ความสัมพันธ์ระหว่างบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กับพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กำลังถูกจับตามองอีกครั้ง

หลังจากที่ การเช่าเหมาลำเครื่องการบินไทย ไปประชุม รมว.กลาโหม อาเซียน-สหรัฐอเมริกา ที่ฮาวาย ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทั้งงบประมาณ 20.9 ล้านที่สูงเกินไป โดยเฉพาะค่าอาหาร และผู้ร่วมคณะที่มากถึง 38 คน

แม้จะชี้แจงเหตุผลความจำเป็นได้หมด แต่ด้วยเพราะ พล.อ.ประวิตร เป็นเป้าหมายทางการเมือง เรื่องเลยลามปามไปถึงการจับจ้องไปที่ ผู้ประกาศข่าวสาว ททบ.5 ที่วงในรู้กันดีว่ามีความใกล้ชิดสนิทสนม พล.อ.ประวิตร อย่างมาก และยาวนาน

แต่ก็สั่นสะเทือนถึง พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเพิ่งเกิดเรื่อง “ฝายแม่ผ่องพรรณ” และบริษัทของหลานชาย ที่ทำให้ประโยคที่ว่า “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” หรือ “ฉันเลวแกก็เลวเหมือนกัน” เกิดขึ้น

จนทำให้บรรดาผู้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หันมาตำหนิทั้งครอบครัวของบิ๊กติ๊ก พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกลาโหม น้องชายนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร

ถึงขั้นเชียร์ให้นายกฯ กล้าที่จะจัดการกับคนรอบข้าง และพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประวิตร เช่นการปรับให้ออกจาก ครม. หรือให้เป็นแค่ รองนายกฯ ตำแหน่งเดียว เปลี่ยนตัว รมว.กลาโหม

แม้ว่าผลการตรวจสอบของ สตง. และคำชี้แจงต่างๆ จะไม่พบว่ามีความผิด หรือราคาสูงเกินจริงก็ตาม อีกทั้งต้นสังกัดของผู้ประกาศข่าวหญิง ก็ชี้แจงว่าส่งชื่อเธอให้ร่วมคณะไปทำรายการด้วย แต่ยกเลิกการเดินทาง เพราะติดจัดรายการสดตอนเช้า

แรงเชียร์ให้ พล.อ.ประยุทธ์ คุมกำเนิดอำนาจและบารมีของพี่ใหญ่ ก็มีมากขึ้นๆ

แต่ก็ต้องยอมรับว่า ข่าว “ฮาวาย” ของบิ๊กป้อม ทำให้ข่าวของบิ๊กติ๊ก พล.อ.ปรีชา น้องชายนายกฯ และนางผ่องพรรณ และลูกชายที่ตั้งบริษัทในค่ายทหารและรับงานของกองทัพ เงียบหายไปทันใด

จนทำให้คนใกล้ชิด หรือแม้แต่ พล.อ.ประวิตร อดเคลือบแคลงใจไม่ได้ ถึงที่มาที่ไปของข่าวนี้ เพราะแม้จะมีประกาศราคาประเมินในเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แต่ทำไมก่อนหน้านี้ การเช่าเหมาลำของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่ปรากฏเป็นข่าว

แต่กลับมาหลุดตอนทริปไปฮาวาย ของ พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่

จนทำให้ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า “คงมีคนต้องการจะเล่นงานผม”

เพราะแม้จะเป็นหลักการที่ต้องประกาศในเว็บไซต์ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครรับทราบเรื่องเหล่านี้ จนตั้งข้อสังเกตกันว่า อาจมี “คนใน” สะกิดให้เข้าในเว็บไซต์นี้ จนทำให้มีการนำเอาเอกสารออกมาเผยแพร่ในโลกโซเซียลฯ

แม้จะปลุกกระแสเรื่องนี้โดยเพจต่อต้าน คสช. แต่ก็นำมาจากโลกโซเชี่ยลฯ และจากข่าวออนไลน์ ที่อ้างโลกโซเซี่ยลฯ อีกต่อหนึ่ง

นี่จึงทำให้ ฝ่ายสนามไชย 1 ออกจะสงสัยถึงที่มาที่ไปของข่าวเหมาลำไปฮาวาย แถมมีการปล่อยรายชื่อผู้โดยสารออกมา และพุ่งเป้าไปที่ผู้ประกาศข่าวสาวช่องทหาร

