“สโลโบดัล ปราลจัค” วิศวกร-แม่ทัพโครแอต สู่อาชญากรสงครามผู้จบชีวิตด้วยน้ำมือตัวเอง

กลายเป็นเรื่องที่สร้างความช็อกให้กับทุกคน เมื่อ “สโลโบดัล ปราลจัค” ซึ่งกำลังขึ้นพิจารณาคดีอยู่ในศาลอาญาระหว่างประเทศ ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ตะโกนด้วยความโกรธว่า “ปราลจัคไม่ใช่อาชญากร! ผมไม่ยอมรับคำตัดสิน!” และทำการดื่มยาพิษต่อหน้าผู้พิพากษา หลังจากศาลพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลอาชญากรสงครามอดีตยูโกสลาเวียเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ให้จำคุกนายปราลจัค 20 ปี แม้เจ้าหน้าที่จะเร่งยื้อชีวิต แต่นายปราลจัคได้จบชีวิตลงที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้ (29 พฤศจิกายน 2560)

ต่อมา การสืบสวนเริ่มขึ้นโดยตั้งข้อสังเกตว่าใครเป็นคนนำยาพิษมาให้นายปราลจัคและนายปราลจัคลอบนำยาพิษเข้ามาในห้องพิจารณาคดีที่มีการคุ้มกันหนาแน่นได้อย่างไร

นายปราลจัค เป็นหนึ่งในอาชญากรสงครามของฝ่ายโครแอต-บอสเนีย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างชาวมุสลิมบอสเนีย ในช่วงสงครามแบ่งแยก

ด้านศาลอาชญากรสงครามอดีตยูโกสลาเวียหรือไอซีทีวาย ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันการเสียชีวิตของนายปราลจัค ซึ่งหลังจากนี้ จะดำเนินตามหลักปฏิบัติมาตรฐานตามคำร้องของไอซีทีวาย ได้มอบหมายให้ทางการเนเธอร์แลนด์ เข้ามาสอบสวนอย่างเป็นอิสระในเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมกับแสดงความเสียใจกับญาติของนายปราลจัค

ขณะที่ นายอังเดร เพลนโควิค นายกรัฐมนตรีของโคเอเชียกล่าวยืนยันหลังสำนักข่าวของทางการโครเอเชียได้รายงานข่าวการเสียชีวิตของนายปราลจัค โดยนายเพลนโควิคกล่าวว่า การกระทำของเขา เป็นสิ่งที่น่าเศร้า กล่าวได้ว่าเป็นความอยุติธรรมอย่างยิ่งต่อจำเลยชาวโครแอต 6 คน (อดีตนายพลที่เป็นอาชญากรสงคราม รวมนายปราลจัค) เราไม่พอใจและเสียใจต่อคำตัดสินดังกล่าว

ย้อนกลับไปในปี 1992 สงครามบอสเนีย ถือว่าเป็นสงครามครั้งใหญ่บนคาบสมุทรบอลข่าน หลังการล่มสลายของอดีตยูโกสลาเวียที่ตามติดหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย ด้วยมูลเหตุจากความขัดแย้งทางเชื้อชาติและการอ้างสิทธิ์ผนวกดินแดนที่มีกลุ่มชนเดียวกันอาศัยอยู่หรือมีประวัติศาสตร์ร่วมกัน ในท่ามกลางไฟสงครามบอสเนียนี้เอง ก็ได้เกิดสงครามโครแอต-บอสเนียขึ้น ระหว่างพันธมิตรสาธารณรัฐบอสเนีย-เฮอร์เซโกวิน่ากับสาธารณรัฐเฮอร์เซก-บอสเนียแห่งโครเอเชียที่ประเทศโครเอเชียให้การสนับสนุน จับมือสู้รบกับกองทัพประชาชนยูโกสลาเวียและกองทัพบอสเนีย-เซิร์บ

