ฐากูร บุนปาน : สมานมิตรบันเทิง

สลบไปร่วมวันครึ่งหลังคืนสมานมิตรบันเทิงศุกร์ 16 พฤศจิกายน

งานที่ผู้อาวุโสท่านหนึ่งถามว่า

“จัดทำไม”

และตอบท่านแบบซื่อๆ กลับไปว่า

เพราะอยากกิน อยากเจอ อยากคุยกัน

ไม่ได้เล่นลิ้น-เชื่ออย่างนั้นจริงๆ

ตอนที่ตอบ ขยายความกับท่านโดยที่ไม่รู้ด้วยว่าไปซ้ำรอยกับที่ “ลุงอาจินต์-อาจินต์ ปัญจพรรค์” เคยพูดเอาไว้นานแล้วว่า

นักเขียนเป็นอาชีพโดดเดี่ยว

ทำงานคนเดียว คิดคนเดียว

คุยก็คุยอยู่แต่กับตัวเอง

จะดีไหม ถ้าปีหนึ่งอย่างน้อยได้มาเจอกันพร้อมหน้า

ได้แลกเปลี่ยน ได้ปรับทุกข์ ได้แบ่งสุขกันบ้าง

สมานมิตรบันเทิง งานรวมญาติ รวมมิตร รวมนักเขียน-คอลัมนิสต์ในเครือมติชน-ประชาชาติธุรกิจ-ข่าวสด-มติชนสุดสัปดาห์-ศิลปวัฒนธรรม-เทคโนโลยีชาวบ้าน-เส้นทางเศรษฐี และท่านที่เขียนหนังสือเล่ม ด้วยความริเริ่มของคุณขรรค์ชัย บุนปาน จึงเกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้วด้วยเหตุนี้

จำได้ว่าเมื่อเริ่มจัดงานครั้งแรกนั้น

รุ่นผู้อาวุโสไม่ว่าจะเป็นลุงเส-เสนีย์ เสาวพงศ์ ลุงวสิษฐ เดชกุญชร ลุงอาจินต์ และอีกหลายๆ ท่านยังอยู่กันพร้อมหน้า

งานจัดมาได้ 3 ปีต่อกัน

ก็มีอันต้องเว้นวรรคไป 3 ปี

ตามภาวะเศรษฐกิจและผลประกอบการที่สูบเอาเวลาของคนจัดงานหดหายไปด้วย

กลับมาจัดงานรอบใหม่ในปีนี้ ยังปรารภกับน้องๆ ว่า

รุ่นลุง รุ่นอา รุ่นพี่เราหายหน้าไปเยอะ

แต่รุ่นน้องแยะขึ้น

ด้านหนึ่งก็ใจหาย เพราะความผูกพันที่มีต่อกันนั้นยาวนานลึกซึ้ง

ด้านหนึ่งก็แอบใจชื้นเล็กๆ

ที่ได้เห็นว่าถึงรุ่นลุงป้าน้าอาจะลับหรือโรยไป อาชีพหากินกับตัวอักษรก็ยังมีผู้สืบทอดเชื้อสาย

แต่ดีใจได้อยู่วูบเดียวเท่านั้น

หลังกลับมามีชีวิตใหม่ราวเที่ยงๆ วันอาทิตย์

อย่างแรกๆ ที่ทำคือตรวจสอบข่าวสารที่ค้างคาทั้งในหนังสือพิมพ์และโทรศัพท์

เพื่อจะรับทราบข่าวร้ายว่า “ลุงอาจินต์” ล่วงไปแล้ว

ใจโหวงๆ อยู่พักหนึ่ง

แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าอยู่อย่างทุกข์ทรมาน

อยู่แล้วรังสรรค์อะไรแก่โลก-แก่คนอื่นไม่ได้

ลุงอาจจะยินดีที่จะขึ้นไปสมทบกับอาปุ๊-“รงค์ วงษ์สวรรค์ อานพพร บุณยฤทธิ์ และอารัตนะ ยาวะประภาษ

ครบคณะพรรค “4 มือทอง” บนโน้นแล้วก็ได้

กราบส่งลุงด้วยตัวหนังสือแทนตัวมาที่นี้

ท่านที่เป็นนักอ่านจำนวนมาก (รวมทั้งตัวเองด้วย) จดจำลุงอาจินต์ได้แม่นยำจากเรื่องสั้นชุดเหมืองแร่

กว่า 300 เรื่องนั้น ทั้งครบเครื่อง ครบรส มากและหลากหลายไปด้วยแง่คิดเกี่ยวกับความหมายของชีวิต

ติดเรื่องสั้น แล้วก็ตามมาเป็นแฟนฟ้าเมืองไทย

ที่พ่อเป็นสมาชิกเล่มแรกยันเล่มสุดท้าย

จนกระทั่งวันหนึ่ง สำนักพิมพ์มติชนพิมพ์หนังสือรวมเรื่องสั้นนอกเหมืองแร่ของลุงอาจินต์

แล้วได้อ่าน “วันดวลเหล้า”

อ่านจบแล้วก็ถึงแก่ตะลึง

กลับมาอ่านใหม่ก็ยังตะลึง

อ่านกี่ครั้งๆ ก็ยังตะลึง

อารมณ์ประมาณตีตั๋วเข้าไปในโรงเพื่อร่วมลุ้นไปกับหนังเคาบอยชั้นดี

แต่ด้วยบรรยากาศแบบนักเลงเมืองเหนือ

บวกอารมณ์ขันที่โผล่ออกมาจี้เส้นถูกจังหวะ ไม่มาก-ไม่น้อย

และพรรณนาโวหารที่บรรยายภาพจนหลับตาแล้วเห็นตาม

โอยยย…

กลายเป็นเรื่องสั้นในดวงใจตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้

ไม่ต้องคนชอบกินเหล้าก็อ่านแล้วสนุก-ซาบซึ้งได้

มิพักจะต้องกล่าวถึงนักอ่านที่เป็นปีศาจสุราทั้งหลาย

เป็นโศกนาฏกรรมหรรษาขนานแท้

เป็นเรื่องสั้นที่ละเอียดละเมียดเหมือนงานแกะพระ

ยังไม่รู้ว่าอีกกี่ปี กี่ชาติ

จะมีสุดยอดนักเขียนอย่างนี้กลับมาจุติใหม่

มารังสรรค์ผลงานที่เหมือนเสกมนต์ให้นิ่งขึงอยู่กับที่เมื่อเริ่มอ่าน

ถอนสายตาออกจากหน้าหนังสือไม่ได้

คิดได้อย่างนี้ก็เชื่อว่าลุงคงอยากขึ้นไปพบลุงเส ลุงวสิษฐ และอาๆ ที่เหลือให้ครบก๊วนเต็มที

จะได้ “ซิงเกิล ดร็อป” กันให้เป็นที่สำราญใจ

บนสวรรค์ชั้นกวีรุจีรัตน์

สาธุ