’10 ไฮไลท์แห่งปี 2564′ ดอกไม้ไฟ vs กระสุนยาง : ปรากฎการณ์ “ม็อบทะลุแก๊ซ” บทโหมโรงการเมืองไทย 2565

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดปี 2564 โดยเฉพาะการบริหารประเทศที่ผิดพลาด ที่ไม่สามารถนำพาประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีงานทำได้ จนหลายคนต้องจบชีวิตระหว่างทาง และเมื่อมีประชาชนส่งเสียงเรียกร้องอย่างสันติในการแก้ไข ปรับปรุงต้นตอของปัญหาเพื่อสามารถขับเคลื่อนประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็กลับไม่ตอบสนองและจบด้วยการจับกุม ปราบปรามแบบฝ่ายเดียวอย่างโหดร้าย

ภาวะอันชวนสิ้นหวังเช่นนี้ เมื่อฝ่ายหนึ่งพยายามบีบอีกฝ่ายไม่เหลือหนทางอื่นใดนอกจากยอมจำนน แต่สิ่งที่อำนาจรัฐมุ่งหมายนั้น กลับไม่ใช่กับคนกลุ่มหนึ่งที่ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น

พวกเขาเหล่านั้นปฏิเสธที่จะจำนน และขอสู้ด้วยรูปแบบของตัวเอง แม้วิธีการนั้น จะถูกมองว่า “สันติ(แบบที่ใช้อยู่) อาจไม่ใช่คำตอบ” มีเพียงการโต้กลับอย่างสมน้ำสมเนื้อเท่านั้น ที่จะให้อีกฝ่ายรับรู้รสชาติของการถูกกระทำว่าเป็นอย่างไร

นี่คือจุดเริ่มต้นเรื่องราวของ “ทะลุแก๊ซ” ปรากฎการณ์สะท้อนสภาวะสังคมไทยที่เปราะบางจากหลายปัญหาที่สั่งสม และอาจหมายถึงบทนำเพื่อปูเรื่องราวไปสู่การเมืองไทยในปี 2565 ที่อาจเป็นปีแห่งความโกลาหลและการจลาจล

กำเนิด “ทะลุแก๊ซ”

วันที่ 23 สิงหาคม ชื่อของกลุ่มเริ่มปรากฎอย่างเป็นทางการผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจ “ทะลุแก๊ซ” ส่วนสาเหตุว่าทำไมใช้ “ซ.โซ่” แทน “ส.เสือ” เพจอธิบายว่า ข่อยข้นอีสาน มัก ซอโซ่ ละเป็นหยังคำว่า แซบ จึงต้องเขียนแซ่บ สั่น มีไม้เอกพร้อม ไท๊ยไทย คือจังบ่เขียน แส้บ จังซี่ไปโลด กูละงึดซุ่มผีปอบคลั่งซาด บักงัวเอ้ย เบิดคำสิเว่า เอาพ่อไหย่สุจิตต์ (วงษ์เทศ) ไปเทศน์ให้เพิ่นฟังจักบาดแน๊เปี๋ยง” 

คำอธิบายที่ดูมีความเป็นปัญญาชนแถมมีการอ้างอิงชื่อ ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ นักประวัติศาสตร์ชื่อดัง ซึ่งเจ้าของเพจยอมรับว่าเป็นติ่งประวัติศาสตร์แบบสุจิตต์อย่างมาก นั้นทำให้อธิบายความเป็นกลุ่มก้อนของกลุ่มทะลุแก๊ซที่ไม่ใช่แค่กลุ่มวัยรุ่นที่มีความคึกคะนองเป็นแรงขับในการตอบโต้กับตำรวจควบคุมฝูงชน ยังมีคนอีกมากที่เป็นถึงปัญญาชนหรือมีความรู้ในการประกอบอาชีพหลายสาขา เพียงแต่เผชิญปัญหาและความยากลำบาก รวมถึงขาดโอกาสที่จะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ

การชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง เกิดขึ้นหลายครั้งเพื่อพยายามไปให้ถึงบ้านพักพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งอยู่ภายในพื้นที่ค่ายพล.ร.1 รอ. ค่ายทหารราบกองพลที่ใหญ่ที่สุดทั้งกำลังพลและพื้นที่ค่ายที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจชื่อดัง กลายเป็นเป้าหมายทางการเมืองที่ต้องการรวมตัวหน้าค่ายเพื่อส่งเสียงขับไล่ผู้นำรัฐบาลที่อยู่สุขสบายในบ้านพักในค่ายที่ฟรีทุกอย่างจากภาษีประชาชน

