ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ / Next step : หมอเลี้ยบ ปฏิวัติตำนาน 30 บาท….อีกครั้ง 

เขาไม่อยากให้ใครเรียกตัวเขาว่า “นักสร้างตำนาน”

ทั้งที่เขาควรจะเป็น “ตำนาน”

เพราะเขาเป็น 1 ในเบื้องหลังคนสำคัญ ในตำนานโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค

“อย่าไปคิดว่าเราเป็นนักสร้างตำนาน เพราะจะต้องกังวลและทุกข์ว่าคนยังจำเราได้ไหม คนจะบันทึกประวัติเราหรือเปล่า ไม่มีใครสนใจหรอก”

นี่คือความในใจของ “นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” หรือ “หมอเลี้ยบ” อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ในรัฐบาลยุคไทยรักไทยรุ่งเรือง

และเป็น รมว.คลัง ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช พ่วงตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชาชน

นั่นคือเส้นทางสุดท้ายบนถนนการเมืองของหมอเลี้ยบ เพราะทันทีที่พรรคพลังประชาชนถูกยุบในปลายปี 2551 เขาก็ตัดสินใจ “หลบหลังฉากการเมือง” 

 

“หมอเลี๊ยบ” บอกต่อว่า “ตอนนี้ชาวบ้านรู้สึกว่ามีโครงการ 30 บาทแล้ว ก่อนยุค 30 บาท โรงพยาบาลเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ ผ่านมาแค่ 18 ปี เอง ยังนึกไม่ออกว่า เมื่อเข้าโรงพยาบาลต้องขายวัว ขายควายมาเพื่อรักษาเป็นอย่างไร”

“แต่ตอนนี้ไม่มีบรรยากาศอย่างนั้นแล้ว เพราะคนเขารู้สึกว่าฉันต้องได้สิทธินี้ ดังนั้น อย่าไปสนใจ 100 ปี อาจยังมีคนนึกถึงชื่อได้บ้าง แต่พันปีไม่มีใครสนใจคุณแล้ว”

“ดังนั้น ไม่ได้คิดว่าจะเป็นนักสร้างตำนาน แต่ทำเพราะอยากทำ มันเป็นเรื่องที่ต้องควรจะทำไม่ใช่เหรอ” เขาถามกลับ

“คนที่ชอบพูดเรื่องโครงการในแง่ลบ เพราะคุณไม่เคยเจ็บป่วย ที่พูดมีหลักประกันหมดทุกคน ดูหน้า เป็นพวกข้าราชการบ้าง คุณไม่ห่วงตัวคุณ แต่ดูสิคนอื่นเขาลำบากแค่ไหน”

“ก่อนยุค 30 บาท คนไข้ฉุกเฉินเข้าไปไม่ทำอะไร ต้องถามก่อนว่ามีเงินหรือเปล่า ซึ่งต้องเข้าใจ หรือในโรงพยาบาลรัฐ ผู้อำนวยการถามว่าไม่มีเงิน คุณรับรักษาได้อย่างไร มันไม่มีงบประมาณ แต่หลังจากโครงการ 30 บาท ที่จะมาตั้งเงื่อนไข ฉุกเฉินอย่างไรก็ต้องรับ ทุกคนต้องมีสิทธิติดตัวแน่นอน ไม่ใช่สิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม ก็ต้องมีสิทธิ 30 บาท” 

 

แม้ว่า “นพ.สุรพงษ์” ตัดสินใจอยู่นอกสนามการเมืองถาวร แต่ไม่ใช่ไม่รับรู้-ไม่สนใจการเมือง เมื่อถูก “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ชักชวนเข้ามาปฏิรูป-ปฏิวัติโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคอีกครั้ง เขาจึงรับคำ

“คุณอนุทินให้คนประสานมาแรกๆ ถามด้วยความเกรงใจว่าคุณหมอสะดวกไหมที่จะมาช่วย ผมก็ถามว่าให้ช่วยอะไร ก็ตอบว่าช่วยเรื่อง 30 บาท ผมออกตัวก่อนเลยว่าไม่เอาเป็นที่ปรึกษา แต่ไปคุยกันก่อนก็ได้ไอเดียผมเป็นอย่างไร ที่ปรึกษาไม่เป็น ทีมงานไม่เอา บอกชัดเจนว่าไม่เอาอะไรทั้งสิ้น ค่าตอบแทน ค่าเดินทาง ไม่รับ แต่ตั้งใจว่าให้เรื่องนี้แก้ไขให้ถูกทางเสียที ก็ถามไปว่าเอาจริงหรือเปล่า ถ้าเอาจริงก็ยินดีมาร่วมประชุม แต่ถ้าไม่เอาจริงก็ไม่เป็นไร”

“ผมมองด้วยความเป็นห่วงที่ขอบสนามมาตลอดเวลา เห็นคนที่อยู่ในสนามเล่นแล้วก็กังวลว่าโครงการ 30 บาทจะไปได้ไม่ดีนักต้องก้าวกระโดดในหลายๆ เรื่อง เพราะไม่มีใครมาขอความเห็นก็ไม่มีหน้าที่ที่จะให้ความเห็นใคร”