แต่แล้วมิิตรก็กลายเป็นศัตรู เมื่อเกิดความตึงเครียดระหว่างกองทัพบอสเนียและสภากลาโหมโครเอเชียของสาธารณรัฐเฮอร์เซก-บอสเนียจากปัญหาชนชาติและอ้างสิทธิ์พื้นที่อำนาจอธิปไตย ในเวลานั้นเองที่ นายปราลจัค วิศวกรที่ได้เข้าร่วมทหารกองทัพโครแอตในสงครามประกาศอิสรภาพโครเอเชีย ก่อนจะเติบโตมาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดในสภากลาโหมโครเอเชีย จนเข้ามามีส่วนในสงครามโครแอต-บอสเนีย จนสิ้นสุดสงคราม นายปราลจัคได้ลาจากกองทัพและหันมาเป็นนักเขียนและผู้กำกับภาพยนตร์

นายปราลจัคได้รับหน้าที่สั่งการทำลายสะพานสตารี โมส อันเลื่องชื่อของเมืองโมสตาร์ อนุสรณ์ประวัติศาสตร์ศตวรรษที่ 16 ที่ถูกสร้างขึ้นยุคจักรวรรดิออตโตมาน ซึ่งศาลชั้นแรกตัดสินว่าคำสั่งของนายปราลจัคเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างไม่เหมาะสมต่อประชากรพลเรือนมุสลิม และเมืองโมสตาร์เสียหายอย่างหนักในช่วงการสู้รบ

ในช่วงพิจารณาคดี ผู้พิพากษารับคำร้องอุทธรณ์ของนายปราลจัค โดยคำร้องระบุว่า สะพานดังกล่าวเป็นเป้าหมายทางทหารที่ชอบธรรมในช่วงความขัดแย้ง ซึ่งพวกเขาพลิกคำตัดสิน แต่ก็ปฏิเสธที่จะลดโทษที่จะต้องได้รับ

ส่วนคดีที่เกิดขึ้นในเมืองซาเกรบ ซึ่งถูกตรวจสอบอย่างละเอียดนั้น ศาลอุทธรณ์กล่าวว่า ทั้ง 6 คน พบว่ามีความผิดฐานมีส่วนในแผนการกำจัดชาวมุสลิมบอสเนีย ซึ่งยังเป็นความผิดที่หลายกระทงและร้ายแรง

 

ส่วนทนายรายหนึ่งที่ทำหน้าที่แก้ต่างให้ผู้ต้องสงสัยในศาล กล่าวว่า มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะนำยาพิษเข้ามาในศาล เพราะการรักษาความปลอดภัยให้กับทนายและเจ้าหน้าที่ในศาลนั้น คล้ายคลึงกับสนามบิน ซึ่งพวกเขาตรวจสอบวัตถุโลหะเช่น เข็มขัด เหรียญเงิน รองเท้า หรือโทรศัพท์มือถือแบบใช้แล้วทิ้ง แต่พวกยาเม็ดกับของเหลวปริิมาณน้อยๆ ไม่ถูกตรวจพบ

ก่อนหน้าที่จะมีการพิจารณาคดีนายปราลจัค ศาลได้พิพากษายืนให้จำคุกนายจาดรังโก้ พรีลิค อดีตนายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐเฮอร์เซก-บอสเนียแห่งโครเอเชียเป็นเวลา 25 ปี และจำคุกนายบรูโน สโตจิค อดีตรัฐมนตรีกลาโหมเป็นเวลา 20 ปี และการพิจารณาคดีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ศาลได้ตัดสินให้ นายรัตโก้ มลาดิก อดีตผู้บัญชาการฝ่ายบอสเนีย-เซิร์บ จำคุกตลอดชีวิตจากความโหดร้ายในช่วงความขัดแย้งที่ทำให้นายมลาดิคได้รับฉายา “มือหั่นแห่งบอสเนีย”

ทั้งนี้ นายปราลจัค ไม่ใช่จำเลยคนแรกที่เสียชีวิตระหว่างถูกสอบสวนจากศาลพิเศษอาชญากรสงครามอดีตยูโกสลาเวีย ก่อนหน้านี้ นายมิลาน บาบิค อดีตผู้นำโครเอเชีย-เซิร์บ ได้ฆ่าตัวตายในศูนย์กักกันชเวนอินเก้น ในปี 2006 และอีกคนคือ นายสลาฟโก้ โดคมาโนวิค อาชญากรสงครามชาวโครเอเชีย-เซิร์บ พบถูกแขวนคอกับประตูห้องขังในปี 1998