เผยแพร่ |
---|
มาตามนัดเป็นประจำทุกปีครับ
งาน “เฮลท์ แคร์” มหกรรมด้านสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยซึ่งพี่ๆ น้องๆ ในเครือมติชนช่วยกันจัดงานติดต่อกันมาเป็นปีที่ 11
เมื่อ “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับนี้วางตลาด งานที่จัดระหว่าง 27-30 มิถุนายน ก็เริ่มพอดี
ส่วนที่ต้องมา “ขายของ” กันตรงๆ อย่างนี้ก็เพราะ นอกจากปีนี้สถานที่จัดงานจะย้ายมาอยู่ที่ฮอลล์ 5 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นครั้งแรกแล้ว
ยังเพราะพี่ๆ น้องๆ เขาตั้งใจจัดงานกันแบบ “จัดเต็ม” จนแทบจาระไนไม่หวาดไหวอีกด้วย
เอาตัวอย่างหลักๆ ไปก่อน ก็เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ท่านใจดีจัดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่มาฉีดให้ฟรีวันละ 2,000 เข็ม
ย้ำว่าฟรีครับ
สำหรับคนที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง เช่น ท่านที่อายุเกิน 65 ปี หรือทารกอายุ 6 เดือน-2 ปี
ไปจนกระทั่งคุณสุภาพสตรีที่มีครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
ฯลฯ
หรือสำหรับท่านที่ร่างกายแข็งแรงดี ไม่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง แต่ไม่อยากเสี่ยงกับไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดหนักในปีนี้
ก็มีหลายโรงพยาบาล อาทิ รามาธิบดีและอื่นๆ จัดวัคซีนแบบเดียวกันมาฉีดให้ในราคาเข็มละ 300 บาท
ถูกกว่าฉีดตามปกติครึ่งหนึ่ง
แล้วยังมีบริการตรวจโรคสารพัด ทั้งฟรีและในราคาย่อมเยาอีกร่วมร้อยรายการ
รวมไปถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ทั้งเพื่อผู้ป่วยและผู้ไม่ต้องการป่วยอีกมากมาย
รายละเอียดเขียนลงตรงนี้ไม่หมดครับ แต่หาอ่านได้จากในหนังสือพิมพ์-เว็บไซต์ของ “มติชน-ข่าวสด-ประชาชาติธุรกิจ” และอื่นๆ ในเครือทั้งหมด
ท่านที่รักสุขภาพทั้งหลายไม่ควรพลาด
อ้อ-เนื่องจากย้ายสถานที่มาจัดงานในเมืองทองธานีครั้งแรก ผู้จัดเขาเกรงว่าอาจจะมีท่านที่เดินทางจากในเมืองมาลำบาก
เขาเลยจัดรถรับส่งฟรีจากสถานีรถไฟฟ้าหมอชิตมาเมืองทองธานีไว้ตลอดวัน
ต้องขอบคุณเชิดชัยบริการไว้ ณ ที่นี้ด้วย
พบกันนะครับ 27-30 มิถุนายนนี้
ขึ้นต้นด้วยเรื่องมหกรรมงานสุขภาพแล้วก็เลยพาดพิงไปถึงข่าวสุขภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน
เรื่องที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของบฯ กลางจำนวน 98 ล้านบาทไปใช้ในการอบรมสารเคมีอันตราย 3 ชนิด อันได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส
จนชาวบ้านชาวช่องเขาเป็นงงสงสัยว่า ขณะที่ทั้งโลกเขาพยายามลดการใช้สารเคมี ที่พิสูจน์ชัดๆ ว่าเป็นอันตรายทั้งกับเกษตรกรผู้ใช้และผู้บริโภค
ทำไมราชการไทยถึงยังยืนยันที่จะให้ใช้สารเคมีอันตรายต่อไป
กรมวิชาการเกษตร ท่านชี้แจงว่า ตามขั้นตอนของแผนปฏิบัติการ การ “จำกัด” การใช้สารเคมีพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอไพริฟอส ต้องมีการอบรมเกษตรกร ผู้รับจ้างพ่น ร่วมกับการยางแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และภาคเอกชน
ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณบางส่วนไว้แล้ว แต่จำนวนเงินไม่เพียงพอ จึงต้องเสนอของบฯ กลางเพิ่มขึ้น 98.6537 ล้านบาท
ประกอบด้วย 2 แผนปฏิบัติการ ได้แก่
แผนที่ 1 แผนปฏิบัติการจำกัดการใช้พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอไพริฟอส ประกอบด้วย 2 โครงการคือ
โครงการที่ 1 : อบรมการใช้สารเคมีทางการเกษตรให้ถูกต้องปลอดภัย ให้แก่เกษตรกร จำนวน 1.5 ล้านครัวเรือน และผู้รับจ้างพ่น 50,000 คน
และโครงการที่ 2 : โครงการประชาสัมพันธ์ความเสี่ยงจากวัตถุอันตราย เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่เกษตรกร ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ
แผนที่ 2 แผนปฏิบัติการขยายพื้นที่การผลิตทางการเกษตรที่ปลอดภัยตามมาตรฐาน คือ โครงการขยายพื้นที่การผลิตทางการเกษตรที่ปลอดภัยตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP)
หรือเกษตรอินทรีย์ทั้งประเทศ
ฟังคำชี้แจงแล้วก็พอเข้าใจ แต่ไม่หายสงสัยครับ
จะเกษตรอินทรีย์ แต่ยังอบรมให้ใช้สารเคมีปลอดภัย โดยไม่บอกให้ชัดเจนหรือมีเป้าหมายว่าจะเป็นจริงได้เมื่อไหร่
ในอีกด้านก็คือการส่งเสริมให้ใช้สารเคมี
ต่อให้ผู้ผลิตปลอดภัย ผู้บริโภคก็ไม่
คนไทยก็บริโภคสารพิษกันต่อไป
และไอ้ที่โฆษณาสวยหรูว่า ไทยจะเป็นครัวโลก ผลผลิตเกษตรไทยจะขายไปทั่วโลกมากขึ้น
ก็แค่ราคาคุยเท่านั้นละว้า