และเพราะเป็นเป้าหมายทางการเมือง ทำให้มีการใช้กลไกรัฐโดยเฉพาะการปราบปรามควบคุมการชุมนุม มีการระดมหน่วยตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวนมากพร้อมติดอุปกรณ์การปราบม็อบแบบครบครัน

การชุมนุมทั้ง REDEM หรือกลุ่มราษฎรที่ยึดหลักสันติวิธี ในช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ ถูกสลายทุกครั้งจากคฝ.ที่มีเครื่องมือปราบปรามทุกชนิดที่ระดมมาอย่าง ปืนลูกซองยิงกระสุนยาง ปืนยิงแก๊สน้ำตา รถจีโน่พ่นสารเคมีผสมน้ำแรงดันสูง ระดมฉีดยิงใส่ผู้ชุมนุมอย่างไม่ยั้งมือ หรือกำลังเจ้าหน้าที่กรูเข้าไปจับกุมผู้ชุมนุมที่หนีไม่ทันด้วยความคึกคะนองและขาดความยับยั้งชั่งใจ ทำให้ร่างกายของผู้ชุมนุมบาดเจ็บจากการถูกเตะ เหยียบ ถูกตีด้วยกระบองตามส่วนต่างๆของร่างกาย

จนกระทั่ง 20 สิงหาคม ได้ปรากฎกลุ่มผู้ชุมนุมวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในย่านดินแดง โดยเพจเฟซบุ๊กที่ระบุเป็นของกลุ่มทะลุแก๊ซได้บรรยายความรู้สึกของกลุ่มและแนวทางการต่อสู้ว่า

“อย่าไปว่าน้องๆ ว่าวัยรุ่นมันเลย

เอาจริงๆ ทุกคนก็สบายใจดีนิ เวลาไปม็อบแล้วมีน้องๆ วัยรุ่นเหล่านี้เป็นกองหน้า คอยเป็นกันชนให้เมื่อต้องเผชิญกับเหล่าหุ่นยนต์ ที่พร้อมจะใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมตามคำสั่งนายได้ทุกเมื่อ

ทุกคนต่างไปม็อบด้วยความโกรธและความคับแค้นในใจกันทั้งนั้น จะให้ไปยืนใจเย็นๆ ยุบหนอ พองหนอก็คงย้อนแย้งสิ้นดี ในเมื่อภายในใจมันร้อนระอุไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกมากมาย จนทำให้เส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างคำว่าเหตุผลกับสัญชาตญาณความเป็นคนนั้น อาจจะเลือนรางไปบ้าง แต่มันก็คือหยินและหยาง ที่อนิจจังสำหรับโลกใบนี้ ทุกปัจเจกไม่จำเป็นต้องมีจิตใจที่สันติและอหิงสาเหมือนดั่งคานธีเสมอไป เพราะความสันติอหิงสาที่เป็นผลผลิตทางสังคมและปรัชญานั้น ย่อมมีความ bias อยู่ในตัวมันเอง

นี่ดูไลฟ์ม็อบตั้งแต่ต้นจนจบตลอดและสังเกตว่า มันก็เป็นอย่างกราฟฟิตี้บนเสาตอม่อนี้จริงๆ “ไม่มี ตร.ไม่มีความรุนแรง”

กอปรกับประสบการณ์ส่วนตัว นี่มองว่าวัยรุ่นอารมณ์ร้อนเหล่านี้ กลับมีความรับผิดชอบในเรื่อง vandalism มากกว่าในประเทศโลกที่ 1 เสียอีก

ผมไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าจะมีการทำลายทรัพย์สินชาวบ้านแบบฟรีๆ เพราะคึกคะนองหรืออะไรก็แล้วแต่ (อย่างที่มีในยุโรป) แต่พวกเขากลับพุ่งเป้าหมายไปที่รัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเชิงสัญลักษณ์หรือตัวบุคคล

ไม่เคยเห็นว่าม็อบครั้งไหนจะบานปลาย หรือมีเหตุรุนแรงถึงขั้นต้องมีการปราบปราม … จนกระทั้งเจ้าหน้าที่เริ่มใช้ความรุนแรงกระชับพื้นที่ ยั่วยุให้มีการโต้ตอบ”

นอกจากนี้ กลุ่มทะลุแก๊ซ ยังมีการถอดบทเรียนการต่อสู้ของเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ความว่า

