สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร : “ไม่ผ่าน” แต่ “ไม่แพ้” ?

เป็นไปตามที่คาดไว้…นั่นคือช่วงก่อนลงประชามติ 7 สิงหาคม เราได้เห็นการใช้มาตรา 44 “เชิงสร้างสรรค์” ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างถี่ยิบ

ล่าสุดก็คือ การฟันข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นที่ส่อทุจริตล็อตใหญ่อีก 60 คน แถมด้วยการใช้มาตรา 44 เร่งรัดการเจรจาคัดเลือกเอกชนเข้ามา บริหารโครงการต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และเร่งรัดการต่อเชื่อมการเดินรถ 1 สถานีของรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน-สีม่วง บางซื่อ-เตาปูน ให้เสร็จใน 4 เดือนครึ่ง

ถือเป็นการเก็บคะแนนการปราบโกง และการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งให้คนกรุงวันละหลายหมื่นคนไปอีกรอบ และยังเป็นการสู้กระแส “ตุรกีโมเดล”

กรณีที่คนตุรกีเลือกอยู่กับรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ทำให้ทหารที่ก่อการยึดอำนาจกลายเป็น “กบฏ” โดย คสช.พยายามยืนยันว่าไทยโมเดลต่างจากตุรกีโมเดล

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด บอกว่า ทหารไทยยึดอำนาจเพราะมีประชาชนออกมาขับไล่นักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว พวกพ้อง และทุจริตคอร์รัปชั่น โดยเรียกร้องให้ทหารเข้ามายุติและแก้ไขปัญหา หากประชาชนไม่ให้การสนับสนุน ทหารต่อให้มีกำลังมากมายเพียงใด ย่อมไม่สามารถทำภารกิจนี้ได้สำเร็จอย่างแน่นอน

คำอธิบายนี้ถือเป็นความพยายาม “ลบ” ภาพผู้ร้ายออกจาก “การรัฐประหารไทย” ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่ มีคนชี้ชวนว่า ให้ดูผลประชามติ 7 สิงหาคม

แต่คำตอบอาจจะไม่ได้ออกมาซื่อ-ซื่อ…แบบเพราะชอบรัฐประหาร เลยรับประชามติ…แบบเพราะเกลียดรัฐประหาร เลยไม่รับประชามติ ด้วยตอนนี้กำลังมีการสร้างกระแสอย่าง “ยอกย้อน” ให้ คสช.มีความชอบธรรมทั้ง 2 ด้าน

ผ่าน ก็ต้องชอบธรรม ไม่ผ่าน ก็ต้องชอบธรรม

ประเด็นหลังนี้น่าสนใจ…น่าสนใจ เพราะตั้งแต่มีการนำคำปรารภของนายกรัฐมนตรีมาเผยแพร่ว่า มีคนจะลงประชามติไม่ผ่านรัฐธรรมนูญ เพราะอยากให้ คสช.ได้อยู่นานๆ ซึ่งถูกจับตามองว่าเป็นยุทธวิธีโยนหินถามทาง ด้วยการปูพื้นให้สังคมเกิดความรู้สึกว่า ที่รัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ไม่ใช่เพราะประชาชนไม่เอา คสช.

เอา คสช.ต่างหาก จึงลงมติ “ไม่ผ่าน” ซึ่งตอนนี้ก็มีตัวอย่างรูปธรรมให้เห็นแล้ว

นั่นคือ คำประกาศของ “คนใน” นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะ “ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน เป็นไปตามโรดแมป ใครอย่ามาอ้างแพ้ชนะ และถ้าจะอ้างอย่างนั้น ก็ต้องอ้างว่า ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน เป็นชัยชนะของประชาชน ที่ต้องการให้ปฏิรูปประเทศให้เสร็จก่อน ให้สมกับที่ได้ต่อสู้กู้ชาติมาเป็น 10 ปี ทั้งนี้ ยังมีอีกมากกลุ่มที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศไปอีก 5 ปี ถึง 20 ปี แม้จะยังคงโต้แย้งกันบ้างว่าจะเป็น 5 ปี หรือ 20 ปี เป็นเรื่องปลีกย่อย หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็ต้องถือว่าเป็นชัยชนะของกลุ่มนี้ด้วยเหมือนกัน เราต่างก็เป็นคนไทยด้วยกัน ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน ก็หวังแต่ให้บ้านเมืองสงบสุข ปวงประชาสามัคคีกัน ทำมาค้าขายได้ ก็พอใจแล้ว”

ตีความตามคำพูดนี้แล้วเป็นอื่นใดไม่ได้…นอกจากหาทางลงให้ คสช.อย่างนิ่มๆ แถมยังมุ่งไปสู่การสืบทอดอำนาจตามเดิม และแนวทางนี้กำลังมาแรง เพราะมีการประเมินว่า กระแสไม่เอารัฐธรรมนูญขึ้นสูง

โดยเฉพาะฝ่ายคนกันเอง ไม่ว่าประชาธิปัตย์ หรือกลุ่มเครือข่ายพลเมืองผู้ห่วงใยเริ่มมีน้ำเสียงที่จะไม่ให้ผ่าน

และน่าจะขยายตัวเพิ่ม

การเตรียมการรับมือประชามติ “ไม่ผ่าน แต่ไม่แพ้” จึงเป็นไปอย่างคึกคักและเข้มข้นอยู่ตอนนี้