มงคล วัชรางค์กุล : วัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มแรกในอเมริกา

ประธานาธิบดีทรัมป์เซ็นสัญญาสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer Inc.) ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารที่ 8 ธันวาคม 2020

ทรัมป์ทวีตว่า “Magic Vaccine” “วัคซีนวิเศษ”

ทรัมป์เซ็นสัญญาตอนบ่ายวันจันทร์ 7 ธันวาคม 2020 ทรัมป์บอกว่า บริษัทผู้ผลิตวัคซีนจะต้องให้ prioritize Americans ต้องมอบวัคซีนให้อเมริกาก่อนเป็นรายแรกตามกฎหมาย the Defense Production Act

ทีม Trump administration บอกว่า วัคซีนนี้เป็นหนึ่งใน American First ในการประชุม “vaccine summit” ในวันอังคาร แล้วทรัมป์โชว์สัญญาอวดผู้สื่อข่าว

วัคซีนจะออกมาจาก 2 บริษัทคือ Pfizer Inc. และ Moderna Inc. รวม 200 ล้านโด๊ส (doses) สำหรับคน 100 ล้านคน

ทรัมป์บอกว่า ถ้ามี “ปัญหา” ในการส่งมอบ เขาจะใช้กฎหมาย the Defense Production Act กฎหมายโบราณ 70 ปีมาบังคับใช้ให้โรงงานผลิตให้รัฐบาลกลาง (federal government) ก่อนผลิตให้ประเทศอื่น

ในวันเซ็นสัญญามีแต่วัคซีนของไฟเซอร์เท่านั้นที่ผ่านการรับรองจาก FDA (Food and Drug Administration – องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา) วัคซีนไฟเซอร์ผ่านการทดลองกับคน 40,000 คน ได้ผล 95%

วัคซีนของ Moderna เพิ่งจะได้รับการรับรองจาก FDA เมื่อ 18 ธันวาคม 2020 และมีแผนจะขนส่ง 5.9 ล้านโด๊สไปยัง 64 แห่งในรัฐต่างๆ, เขตปกครอง (Territories) และเมืองใหญ่ทั่วประเทศในสัปดาห์หน้า

ข้อแตกต่างระหว่างวัคซีนของ Pfizer กับของ Moderna คือ ของ Pfizer ต้องเก็บที่อุณหภูมิ -70 ํC ของ Moderna เก็บที่อุณหภูมิ -20 ํC

ในอเมริกามีเพียงตู้แช่ของ Carrier กับ TT เท่านั้นที่ให้อุณหภูมิถึง -70 ํC

วัคซีนแช่น้ำแข็งแห้งมาในกล่อง เปิดกล่องแล้วต้องฉีดทุกโด๊สให้หมดใน 6 ชั่วโมง

วัคซีนทั้งสองเจ้าต้องฉีด 2 เข็ม ของ Pfizer ฉีดเข็มที่สองหลังจากเข็มแรก 3 อาทิตย์ ของ Moderna ฉีดเข็มที่สองหลังจากเข็มแรกหนึ่งเดือน

วัคซีนทั้งสองจะมีผลคุ้มครองสมบูรณ์หลังจากการฉีดเข็มที่สองแล้วสองอาทิตย์

 

วันที่ทรัมป์เซ็นสัญญา ไบเดนออกมาพูดว่า ถึงแม้ว่าจะมีวัคซีนออกมา แต่ค้นพบว่ายังไม่มีแผนว่าจะขนวัคซีนจากคอนเทนเนอร์จนไปฉีดที่แขนคนอเมริกันได้อย่างไร ควรต้องศึกษาให้รอบคอบแล้วค่อยนำวัคซีนออกมา

ความประสงค์ของไบเดนคือ ต้องการให้ชะลอวัคซีนไว้ รอจนมีการเปลี่ยนประธานาธิบดีก่อนจึงค่อยให้วัคซีนออกมา

รมต.สาธารณสุขและบริการปวงชน (Secretary of Health and Human Services) ชื่อ Alex Azar บอกว่า เป็นคำพูดที่ non sense ไร้สาระ ไบเดนพูดผิดแน่นอน เพราะ FDA จะส่งวัคซีนได้นับแต่วันแรกภายใน 24 ชั่วโมง มีการประสานกับพวกเภสัชกร (detail Pharmacists) โรงพยาบาลทุกแห่งแล้ว ในอเมริกาใช้เภสัชกรเป็นคนฉีดวัคซีน