“สรุปวันนี้

ทีแรกก็งงๆ จบอย่างไว เจอต้อน เราเพิ่งไปถึง ก็อาศัยแฝงตัวเงียบๆ กับชาวแฟลต ถามความเห็น, ทางหนีทีไล่, ปั่นดราม่าไปเรื่อยๆ เพราะช่วงแรกสติแตกมาก และแน่นอน เด็กก็ไม่ได้มียุทธวิธีอะไร การเข้าตลบหลัง การจัดชุดแฝงรายงานต่างๆ ไม่มีหรอก มันเป็นทีมทะลวงอย่างเดียว พอแตกก็ถอย ทีแรกผมก็จะกลับนะ คฝ.ปิดทาง เช็ก มีเดินตาม คอยส่องตลอด และยิงง่ายมาก เด็กแฟลตเอาสติ๊กยิงจากข้างบนลงมา พวก (คฝ.) ยิงขึ้นไป 6 เม็ดได้ ปลอกกระสุนตกเกลื่อนถนน คำว่านับร้อยไม่เกินจริง ลูกแก๊สก็ยิงหลายสิบ แต่ที่เลวร้ายคือยิงใส่สื่อ และไทยมุงชาวบ้าน อันนี้ทำให้ความเกลียดชังมันเท จากที่เขาจะด่าเด็ก เขาก็เทไปด่าคนที่ยิงเขาแทน

พอเดินสักพัก เริ่มได้ยินคนบอกมีรวมแถวพระแม่ คิดว่าไม่จบว่ะ รอดูสักพักแล้วกัน คราวนี้มาใหญ่ คือรวมมาไงไม่รู้ หลักร้อยเหมือนเดิม ยังไม่ได้เล่น ค้างมา คราวนี้มาเต็ม เอาไข่มาแจก ลูกเล็กเด็กแดงเอาไปคนละ 4-5 เม็ด คราวนี้ยิงแลกกันเช่นเคย แต่สักพัก คฝ.ถอย เด็กมันก็อ่อนเชิง ได้ใจ วิ่งกันขึ้นหน้า ต้องให้วิ่งไปเตือน ซึ่งทีแรกก็ถอย แต่สักพักห้าว บุกตู้ เจอพวกดักรอบนด่วน ไล่ยิงกระเจิง สุดท้ายก็นะ ทนไม่ไหวต้องวิ่งมาปิดอยู่ดี

วันนี้ที่เห็นคือกลยุทธ์ทั้งสองฝ่ายเปลี่ยน ตำรวจไวขึ้น เริ่มคล่องตัว มีการใช้มอเตอร์ไซค์แล้ว เด็กก็ปรับตัว เริ่มดูนักข่าว ตามไลฟ์ เลยรวมตัวกันเร็ว

ปัญหาคือ ระเบียบนี่แหละ หน้างานก็ต้องคอยสอน ผู้ใหญ่ก็ต้องคอยสอน ผู้ใหญ่สอนดีนะ มีคนหนึ่งบอกว่า เอาตรงนี้เป็นสนามฝึก อย่าเอาเป็นสนามรบ มาเล่นให้รู้ แล้วสู้กับมันไป สู้กันไปเรื่อยๆ อย่าหยุด

จบโควิด ถ้ายังไม่ยิงกันตายเพราะเจอขอใบสั่งฆ่าไปก่อน เหนื่อยหน่อยนะครับ เพราะไฟมันจุดติดไปแล้ว
คุณยิงหรือจับเด็ก 5 คน เมื่อลมสงบ จะมีเพื่อนมันอีกสิบคนออกมา ถ้าคุณรักความสบาย จงไปบอกให้นายคุณโอนอ่อน
ผมพูดถึงกรุงเทพจะไม่สงบอีกนาน คุณมามันมุด คุณหยุดก็แหย่
พวกสายเก่าดาวแดงปีลึก น่าจะชอบแนวนี้เป็นพิเศษ”

นอกจากนี้ ยังเล่าเรื่องกลางสมรภูมิดินแดง ว่า

เมื่อวานมีตลกอยู่หลายเคส มีเคสหนึ่งน้องแม่งกำลังถือแก๊ส ขว้างล่อลูกยางมันๆ
แม่น้องเอาผ้าขนหนูคุมหน้าเดินฝ่าควันมาดุ่ยๆ

ไอ้โต้ กลับบ้าน !
โห่ แม่ เดี๋ยวทุ่มนึงก็กลับแล้ว
มึงจะกลับดีๆมั้ย มาทุกวัน เดี๊ยะ /ง้างมือ
ไอ้โต้เดินตามแม่กลับต้อยๆ ท่ามกลางห่ากระสุน
ยางยังสาดลงมาจากทางด่วน

