สำรวจตรวจแถว ‘พลังประชารัฐ’ | จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

หลังจาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าขอขมาลาโทษ และแจ้งความจำนงเดินออกจาก “พรรคพลังประชารัฐ” ขอไป “เกิดใหม่” ที่ “รวมไทยสร้างชาติ”

ใครต่อใครต่างด่วนสรุปเป็นเสียงเดียวกันว่า “ต้นไม้ใหญ่” แห่งบ้านป่ารอยต่อฯ ของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ใบดก-นกเกาะเต็มรุงรังทั้งต้น

จะเผชิญกับวิบากกรรม เหี่ยวแห้งเฉาตาย มีผลสะเทือนอย่างหนักกับทุกเรื่อง ไม่ว่าจำนวน ส.ส.ที่ตัดสินใจติดสอยห้อยตาม-กลุ่มทุนยักษ์น้อยยักษ์ใหญ่ ที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ อุปภัมภ์ค้ำบุญ “กระสุนดินดำ” ต่างพากันไหลออก สุดท้าย “พปชร.” มิต่างอะไรกับต้นไม้ที่ตายแล้ว

แต่เกมกลับตาลปัตร ออกมาตรงข้ามกับที่สบประมาทกันอย่างสิ้นเชิง บ้านป่ารอยต่อฯ ของ “ลุงป้อม” ตลาดการเมืองยังคึกคัก สะท้อนผ่านจำนวน ส.ส. ไม่เพียงแต่กลุ่ม-มุ้ง-ซุ้มต่างๆ ย้ายสังกัดตาม “น้องตู่” กันไปน้อยมาก

แค่ “กลุ่มมังกรน้ำเค็ม” ภายใต้ร่มเงาของ “เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน บอกว่ามีจำนวน 12 คน มุ้งภาคใต้มีอยู่ 13 ที่นั่งไปเพียง 4 คนเท่านั้น และกลุ่มดาวฤกษ์ ใน กทม.เพียงไม่กี่ราย บางส่วนก็แตกกระจายไปซบภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ กันตามอัธยาศัย

มุ้งใหญ่จำนวนมากยังคงยืนหยัด ปักหลักอยู่กับ “พลังประชารัฐ” เช็กยอดรวมแล้ว ยังประกอบด้วย “มะขามหวาน” ของ “สันติ พร้อมพัฒน์” เลขาธิการพรรค ก๊วนเพชรบูรณ์อยู่กันครบ

ทั้ง “พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์-เอี่ยม ทองใจสด-วันเพ็ญ พร้อมพัฒน์-สุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์-จักรัตน์ พั้วช่วย” และเครือข่ายในเขตอิทธิพลอีก 2-3 หน่อ ขณะที่สายแข็ง “กลุ่มปากน้ำ” เมื่อ “สุนทร ปานแสงทอง” ลูกข่ายบ้านใหญ่อัศวเหมได้โควต้ารัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์สมใจ ยกจังหวัดยังอยู่ที่เดิมเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะ “ต่อศักดิ์ อัศวเหม-อัครวัฒน์ อัศวเหม-ยงยุทธ สุวรรณบุตร-ภริม พูลเจริญ-กรุงศรีวิไล สุทินเผือก-ฐาปกรณ์ กุลเจริญ”

กลุ่มปากน้ำโพ “นิโรธ สุนทรเลขา-ภิญโญ นิโรจน์-วีระกร คำประกอบ-สัญญา นิลสุพรรณ” ซึ่ง “บิ๊กป้อม” มอบหมายให้รับตำแหน่งสำคัญภายในพรรคมากขึ้น เช่นเดียวกับบ้านใหญ่เทียนทอง แห่งสระแก้ว ทั้ง “ตรีนุช เทียนทอง-ฐานิสร์ เทียนทอง-สุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์” ล้วนแล้วแต่ยังปักหมุดอยู่กับ “ลุงป้อม”

รวมถึงค่ายเมืองกล้วยไข่-กำแพงเพชร ที่มี “วราเทพ รัตนกร” เป็นโต้โผหลัก ไม่ได้ย้ายไปไหน ทั้ง “เพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์-อนันต์ ผลอำนวย-ปริญญา ฤกษ์หร่าย” ในไม่ช้าไม่นาน “ไผ่ ลิกค์” จะย้ายมาสมทบอีกจำนวนหลายคน พร้อมกลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”

เหลือแต่ “กลุ่มสามมิตร” ของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน-อนุชา นาคาศัย” ซึ่งมีข่าวลือหึ่งมาตลอดว่า จะย้ายกลับบ้านเก่า “เพื่อไทย” แต่ล่าสุดมีข่าวคลุกวงในว่า “บิ๊กป้อม” สัญญาซื้อใจอะไรบางเงื่อนไข ตกปากรับคำจะอยู่ พปชร.ต่อไปเช่นเดียวกัน

