พ่อเมืองเชียงราย สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง สนธิกำลังตำรวจ ร่วมปฏิบัติภารกิจ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” บุกจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าร้านเดิมหลังจากที่ถูกจับกุมไปไม่ถึง 1 สัปดาห์

พ่อเมืองเชียงราย สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง สนธิกำลังตำรวจ ร่วมปฏิบัติภารกิจ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” บุกจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าร้านเดิมหลังจากที่ถูกจับกุมไปไม่ถึง 1 สัปดาห์ พร้อมของกลางกว่า 800 ชิ้น มูลค่ารวมหลายแสนบาท เน้นย้ำ บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากพบเบาะแส แจ้งสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ทันที

วันนี้ (8 พ.ค. 67) นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ตนได้มอบหมายให้ นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย และ นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย สั่งการให้ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงราย นำโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 และ กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 3 บูรณาการกำลังกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ร่วมลงพื้นที่ปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” เข้าจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็ก และเยาวชน 3 ราย พร้อมของกลางกว่า 800 ชิ้น โดยร้านดังกล่าวเพิ่งจะถูกจับกุมได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ ก็กลับมาลักลอบจำหน่ายอีกครั้ง ทั้งนี้ ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อย

“การปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก จังหวัดเชียงรายได้รับแจ้งจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนมาเป็นจำนวนมาก ว่ามีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว และพบว่าร้านที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวคือ ร้าน VMC HUB Chiangrai ตั้งอยู่ที่ 34/5 หมู่ 11 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นร้านเดิมที่เคยถูกจับกุมมาแล้วในระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเน้นจากส่งของผ่านทางไรเดอร์ แต่ก็ยังคงเปิดหน้าร้านเป็นบางครั้ง โดยพฤติกรรมยังคงพบว่ามีการจำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงลูกค้าทั่วไปเหมือนเดิม ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าวพบว่าร้านมีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และได้พบกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลเดิมที่เคยถูกจับกุมมาแล้ว 3 คน พร้อมกับตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย 1.เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 10 เครื่อง 2.หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 247 ชิ้น 3.บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง จำนวน 497 ชิ้น 4.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 40 ชิ้น และ 5.คอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 31 ชิ้น โดยทั้งหมดมีมูลค่ารวมหลายแสนบาท” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าว

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ พบว่ามีลูกค้าที่ทำการสั่งซื้อบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางระบบออนไลน์ มีคำนำหน้านามว่า เด็กหญิง เด็กชายอีกเป็นจำนวนมาก และจากการตรวจสอบการรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้าน พบแต่ละร้านมีรายตั้งแต่ 40,000 – 100,000 บาทต่อวัน ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบ เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาท และระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบจะมีลูกค้ามาใช้บริการตลอดเวลา และหลังจากที่เข้าตรวจสอบทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย คือ 1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ 2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

“ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างมาก ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายผู้สูบเป็นอย่างมาก อาทิเช่น การก่อให้เกิดมะเร็งปอด เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคปอดอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้สูบ ครอบครัว และชุมชนในระยะยาวอย่างแน่นอน จึงต้องดำเนินการจับกุมอย่างจริงจังและเด็ดขาด ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจ และขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ในฐานะผู้ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย

#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข