สำคัญไฉน “บิ๊กตู่” ควักกระเป๋าส่วนตัว เปลี่ยนอ่างบัวทำเนียบ

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ควักเงินออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการปรับเปลี่ยนอ่างบัวสีใหม่ทั้งหมดกว่า 20 อ่าง จากเดิมที่เป็นอ่างดินสีดำ-เทา ประมาณ 15 อ่าง

โดยเปลี่ยนใหม่เป็นเซรามิกสีเขียว-ฟ้าสดใส จากจังหวัดราชบุรี ป้องกันการรั่วซึม ไม่ให้เกิดเค้าลางที่ตีความกันไปแบบที่ผ่านมา

แถมด้วยการปลูกบัวสีใหม่ที่เน้นสีม่วงและสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีประจำวันเกิดเสริมสิริมงคล

การเปลี่ยนอ่างบัวครั้งนี้ เป็นแนวคิดของ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ปรับเปลี่ยนสีของอ่างบัวเพื่อให้สอดรับกับสีของสนามหญ้าบริเวณตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้เกิดความกลมกลืน

โดยได้ประสานไปยัง “สวนนงนุช” ให้มาจัดการ จนเมื่อ “บิ๊กตู่” ได้เห็นก็ถึงกับเอ่ยปากชมว่า “สวยดี แฮปปี้ และพอใจ”

“บัว” เป็นพืชมงคลที่นิยมปลูกกันในบ้านตามความเชื่อว่าจะนำมาซึ่งสิ่งดีๆ และ “บัว” คือพืชอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับการขนานนามให้เป็นราชินีแห่งไม้น้ำ เป็นสัญลักษณ์ของคุณงามความดี เป็นไม้มงคล และที่สำคัญการปลูกบัวทางทิศตะวันตกจะเจริญงอกงามมากกว่าการปลูกบัวทางทิศอื่นๆ

ตามความหมายของสีในทาง “ฮวงจุ้ย” สีเขียวเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไม้ ซึ่งมีความหมายเกี่ยวเนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เจริญงอกงาม นำความรุ่งเรืองสดใสมาสู่กระแสชี่ที่ไหลเวียนอยู่โดยรอบ

ในทางจิตวิทยา สีเขียวเป็นสีของธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ เมื่อมองดูจะให้ความรู้สึกสดชื่นของธรรมชาติ ดูเหมือนว่าสีเขียวจะแทนธรรมชาติที่ดีๆ

นอกจากนี้ สีเขียวยังช่วยบำบัดความเคร่งเครียดด้วย

ขณะที่อ่างเดิมที่มี “สีเทา” แสดงถึงความไม่ชัดเจน หม่นหมอง หดหู่สิ้นหวัง เดียวดาย มีอุปสรรคและปัญหา แต่ในแง่ดีของสีเทาคือความสงบและความสมดุล

ส่วนตัวเลข 20 นั้น ก็ไม่รู้ว่าเลือกตามระยะเวลาแผนยุทธศาสตร์ชาติ หรือความหมายของเลข 20 ที่แสดงถึงจินตนาการกว้างไกล ชอบการปฏิรูปเปลี่ยนแปลง ไม่ชอบหยุดนิ่งอยู่กับที่ มีความทะเยอทะยาน เป็นคนมีความกระตือรือร้นอย่างรุนแรง ชอบวิธีการใหม่ โดยไม่ชอบย่ำเท้าอยู่กับที่ กล้าเสี่ยง กล้าลอง

เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะต้องสำเร็จ

หากย้อนกลับไปในอดีตคงไม่แปลกที่รัฐบาลจะปรับแต่งสภาพโดยรอบทำเนียบรัฐบาล เพราะถือเป็นที่ทำงาน และที่ผ่านมาหลายรัฐบาลมีการปรับภูมิทัศน์ในทำเนียบรัฐบาลเพื่อเสริมสิริมงคล ทั้งการลงต้นไม้ใหม่ การปรับย้ายศาลพระภูมิซึ่งถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล การเปลี่ยนรั้วทำเนียบรัฐบาล การหันทิศทางกระบอกปืนใหญ่ หรือแม้กระทั่งการนำของขลังมาเสริมบารมี

ส่วนรัฐบาล “บิ๊กตู่” นั้นก็ปรับภูมิทัศน์ไปหลายครั้งเช่นกัน

ทั้งก่อนการเข้ามาทำงานที่ใช้งบประมาณไปกว่า 300 ล้านบาท สร้างอาคารรับรองหลังใหม่ ต่อเติมตึกบัญชาการที่ขณะนี้มีการปรับใหม่อีกรอบ และยังไม่มีท่าทีว่าจะเสร็จเมื่อใด

และล่าสุดการนำอ่างบัวมาประดับ ซึ่งอ่างบัวเดิมนั้นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้นำมาไว้โดยรอบตึกไทยคู่ฟ้าตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็ไม่รู้ว่าช่วยเสริมรัฐบาล “บิ๊กตู่” หรือไม่