กลุ่ม-มุ้งใหญ่ ที่ย้ายออกจาก “พลังประชารัฐ” ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ไม่ได้แหกด่านมะขามเตี้ยไปลงเรือลำเดียวกับ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ คือ “บ้านใหญ่ชลบุรี” แห่งตระกูล “คุณปลื้ม” กับ “กลุ่มพ่อมดดำ” ภายใต้ร่มเงาของ “สุชาติ ตันเจริญ” แต่จะผนึกกำลังกันระหว่าง “เมืองชล-ฉะเชิงเทรา” เป็นแม่ทัพใหญ่ คุมโซนภาคตะวันออกให้กับ “เพื่อไทย”

ดังนั้น “พลังประชารัฐ” ของ “บิ๊กป้อม” แม้จะไม่ได้โหนกระแส เกาะหลัง “บิ๊กตู่” อีกต่อไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อสำรวจตรวจแถวแล้วชั่วโมงนี้ ยังไม่ถึงกับมีอะไรเสียหาย ถึงขั้นล้มละลาย เป็นต้นไม้ที่ตายแล้ว “ลูกแถว” ส่วนใหญ่ยังคงอยู่กันเกือบครบครัน

ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้ของดีมีราคามาปะชุน ทดแทนส่วนที่ชำรุดไปอีกหลายคน ล่าสุด เพิ่งประกาศเปิดตัวไปเมื่อวันวาน คือ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” แม้ออกอาการ เหวอ นั่งในกระด้ง ยกตนจนตัวลอย จนแกนนำพรรคหลายคนพากันอ้าปากหวอ แต่ชดเชยกันพอได้อยู่ กับการมาช่วยเติมทีมเศรษฐกิจ

เช่นเดียวกับในส่วนของสนามปักษ์ใต้ เครือข่าย “พล.อ.ประวิตร” เอง มัดใจเอาไว้หลายคน ทั้งอ่าวไทย-อันดามัน ซึ่งล่าสุดดึงตัว “อันวาร์ สาและ” มาคุมโซน 3 จังหวัด กับ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ที่มาจากค่ายเก่าประชาธิปัตย์ด้วยกัน ทำให้ พปชร.ในสนามด้ามขวานทอง ดูแกร่งขึ้น

ขณะที่บ้านหลังใหม่ของ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ “รวมไทยสร้างชาติ” แรกๆ พลันที่ “บิ๊กตู่” ประกาศไปต่อ ทำท่าจะร้อนแรง ฟังดูเหมือนไปอังกฤษ แต่ออกพุกามซะงั้น การเมืองไม่ง่ายเหมือนเย็บปักถักร้อย มีปัญหาสารพัด ที่มองไม่เห็นอีกมากมาย

ลูกพรรคพลังประชารัฐจำนวนหลายคนที่ประกาศไขก๊อกตาม “บิ๊กตู่” ไป รทสช. กระโดดค้ำถ่อกลับบ้านเก่า ขณะ “เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น” ที่ว่าแน่ๆ ตอนนี้เริ่มท้อแท้ ไม่ใช่น้อยๆ ออกอาการลังเลมากแล้วเช่นเดียวกัน

เนื่องจาก 1.ส.ส.จาก พปชร.ไหลตาม “บิ๊กตู่” ไปไม่มากเท่าที่ควร ซึ่งผิดคาด 2.ชนปังตอเข้าจังเบอร์ เนื่องจาก “รวมไทยสร้างชาติ” จัดทำโครงสร้างพรรคไว้เรียบร้อยลงตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว “คนใหม่” จะไปทลายยากพอๆ กับทุบกำแพงเมืองจีน

เช่นว่า ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค รทสช. รวมถึงเลขาธิการพรรค ซึ่งอุตส่าห์ไปดึงตัว “เอกณัฏ เตชะไพบูลย์” มาประจำการแล้ว จะเปลี่ยนม้า ยังไม่ทันทำศึกมาเป็น “สุชาติ ชมกลิ่น” ย่อมไม่ได้

เหนือสิ่งอื่นใด คือ “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” แน่นอนแล้วว่า รทสช.ต้องส่งชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นเบอร์ 1 “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ต้องเป็นเบอร์ 2 เช่นเดียวกับการจัดวางลำดับไหล่ “ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็มีตัวกลั่นอยู่เต็มบัญชี 1-10

ส.ส.ไม่ว่ากลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ที่ย้ายจากพลังประชารัฐ ต้องไปยืนอยู่โซนท้ายๆ ทั้งๆ ที่นักรบภาคสนาม ต้องอาศัยจาก ส.ส.เขต ซึ่งมันดูลักลั่น

เมื่อสำรวจตรวจแถวอย่างละเอียดรอบคอบ ยังมึนตึ้บอยู่ว่า รทสช.จะเอา ส.ส.ทั้ง 2 ภาคส่วนมาจากไหน เมื่อ ส.ส.เขตเลือกตั้งเข้ามาน้อย บัญชีรายชื่อก็ย่อมโหรงเหรงตามโดยธรรมชาติ

เกิดได้รับเลือกเข้ามาทั้ง 2 ระบบ น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

ตามรัฐธรรมนูญ 2560 แห่งมาตรา 159 คือไม่ถึง 25 คน “รวมไทยสร้างชาติ” ย่อมไม่สามารถส่ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ขึ้นชิงดำนายกฯ ได้

เท่ากับ “บิ๊กตู่” ตกม้าตายพลันที่ออกจากจุดสตาร์ตเลยทีเดียว