“เพราะผมจำกัดบทบาทตัวเองมาตลอดเพื่อไม่ให้คนเข้าใจว่าผมหวนคืนการเมืองอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อคุณอยู่ขอบสนาม เมื่อเขาไม่ถามก็ไม่ต้องไปตอบ ไม่ต้องเล่าให้ฟัง ถ้าครั้งนี้คุณอนุทินไม่ถาม ผมก็ไม่เข้าไปยุ่ง”

ดังนั้น เมื่อ “อนุทิน” อยากถามความเห็น-หมอเลี๊ยบจึง “รับปาก” 

 

“ที่เห็นชัดคือ คุณอนุทินรับฟังและให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเข้ามาถกกันและนำเสนอสิ่งที่จะทำได้เร็ว เช่น ระบบร้านยาชุมชนอบอุ่นสามารถเริ่มโครงการได้ภายใน 2 เดือน”

“ขณะเดียวกันคนกรุงเทพฯ น่าสงสารมากไม่มี โรงพยาบาลปฐมภูมิ โรงพยาบาลทุติยภูมิ ท้องเสียหนักๆ ต้องไปนอนโรงพยาบาลสักคืนจะไปนอนที่ไหน คือบริหารสาธารณสุขของ กทม.แย่มาก ผู้ว่า กทม.ควรจะทำเรื่องโรงพยาบาลระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ เพราะมีศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. 60 กว่าแห่ง ทำไมไม่ให้มีเตียงสัก 30 เตียง เพราะมีงบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท หรือ รับเงินจาก สปสช.ก็ได้ ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร ให้คนที่อยู่ชายขอบสามารถเข้าไปใช้บริการได้ รวมถึงการปฏิรูปห้องฉุกเฉิน 10 กว่าแห่ง จะเกิดขึ้นภายใน 1 ธันวาคม”

….เป็นโครงการต่อไปที่ “หมอเลี้ยบ” จะช่วยผลักดัน 

 

แม้ “หมอเลี้ยบ” ไม่อยากเป็น “นักสร้างตำนาน” แต่เขายอมรับว่า “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” ที่ทุกพรรคอยากได้ครอบครอง

“ใช่… ทุกคนอยากมีตำนานอย่างนี้ พรรคการเมืองทุกพรรคต้องการ จำเป็นตำนานไปตลอด ไม่ได้หมายความว่าสมบูรณ์แบบชนิดไม่ต้องต่อยอด แต่มันเป็นจุดเริ่มต้น เมื่อเกิดจุดเริ่มต้น การที่พรรคการเมืองหนึ่งสร้างนโยบายขึ้นมาแล้วเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงชีวิตคน แน่นอนต้องได้รับการยอมรับ”

แต่ใช่ว่า พรรคไทยรักไทย จนถึง เพื่อไทย จะผูกความเป็น “เจ้าของ” โครงการระดับตำนานนี้ “นพ.สุรพงษ์” ชี้ช่องให้พรรคการเมืองอื่นสามารถ “สานต่อ” โครงการได้

“ไม่ได้หมายความว่าพรรคการเมืองอื่น ที่มาเป็นรัฐบาลในยุคต่อมาจะทำอะไรกับมันไม่ได้ ก็สามารถมาต่อยอดและบอกว่า นี่ไง..ในยุคของเราสิ่งที่ได้เริ่มต้นแล้ว อาจจะยังไม่สมบูรณ์ เราได้ทำให้สมบูรณ์ขึ้น”

“พรรคใหม่ๆ อาจเป็น chapter ใหม่ของตำนานนี้ แล้วพ่วงตำนานนี้ไปได้ เขาสามารถบอกได้เต็มปากว่าในยุคของเราทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าทันสมัยมาก แก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดความขลุกขลัก แออัด การใช้งบประมาณไม่มีประสิทธิภาพขึ้นมาให้เห็นชัดเจนก็สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำ”

เพียงแต่…ตอนนี้ “หมอเลี๊ยบ” เห็นว่าปัญหาของการสร้างตำนานบทใหม่ ไม่ว่าปฏิรูประบบสาธารณสุข-ปฏิรูปการศึกษา-ปฏิรูระบบเศรษฐกิจ ยังไม่มีคนที่มี “Strong view” คนที่ “ทุบโต๊ะได้”

“ต้องมี strong view ต้องมีเจตจำนงค์ทางการเมืองที่เอาจริงเอาจังเรื่องนี้ ซึ่งถ้าหากพรรคการเมืองมีเจตจำนงอย่างนี้แล้วอธิบายภาพให้ชัด ผมว่าคนที่อาจไม่เข้าใจ หรือขัดขวางช่วงแรก ต่อไปอาจเปลี่ยนใจก็ได้”

หมอเลี้ยบ แนะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หากจะสร้างตำนาน

“ถ้าหากท่านนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์) อยากสร้างตำนานแล้วเรียนรู้สิ่งที่ท่านไปพูดโครงการ 30 บาทที่สหประชาชาติ ก็ต้องประกาศแล้วลงมาทำเรื่องนี้เต็มตัวได้”