การขนส่งวัคซีนควบคุมโดยกองทัพสหรัฐ (U.S. Military)

Alex Azar ยังบอกอีกว่า ถ้าคนสวม Masks จะช่วยป้องกันได้ 72%

ส่วน Robert Redfield ผู้อำนวยการ CDC (Centers for Disease Control and Prevention) – ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค บอกว่า การขนส่งต้องให้เวลาเท่าที่ต้องการเพราะต้องการให้วัคซีนปลอดภัย

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2020 หนังสือพิมพ์ Reading Eagle รายงานหน้า 1 ว่า วัคซีนเข็มแรกจะฉีดในรัฐวอชิงตัน รัฐนี้จะได้รับวัคซีน 62,400 โด๊สในสัปดาห์แรก แล้วได้รับเพิ่มมากขึ้นในสัปดาห์ต่อไป

แต่ภาพที่เห็นหน้าจอทีวีในวันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม คือภาพรถบรรทุกหัวลากขนวัคซีนออกจากโรงงานไฟเซอร์ที่มิชิแกนในวันอาทิตย์มุ่งไปส่งตามรัฐต่างๆ

จากนั้นเป็นภาพการฉีดวัคซีนเข็มแรกในรัฐมิชิแกน, โอกลาโฮมา, ฟลอริดา และที่โรงพยาบาล N.Y.U. ในนิยอร์กซิตี้ ที่นี่ถ่ายทอดสดให้เห็นตั้งแต่เริ่มการลงทะเบียนซักประวัติจนถึงการฉีดวัคซีนเข็มแรก

 

วัคซีนเข็มแรกฉีดให้กับบุคลากรแพทย์ที่ทำงานแนวหน้า (Front Lines) สู้กับไวรัส ชุดต่อมาจะเป็นบุคลากรแพทย์ทั่วไป แล้วจึงถึงผู้สูงวัยใน Nursing Homes จากนั้นเป็นเหล่าคนสูงวัย จนท้ายสุดที่ประชาชนทั่วไป

จะรับการฉีดได้ตามร้านขายยาและช้อปปิ้งมอลล์ที่มีสาขาทุกเมือง – CVS, Walmart และ Walgreens

หนังสือพิมพ์ Bloomberg Business ฉบับ Dec 7, 2020 รายงานอุณหภูมิที่ใช้เก็บวัคซีนดังนี้

Pfizer -70 ํC, Moderna -20 ํC, AstraZeneca 2C to 8 ํC

วัคซีนตัวท้ายน่าจะเหมาะกับเมืองไทย

Bloomberg Business ฉบับหลายสัปดาห์ก่อนรายงานว่า อินเดีย “แห้ว” อดขายขวดบรรจุวัคซีนให้อเมริกา เพราะทุกอย่างในวัคซีน Made in U.S.A.

หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ฉบับ 18 ธันวาคม 2020 รายงานว่า Pfizer มีโรงงานผลิต 10 แห่งในจีน, 6 แห่งในอินเดีย, 3 แห่งในอเมริกา, 2 แห่งในเบลเยียม, ญี่ปุ่น, รัสเซีย และหนึ่งแห่งในฝรั่งเศส, เกาหลีใต้, สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษ

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเมื่อการผลิตและจัดส่งสมบูรณ์ เกินกว่าครึ่งของวัคซีนจะขนส่งทางเครื่องบินกระจายสู่ที่หมายทั่วโลก

ขณะที่เริ่มต้น อเมริกาใช้การขนส่งจากรถบรรทุกของ UPS และ FedEx รวมทั้งใช้เครื่องบินของ UPS และ FedEx ที่ขนได้เที่ยวบินละ 1 ล้านโด๊ส

รถบรรทุก FedEx ขนวัคซีนเที่ยวแรกจากโรงงานไฟเซอร์ใน Kalamazoo, มิชิแกนไปยังสนามบิน Gerald R. Ford International Airport ที่ Grand Rapids อยู่ไม่ไกล ส่งวัคซีนขึ้นเครื่อง FedEx ไปสู่ที่หมาย Memphis และ Indianapolis hubs