สู้กันใหม่ไอ้โต้ มึงกลับไปกินข้าวก่อน
*ความน่าเศร้าในความตลกคือ มันควรได้เล่น Free
Fire หรือ WarZ แทนที่จะต้องอยู่ใน warzone จริงๆ
ถ้าการเมืองดี*

#วัยรุ่นทะลุแก๊ซ
#มิตรสหายทะลุแก๊ซท่านหนึ่ง

นี่คือจุดเริ่มต้น ของการเคลื่อนไหวจากกลุ่มทะลุแก๊ซ ที่เป็นดั่งหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า หากการเมืองช่วยเหลือพวกเขามีความเป็นอยู่ที่ดี หรือการที่อำนาจรัฐไม่เป็นฝ่ายเริ่มใช้ความรุนแรงก่อน ก็อาจจะไม่มีพวกเขาเกิดขึ้นก็ได้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ซตามมาอีกหลายครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม จนถึงเดือนตุลาคม โดยไม่เพียงเกิดขึ้นบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง แต่ยังข้ามไปเกิดที่แยกนางเลิ้งด้วย และบรรดาผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุแก๊ซ มีหลากหลายที่มา ตั้งแต่เป็นเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี ไปจนถึงวัยรุ่นอายุเกิน 20 ปีที่ทำงานหาเลี้ยงชีพรายวัน หรือผู้ใหญ่วัย 30 ที่ออกมาช่วยเหลือเด็กๆที่่ร่วมการชุมนุม

ลักษณะเฉพาะของกลุ่มทะลุแก๊ซนั้น มีความเคลื่อนไหวที่ต่อให้ไร้แกนนำ ก็มีความเป็นกลุ่มก้อน ลักษณะเป็นกลุ่มเล็กๆตั้งแต่ 3-5 คนขึ้นไปและจากกลุ่มเล็กๆหลายก้อนก็รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ที่คอยช่วยยิงดอกไม้ไฟ พลุควัน พลุใหญ่เข้าใส่ตำรวจควบคุมฝูงชนให้เกิดความตื่นตระหนกและแตกตื่น และกลุ่มตำรวจที่ยืนเกาะเป็นกลุ่มแถว ก็ตกเป็นเป้าให้กับดอกไม้ไฟลูกใหญ่ๆได้ง่าย

แต่การชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ซที่มีลักษณะไร้แกนนำ ก็ถือเป็นช่องว่างที่สบโอกาสให้กลุ่มอันธพาลที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับรัฐเข้าไปสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้ทะลุแก๊ซถูกมองลบมากขึ้น

และการชุมนุมของทะลุแก๊ซในวันที่ 16 สิงหาคม บริเวณ สน.ดินแดง ได้มีเด็กชายอายุ 15 ปี ระหว่างที่ร่วมการชุมนุมได้ถูกยิงเข้าที่ลำคอและกระสุนฝังอยู่ในก้านสมอง จนบาดเจ็บสาหัสและถูกนำตัวไปรพ.ราชวิถีก่อนอยู่ในสภาพโคม่าเป็นเวลานานและเสียชีวิตในวันที่ 28 ตุลาคม

คดีการเสียชีวิตของเด็กอายุ 15 ปี ทางญาติผู้เสียชีวิตทวงถามความคืบหน้ากับตร. แต่ก็ได้คำตอบว่ากำลังดำเนินการเพราะมีหลายคดีจนงานยุ่ง

แม้การเคลื่อนไหวของทะลุแก๊ซในช่วงท้ายปีจะลดลง และมีผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุแก๊ซบางส่วนยังคงถูกดำเนินคดี หลังการใช้กำลังเข้าบุกค้นถึงแฟลตดินแดง แต่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะยอมจำนน

สภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากความผิดพลาดในการแก้ไขสถานการณ์ของรัฐบาลทั้งโรคระบาดและการเยียวยาชดเชยจากปัญหาโควิดไม่ได้ตอบสนองอย่างเต็มที่ หากไม่รีบแก้ไขให้ทัน ความสิ้นหวังในการดำรงชีวิตจะแปรสภาพเป็นความไม่พอใจ และอาจทำให้ปี 2565 ปัญหาที่สั่งสมจะผลักคนที่สิ้นหวังเลือกเผชิญหน้าท้าทายอำนาจรัฐซึ่งอาจจะแตกต่างและหนักหน่วงกว่าการชุมนุมของกลุ่มราษฎรหรือแม้แต่ทะลุแก๊ซ

และต้องดูว่าเปิดศักราช 2565 ประเทศไทยในสภาพที่บอบช้ำจากปัญหาเรื้อรัง จะเดินต่อไปยังไง?