เพราะไม่ทันข้ามวัน อ่างก็รั่ว จนต้องเปลี่ยนใหม่ แถมหลายเดือนที่ผ่านมา ผลโพลหลายสำนักยังระบุว่า สถานการณ์ของรัฐบาลนี้น่าเป็นห่วง และอยากให้รัฐบาลฟังเสียงประชาชนให้มากกว่านี้

ถึงแม้ผู้ที่เกี่ยวข้องจะออกมาบอกว่าการเปลี่ยนอ่างบัวทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้เป็นไปเพื่อความสวยงาม น่ามอง เหมาะสมกับภูมิทัศน์ รวมทั้งเสริมความเป็นสิริมงคลแก่รัฐบาลและประเทศชาติ

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า การปรับเปลี่ยนอ่างบัวเพื่อเสริมสิริมงคลครั้งนี้ ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุกิ่งต้นงิ้วขนาดใหญ่ อายุกว่า 100 ปี ที่ปลูกไว้ในรัฐสภาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โค่นล้มลงมาทับรถยนต์ ศาลาที่พัก และพาดสายไฟจนทำให้ไฟฟ้าในรัฐสภาบางส่วนดับหรือไม่

เพราะเมื่อเกิดเหตุ โหรก็พากันทำนายว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นลางร้าย รวมถึง นายบุญเลิศ ไพรินทร์ อดีต ส.ว. ที่บอกว่า วันเกิดเหตุ (4 พฤษภาคม 2560) ก็เป็นวันที่ดาวมฤตยูโคจรมาทับดวงเมืองและดวงโลก

หมายความว่า อาจจะเกิดการสู้รบราฆ่าฟัน การปฏิวัติซ้อนก็เป็นไปได้

หรือเทวดาที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ อาจจะไม่พอใจในบางเรื่องหรืออาจจะส่งสัญญาณเตือนอะไรบางอย่าง

ฉะนั้น ทุกฝ่ายจะทำอะไรก็ต้องมีความระมัดระวังให้มากขึ้น

จึงอยากเตือนให้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ระมัดระวัง เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา การบริหารงานของรัฐบาลก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าที่ควร

นอกจากจะติดปัญหาและอุปสรรคโดยเฉพาะการบริหารงานแล้ว ยังเกิดกระแสต่อต้านหลายเรื่อง ทั้งร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน

และที่โจษจันในโซเชียลมีเดียคือมติ ครม. ผ่านความเห็นชอบจัดซื้อเรือดำน้ำหยวนคลาส เอส 26 ที (Yuan Class S26T) จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ตัวแทนกองทัพเรือได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เรื่องเศรษฐกิจประเทศกำลังฝืดเคือง ประชาชนประสบปัญหาปากท้อง แต่รัฐบาลกลับทุ่มงบฯ 36,000 ล้านบาทซื้อเรือดำน้ำ

ด้วยเหตุผลที่ว่า “มีไว้ให้คนเกรงใจ”

ถึงส่วนตัว พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่เชื่อคำทำนายจากโหร โดยบอกว่า “ทำไมถึงคิดให้มันดีไม่ได้ อะไรก็ร้ายตลอด คิดให้ดีสิ เพราะการคิดของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ตั้งใจปรารถนาที่จะให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า คิดบริหารประเทศให้ได้ ทำให้คนไทยทุกคนมีความสุขให้ได้”

ก็อดคิดไม่ได้ว่า ที่ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับใจป้ำควักกระเป๋าจ่ายค่าอ่างบัวเซรามิกเองจะมีประสงค์เพื่อความสวยงามและความสบายใจอย่างเดียว แต่เชื่อได้ว่าการเปลี่ยนอ่างรอบนี้เสริมสิริมงคล เพื่อเพิ่มความมั่นใจต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลว่าจะไม่รั่วไม่ซึมแบบคราวที่แล้วอย่างแน่นอน

เพราะ “บิ๊กตู่” เองก็เคยบอกไว้เมื่อต้นปีว่า “บัวถือเป็นพืชสกุลสูง นำไปไหว้พระ ถือว่าเป็นมงคล เป็นคติเตือนใจว่าทุกคนต้องพัฒนาตัวเอง อย่าทำตัวเหมือนบัวใต้น้ำ เพราะจะเป็นอาหารของเต่าปูปลา และอย่าพูดว่ารัฐบาลนี้เอาแต่ของดีๆ มาฉาบฉวยเหมือนบัวพ้นน้ำ แต่เรื่องไม่ดีกลับหมกโคลนตม ก็ผมกำลังขุดโคลนตมขึ้นมา” นอกจากนี้ ยังย้ำด้วยว่า ปี 2560 เป็นปีแห่งการเปิดเผยข้อเท็จจริง “คนไม่ดีที่จะต้องถูกอะไรก็แล้วแต่…เพราะฉะนั้น ให้ทำตัวเป็นคนดี มีคุณธรรม อยู่ในศีลธรรมอันดี ทำงานเพื่อประเทศชาติ ช่วยกันไม่โกงกิน ไม่ทุจริต”

สุดท้ายแล้วบัวจะช่วยเสริมรัฐบาล “บิ๊กตู่” หรือไม่ ก็ต้องรอดูต่อไป หรือว่าจะต้องเปลี่ยนอ่างอีกรอบ?