ขณะเดียวกัน รถบรรทุกของ UPS ก็ขนวัคซีนจากโรงงานไฟเซอร์ในมิชิแกนไปยังสนามบิน Capital Region International Airport ที่ Lansing, มิชิแกน ขึ้นเครื่อง UPS ไปยัง Louisville hub

นั่นคือการขนส่งวัคซีนทางเครื่องบิน 2 Shipments แรก เจ้าหน้าที่สนามบินหวังว่าการขนส่งนี้จะดำเนินต่อเนื่องอีกนานเดือนสู่ที่หมายทั่วอเมริกา

วัคซีนพร้อมจะฉีดได้หลังจากเครื่องแลนดิ้ง 3 ชั่วโมง

McKesson Corp. บริษัทยายักษ์ใหญ่ที่เป็นตัวแทนของ Moderna Inc. ก็ใช้บริการของ UPS และ FedEx

ทั้ง UPS และ FedEx ให้ Priority ในการขนส่งวัคซีนก่อนพัสดุอื่น เข้าไปในเครื่องก่อน และขนออกจากเครื่องก่อนพัสดุอื่น

สายการบิน Delta บอกว่าเตรียมเครื่องบินไว้พร้อมแล้ว จะบินไปขนวัคซีนจากอินเดียได้ภายใน 48 ชั่วโมง เดลต้าบอกว่าเมื่อวันพุธได้ขนวัคซีนจาก Detroit ไป Atlanta และไป San Francisco

 

สายการบินทั้งหลายที่ซบเซาจากการระบาดของไวรัสเริ่มจะฟื้นตัวในการรับขนส่งวัคซีนหลายพันล้านโด๊สที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก

จะมีการดัดแปลงเครื่องบินเจ๊ตโดยสารมาเป็นเครื่องบินขนส่ง ติดตั้งห้องเย็นที่จะเก็บวัคซีนในอุณหภูมิที่ต้องการ

สายการบิน United จัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ Cargo 5 เที่ยวบิน บรรทุกวัคซีนจากโรงงาน Pfizer ในบรัสเซลส์ เบลเยียม, มาที่ hub ของ United ที่ O”Hare, Chicago แต่ละเที่ยวขนได้หนึ่งล้านกว่าโด๊ส แล้วใช้เวลาขนถ่ายจากเครื่องสู่รถบรรทุกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เริ่มขนตั้งแต่สิ้นเดือนพฤศจิกายน โฆษกสายการบินบอกว่า ทุกอย่างเกี่ยวกับวัคซีนต้องเร่งด่วน speed, speed, speed

โรงงานไฟเซอร์ในบรัสเซลส์อยู่ห่างสนามบินแค่ครึ่งชั่วโมง สนามบินบรัสเซลส์บอกว่าตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ขนส่งวัคซีนไป 7 เที่ยว เป็นของ United 5 เที่ยว ที่เหลือเป็นของ Deutsche Post AG”s cargo arm

United ยังบอกว่า มีการขนส่งวัคซีนผสมในเครือข่ายเที่ยวบินโดยสารด้วย แต่ไม่ได้ให้รายละเอียด

 

วัคซีนมาถึงโรงพยาบาล Penn State Health St. Joseph ที่เรดดิ้งแล้ว หนังสือพิมพ์ Reading Eagle ฉบับ 19 ธันวาคม 2020 รายงานหน้า 1 ว่า วัคซีนมาถึงบ่ายวันพฤหัสฯ บ่ายวันศุกร์ โรงพยาบาลฉีดวัคซีนให้บุคลากรแพทย์ 12 คนที่ปฏิบัติการไวรัสอยู่แนวหน้ามา 7 เดือนแล้ว เข็มแรกฉีดให้หมอ Andre Robinson ผู้อำนวยการแผนก Anesthesia หมอดมยา

คนที่ได้รับวัคซีนตื่นเต้นดีใจมาก บอกว่า เป็นการเริ่มต้นที่รู้สึกวิเศษ (Feels fantastic) และเริ่มต้นสิ่งดีๆ (start of better things)

