ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 มกราคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
สารพัดกูรูเศรษฐกิจทั้งเทศและไทย พยากรณ์เอาไว้ตรงกันว่า
2562 น่าจะเป็นปี “เผาจริง”
หลังจากที่ทดลองเผาหลอกกันมาหลายปีติดต่อกันแล้ว
นิตยสารด้านเศรษฐกิจธุรกิจอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง “ดิ อีโคโนมิสต์” สรุปไว้ว่า
ทุกครั้งที่เศรษฐกิจโลกเกิดวิกฤตนั้น จะมีเหตุแห่งหายนะ 3 ประการเกิดขึ้นพร้อมกัน
ได้แก่
– อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น
– ภาระหนี้ที่ท่วมหัว
และ
– นโยบายที่เลอะเทอะ ไร้ความรับผิดชอบ
แล้วก็ชี้เปรี้ยงเข้าให้ว่า ตอนนี้เหตุแห่งหายนะมาครบพร้อมกันแล้ว
เมื่อนโยบายที่คาดเดาไม่ได้และไร้เหตุผลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเป็นชุด
ทั้งการทำสงครามการค้า และการอัดฉีดในประเทศแบบไม่ลืมหูลืมตา
ธนาคารกลางสหรัฐก็ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อยับยั้งเงินเฟ้อ และความบ้าคลั่ง
ดอกเบี้ยทั่วโลกก็ปรับขึ้นตาม โดยทันทีตลาดหุ้นทั่วโลกก็ดิ่งหัวลงสวนทางกับดอกเบี้ย
และซ้ำเติมเข้าไปที่ภาระหนี้สินของรัฐและเอกชนทั่วโลก ที่ขณะนี้อยู่ระดับเกินกว่า 200% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติของโลก
หรือพูดแบบชาวบ้านก็คือ มีหนี้มากกว่าทรัพย์สินอยู่กว่าเท่าตัว
ไม่วิบัติวันนี้แล้วจะเป็นวันไหน
ในฐานะที่เศรษฐกิจไทยแยกกับเศรษฐกิจโลกไม่ออก
เพราะร้อยละ 68 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติของเรามาจากรายได้จากการส่งออก และรายได้จากการท่องเที่ยว
โลกจาม เราก็เป็นหวัด
อาการลูกผีลูกคนของการส่งออกและการท่องเที่ยวตั้งแต่ไตรมาสที่ 3-4 ของปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี
ลำพังโครงสร้าง “รวยกระจุก จนกระจาย” และการชะลอตัวของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในหลายปีที่ผ่านมา
ก็ทำให้รากหญ้าและชนชั้นกลางเริ่มกระอักเป็นเลือดกันอยู่แล้ว
ถ้าถูกซ้ำเติมโดยปัจจัยภายนอกอีก
ถามว่าจะเตรียมตัวตั้งรับกันอย่างไร ถึงจะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้มากที่สุด
ถึงจะมีข้อปลอบใจตัวเองอยู่ว่า ทุกสงครามต้องมีทั้งคนแพ้และคนชนะ
ก็ต้องกลับมาถามตัวเองว่า แล้วมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้ก้าวข้ามจากฝั่งผู้แพ้ไปสู่การเป็นผู้ชนะได้
คิดสิครับ-ช่วยกันคิดหน่อย
แต่ในม่านหมอกที่ปกคลุมอนาคตอยู่อึมครึมนั้น
ยังพอมีแสงรำไรฉายมาอยู่บ้าง
แทบทุกคนคงเดาได้ว่าหมายถึงการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้
แต่อย่างที่ภาษิตนักเศรษฐศาสตร์ฝรั่งเขาว่าไว้ ว่าไม่มีของฟรีในโลก
แสงแห่งความหวังจากการเลือกตั้งนั้นมาพร้อมกับ “เงื่อนไข” บางประการด้วยกัน
เบื้องต้นที่สุดก็คือ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องดำเนินไปอย่างบริสุทธิ์ โปร่งใส ยุติธรรม
ภาระที่ว่านี้ไม่ใช่เป็นแต่งานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เท่านั้น
แต่ยังเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองและประชาชนต้องช่วยกันทำให้เกิดขึ้นเป็นจริงด้วย
เพราะถ้าเลือกตั้งผ่านไปได้ด้วยดี (แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีตำหนิ แต่ดีในแง่ที่กติกาและความเป็นปกติดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น)
โอกาสที่จะเกิดความเรียบร้อยในการจัดตั้งรัฐบาล
หรือการได้รัฐบาลที่ต้องตรงกับความต้องการของประชาชนจริงๆ
เพื่อเข้ามาเป็นหัวหอก-หัวขบวนเตรียมตัวรับมือพายุเศรษฐกิจ และแก้ไขวังวนหรือหลุมดำการเมือง
ก็อาจไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัย
ใครจะค่อนขอดว่าโลกสวยก็ยอมละครับ
ก็ถ้าไม่มีความหวังเอาเสียเลย ก็ไม่รู้มีชีวิตอยู่ในโลกต่อไปทำไม
และมีเหตุให้เชื่อว่าโลกจะสวยขึ้นด้วย
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ ถูกจับจ้องแบบไม่กะพริบตาจากพี่น้องจำนวนไม่น้อย
ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน
ใครหน้าไหนคิดจะทำอะไรแปลกๆ ประหลาดๆ มีอันเค้เก้มาแล้วนักต่อนัก
ถ้าประชาชนแปรสภาพเป็นพลเมืองที่ขยันขันแข็ง เอาธุระของส่วนรวม
ถึงเส้นทางประชาธิปไตยจะโขยกเขยกไปบ้าง ก็ยังมีโอกาสก้าวเดินไปข้างหน้าได้
ปีใหม่ ขอหวังอะไรใหม่ๆ
ไม่ได้ขอมากไปใช่ไหมครับ