

มหาวิกฤตอีกลูกที่รออยู่ข้างหน้า

หรือว่านรกของแท้

ยังมาไม่ถึง

ถ้าคนส่วนใหญ่ล้มละลาย

ขณะที่ “ขาใหญ่” จะยิ่ง “กินรวบ” มากขึ้น

ถ้าเศรษฐกิจ-ปากท้องคนจำนวนมากทรุดลง

แต่ “ความเหลื่อมล้ำ” สูงขึ้น

ตอนนั้นแหละ ที่นรกจะเดินเคาะประตูทุกบ้านไม่เลือกหน้า

ไม่ว่าเรือนโซเซในสลัม

หรือคฤหาสน์ที่อยู่ตรงกลางสลัมนั้น

ธนาคารชาติของอังกฤษ ประมาณการว่าภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษในปีนี้เลวร้ายสุดในรอบ 300 ปี

คือติดลบร้อยละ 14

ย้อนไปถึง 1706 ที่อังกฤษทำสงครามกับฝรั่งเศสยืดเยื้อจนเงินเกลี้ยงประเทศ

ที่เศรษฐกิจหดตัวร้อยละ 15 นั่นเชียว

(ตอนนั้นอุตสาหกรรมสงครามยังไม่ใช่ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหมือนอีก 200 ปีให้หลัง)

สรุปคือ ธนาคารกลางอังกฤษประเมินว่า ความยับเยินทางเศรษฐกิจจากนี้ไป

เลวกว่าช่วงสองครามโลก 2 ครั้งในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา

และหนักหนายิ่งกว่า “เดอะ เกรท ดีเพรสชั่น” เมื่อทศวรรษ 1930

(ขอบพระคุณข้อมูลเบื้องต้นและแรงบันดาลใจจากอาจารย์เกษียร เตชะพีระ Kasian Tejapira ครับ)

ขณะที่เห็นๆ กันอยู่ว่า

มหาวิกฤตทั้งโรคระบาดและเศรษฐกิจตกต่ำในสหรัฐอเมริกา น่าจะลากยาวไปถึงสิ้นปี

เป็นอย่างน้อย

ถามว่าถ้าสหรัฐ (ในฐานะประเทศผู้บริโภคใหญ่ที่สุดของโลก) ป่วย

โลกจะเป็นอย่างไร

ไฟแนนเชียลไทม์ส ตีพิมพ์บทความล่าสุดชิ้นหนึ่งว่า

ภาระหน้าที่สำคัญที่สุดของทุกรัฐบาลในโลกนี้

ก็คือจะทำอย่างไรให้เด็กที่จบการศึกษาใหม่ หรือคนที่เข้าสู่วัยแรงงาน

ไม่ว่างงาน ไม่ตกงาน

เพื่อไม่ซ้ำเติมให้เศรษฐกิจทรุดลงยิ่งกว่านี้

จนมหาวิกฤตเกิดขึ้นจริง

กลับมาที่เมืองไทย

การประเมินเบื้องต้นของ “คนวงใน” ในรัฐบาลก็คือ เศรษฐกิจไตรมาสแรกน่าจะลบ 5

และที่หนักหนากว่านั้นก็คือ ไตรมาสสองนี้น่าจะลบ 10-เป็นอย่างน้อย

เป็นอย่างน้อยนะครับ

เพราะแทบทุกกิจกรรมทางธุรกิจถ้าไม่งดก็หดตัวลงอย่างมหาศาล

ในขณะที่มองไปข้างหน้า ยังประเมินไม่ได้ด้วยว่าไตรมาสสามจะเป็นอย่างไร

รู้อย่างเดียวว่า

จะเป็นลบมากกว่าบวก

ในขณะที่ตัวเลขติดเชื้อเพิ่มจากโควิด-19 ในประเทศเป็นเลขตัวเดียวมาร่วมสัปดาห์

(ถ้าเชื่อมั่นว่าไม่หลอกกัน)

แต่มาตรการประหลาดๆ ทั้งหลายยังไม่ไปไหน

ยังใช้การ “ควบคุม” อย่างเข้มข้น

ทั้งที่หลายอย่างน่าขบขันหรือน่ารำคาญ

และเป็นตัวขัดขวางกิจกรรมปกติ (ซึ่งไม่น่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการแพร่เชื้อโดยตรง หรือจำนวนมาก)

เช่น การขนส่ง

หรือใครคิดว่า “ต้นทุน” ของผู้ประกอบการขนส่งวันนี้จะไม่เพิ่มขึ้น

ทั้งจากมาตรการจำกัดเวลา จำกัดประเภท

รวมไปถึงการ “หาเศษหาเลย” ในหลายพื้นที่

ขณะที่มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจก็ยังไม่ชัดเจน

หรือชัดแค่บางส่วน บางหน่วยงาน

ในขณะที่ “โครงการเสือหิว” ตั้งท่าจ่อคิวรออยู่แล้ว

โดยเฉพาะจาก “แกนนำ” ด้วยกันเองนั่นแหละ

บอกแล้วว่า 400,000 ล้านนี่มัน “เหยื่อ” อันโอชะสำหรับหลายคน หลายกลุ่ม

ถ้า 400,000 ล้านละลายน้ำ

หรือผันไปเข้ากระเป๋าใครบางคนมากกว่าตกถึงคนส่วนใหญ่

ก็หายนะซ้อนหายนะล่ะครับ

เพราะฉะนั้น ถ้านึกอะไรไม่ออก ให้ลอกการบ้านต่างประเทศเอาครับ

หนนี้จะลอกอะไร

ก็ลอกเรื่องข้างต้น

จะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจไปทำอะไร

ใช้กับจ้างงานเป็นหลักไงครับ

จะเป็นรัฐจ้างเอง

หรือกระตุ้น-ให้สิทธิประโยชน์เพื่อให้เอกชนจ้างคนเพิ่ม รักษาคนเอาไว้

ได้หมด

และจริงๆ การสร้างเงื่อนไขให้เกิดการจ้างงานนั้นใช้สตางค์น้อย

แต่ใช้สติปัญญา ความกล้าหาญ

และความไม่เห็นแก่ตัวมากหน่อย

ทำได้ไหมเอ่ย?