โรงพยาบาล St. Joseph ได้รับวัคซีนชุดแรก 925 โด๊ส อาทิตย์หน้าจะได้รับวัคซีนของ Moderna มาเพิ่มเติม หมออื่นให้แจ้งความจำนงทางอีเมลเพื่อนัดคิวฉีด

คนข้างกายเป็นหมอเด็กอ่อนที่โรงพยาบาลนี้ คงได้คิวฉีดวัคซีนอาทิตย์หน้า

โรงพยาบาล Reading ที่อยู่ใกล้กันก็ได้รับการจัดสรรวัคซีน 975 โด๊สเช่นกัน

สถานการณ์ไวรัสในเรดดิ้งค่อนข้างเลวร้าย โรงพยาบาล St. Joseph ยุบแผนกเด็กป่วยเพื่อเอาเตียงมารองรับคนติดเชื้อ เพราะ ICU 30 เตียงเต็มหมด และอีกประการหนึ่ง เด็กอเมริกันพออายุ 1 ขวบก็ฉีดสารพัดวัคซีน โอกาสเจ็บป่วยจึงน้อยมาก

ไวรัสไม่ได้คร่าชีวิตเฉพาะคนแก่ มีคนติดเชื้ออายุ 20 กว่าปีเสียชีวิตที่โรงพยาบาลนี้ด้วย

อาทิตย์ที่แล้วผมไปหาหมอ Dr. Nguyen หมออเมริกันเชื้อสายเวียดนามที่เป็น Family Doctor ประจำตัว ตามการนัดตรวจสุขภาพปกติ เธอบอกว่า ถ้าเห็นข่าวการฉีดวัคซีนมาถึงคิวผู้สูงวัย ให้รีบมาหา จะฉีดวัคซีนให้ทันที

 

ทั้งหมดที่เล่ามานี้คือผลงานจากปฏิบัติการ Operation Warp Speed ที่ทรัมป์สั่งให้ดำเนินงานค้นคว้าวัคซีนด้วยงบประมาณ 3,000 ล้านเหรียญ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 (ผมเคยเขียนบทความเล่าเรื่อง Operation Warp Speed ในมติชนสุดสัปดาห์แล้ว)

Pfizer ได้รับเงินอุดหนุนการวิจัย 3.9 พันล้านเหรียญในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

วัคซีนสำเร็จออกมาฉีดให้คนอเมริกันได้ก่อนสิ้นปี ตามที่ทรัมป์ตั้งเป้าไว้

ที่คือผลงานสุดยอดผู้นำในวันที่การต่อสู้กับไวรัสยังเต็มไปด้วยความมืดมน

Dr. Marc Siegel ผู้เขียนหนังสือ COVID – The Politics of Fear and the Power of Science อันโด่งดังพูดออกทีวี ว่า

ทรัมป์คือผู้นำที่กล้าตัดสินใจสั่งการ Operation Warp Speed นำทุกหน่วยมาปฏิบัติการร่วมกัน ทั้ง Federal รัฐบาลกลาง, กองทัพสหรัฐ, ร้าน CVS ร้าน Walgreens (ร้านยา), เภสัชกรระดับแนวหน้า และเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้ามาร่วมมือผลักดันวัคซีนจนสำเร็จถึงแขนคนอเมริกัน

หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับจะถามว่า When is it gonna be there? เมื่อไหร่วัคซีนจะถึงแขนคนอเมริกัน?

หนังสือพิมพ์ Bloomberg Business Week เคยขึ้นภาพหน้าปกเป็นรูปหัวไหล่คน มีจุดวงรอบรอยเข็มฉีดยา พร้อมคำถาม When is it gonna be there?

ทรัมป์ให้คำตอบได้ในที่สุด

วัคซีนออกมาในวันที่อเมริกามีผู้ติดเชื้อต่อวันสูงสุด, คนเข้าโรงพยาบาลต่อวันสูงสุด, เตียงใน ICU เต็ม 100%, คนตายต่อวันสูงสุด

กว่าวัคซีนจะคุ้มครองได้คืออีก 5 อาทิตย์ข้างหน้า สถิติต่างๆ คงขึ้นสูงกว่าวันนี้

แต่หวังว่าในที่สุดวัคซีนจะให้ความคุ้มครองได้

ขอต้อนรับวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกแห่งอเมริกา