จนทำให้ พล.อ.ประวิตร ขู่ที่จะฟ้องร้องให้หมด พวกที่โพสต์บิดเบือน เรื่องไม่จริง ทำให้เกิดความเสียหาย เพราะรู้ดีว่าเขากำลังถูกเล่นงานในเรื่องส่วนตัว

จนนำมาซึ่งวาทะอันลื่อลั่นของ พล.อ.ประวิตร ที่ว่า “ก็ผมเป็นโสด ผมจะไปยุ่งกับใครก็ได้ ดีนะที่ผมไม่ไปยุ่งกับผู้ชาย”

เพื่อเป็นการตอกย้ำว่า ถึงสถานภาพโสดสนิทของตนเองที่ไม่เคยแต่งงาน

 

บิ๊กป้อม เคยเล่าว่า ด้วยความที่เป็นพี่ชายคนโต ที่ต้องช่วยคุณแม่ดูแลน้องๆ หลายคน จึงไม่อยากที่จะแต่งงาน

ประกอบกับการไปรับราชการทหารที่ชายแดนตะวันออก ก็จะทุ่มเททำงาน ไม่สนใจเรื่องการหาคู่ จึงทำให้ครองความเป็นโสด

รวมทั้ง เป็นที่รู้กันว่ามารดาของ พล.อ.ประวิตร ที่ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ วัย 96 ปี นั้น เป็นคนที่เข้มงวดอย่างมาก ว่ากันว่าไม่เคยมีสาวคนใดผ่านเอาชนะใจคุณแม่ได้เลย บิ๊กป้อมซึ่งเป็นคนที่รักแม่มากก็ไม่อยากขัดใจแม่

ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร เคยมีข่าวการคบหาดูใจกับไฮโซสาว หรือสาวใหญ่ที่เป็นข้าราชการอยู่บ้าง แต่ที่สุดก็ไม่ได้ลงเอยกันด้วยเหตุผลทั้งปวง

แต่ทุกวันนี้คนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร รู้กันดีว่าบิ๊กป้อมมีคนรู้ใจอยู่แล้ว แต่ด้วยวัย 72 ปี ก็อาจไม่เหมาะที่จะแต่งงาน

จนนำมาซึ่งข่าวลือมากมาย…

อย่าลืมว่า ในการแต่งตั้งโยกย้ายทหารครั้งล่าสุดนั้น ก็เป็นการเริ่มต้นของการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาคุมกำเนิดอำนาจ และทอนบารมีของ พล.อ.ประวิตร ลง

จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจในการเลือกบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท จากสายรบพิเศษ ลูกป๋า เป็น ผบ.ทบ. ด้วยตนเอง ทั้งๆ ที่รู้ว่า พล.อ.ประวิตร สนับสนุนบิ๊กแกละ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร น้องรักในสายบูรพาพยัคฆ์

รวมทั้งการเลือกบิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ให้เป็นแม่ทัพภาค 1 คุมกำลังสำคัญ ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประวิตร ประกาศตัวชัดเจนมาตลอดที่จะให้บิ๊กตู่ พลโทกู้เกียรติ ศรีนาคา น้องรักในสายบูรพาพยัคฆ์ เป็นแม่ทัพภาค 1

แม้แต่การเลือก ผบ.ทอ.คนใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็สนับสนุนให้บิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ให้ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. นั่ง 2 ปีเลย หลังจากที่ พล.อ.ประวิตร ต่อรองให้บิ๊กโป่ง พล.อ.อ.ศิวเกียรติ ชเยมะ รองปลัดกลาโหม ให้ข้ามกลับมาเป็น ผบ.ทอ. ก่อน 1 ปี

แต่ที่สุด พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. ในเวลานั้น ก็ต้องขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยเจรจากับ พล.อ.ประวิตร จนที่สุด พล.อ.อ.จอม ก็ได้เป็น ผบ.ทอ. เลย

เหล่านี้ถูกมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจจาก พล.อ.ประวิตร ในการเลือก ผบ.ทบ. และแม่ทัพนายกองสำคัญๆ แล้ว

จนทำให้ พล.อ.ประวิตร น้อยใจบ้าง แต่ก็ไม่อาจแสดงออกใดๆ ได้ นอกจากการก้มหน้าทำงานต่อไป

แต่บางครั้ง พล.อ.ประวิตร ก็อดที่จะตัดพ้อไม่ได้

“ไม่ต้องมาเครียดเรื่องผม เพราะผมกับนายกฯ ตัวใครตัวมันอยู่แล้ว” บิ๊กป้อมกล่าวเมื่อถูกถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดูเครียด อารมณ์เสีย เพราะประเด็นฮาวาย

รวมถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งบิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม รุ่นน้องทหารเสือราชินี เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล 13 คน ในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ หรือที่เรียกว่า ครม. ส่วนหน้า ที่ไปทำงานร่วมกับ คปต. ส่วนหน้านั้น ก็ถูกมองว่าเป็นการลดความสำคัญของ พล.อ.ประวิตร ลง

เพราะจากนี้ มีอะไร พล.อ.อุดมเดช ก็จะรายงานตรงยัง พล.อ.ประยุทธ์ ได้เลย โดยไม่ต้องผ่าน พล.อ.ประวิตร แต่ตามมารยาทก็อาจต้องรายงาน พล.อ.ประวิตร ให้ทราบด้วย แต่ทว่าการตัดสินใจท้ายสุดอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์

เพราะเดิม พล.อ.ประวิตร จะตั้งแต่ “คปต.ส่วนหน้า” แต่ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ ส่ง พล.อ.อุดมเดช และบิ๊กน้อย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษา ไปเป็นตัวแทนรัฐบาล ไปคุมอีกที

ไม่แค่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะคืบคลานเข้ามาคุมการจัดทัพด้วยตนเองมากขึ้น จากนี้

ที่เห็นได้ชัด คือ พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมวางตัวทายาทที่จะขึ้นมาดูแลกองทัพระยะยาวไว้แล้ว

ตั้งแต่ โผโยกย้ายทหารระดับนายพล เมื่อ 9 กันยายน 2559 ที่ดันบิ๊กติ่ง พลตรีสันติพงศ์ ธรรมปิยะ จาก ผบ.พล.ร.2 รอ. ขึ้นมาเป็น รองแม่ทัพภาค 1 เคียงข้างบิ๊กหนุ่ย พลตรีธรรมนูญ วิถี ที่ขยับขึ้นจาก ผบ.พล.ร.9 ขึ้นมาเป็น รองแม่ทัพภาค 1 เพราะไม่เช่นนั้น พลตรีธรรมนูญ จะได้เปรียบในเรื่องอาวุโส

เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อน ตท.22 ด้วยกัน แต่ทว่าควบแข่งกันมา โดยที่ พลตรีสันติพงศ์ ได้เปรียบกว่าตรงที่มีอายุราชการถึงปี 2565 ส่วน พลตรีธรรมนูญ แค่ปี 2564

แม้ทั้ง พลตรีสันติพงศ์ และ พลตรีธรรมนูญ จะเป็นน้องรักในสายบูรพาพยัคฆ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ทว่า พลตรีสันติพงศ์ ก็ได้เปรียบ เพราะยังเป็นทหารเสือราชินี ที่ทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ ใน ร.21รอ. มาตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ

เพราะเชื่อกันว่า ในโยกย้ายปลายปีหน้า บิ๊กแดง พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค 1 น้องรักสายวงศ์เทวัญของนายกฯ จะขยับขึ้นเป็น 5 เสือ ทบ. เพื่อจ่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในอนาคต ในฐานะแกนนำ ตท.20 ที่มีอายุราชการถึงปี 2563

เมื่อนั้นบิ๊กตู่ พลโทกู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพน้อย 1 เพื่อน ตท.20 สายบูรพาพยัคฆ์ ก็จะขยับขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาค 1 แทน แม้ว่าจะก้าวช้ากว่า พลโทอภิรัชต์ ไปหนึ่งก้าวก็ตาม

ก็คาดกันว่า พลตรีสันติพงศ์ จะเบียด พลตรีธรรมนูญ ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาค 1 ด้วยแรงผลักดันของบิ๊กตู่

แต่ก็ใช่ว่า พลตรีธรรมนูญ จะหมดหวัง เพราะเชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็กำลังจับตาดูน้องรักทั้งสองคนนี้อยู่ เพราะพลตรีธรรมนูญ ก็เป็นครีมของรุ่น ที่บิ๊กตู่ก็รู้ฝีมือเป็นอย่างดี เพียงแต่สายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดตามประสาทหารเสือราชินี ของบิ๊กตู่ และบิ๊กติ่ง เข้มข้นกว่า

นั่นเป็นอีกเหตุผลที่ ในโผนายพลคราวที่แล้ว มีการดันผู้การต่อ พลตรีเจริญชัย หินเธาว์ จากรอง ผบ.พล.ร.2 รอ. ให้ขึ้นมาเป็นนายพล ในตำแหน่ง ผบ.พล.ร.2 รอ. มาคุมทหารเสือฯ และบูรพาพยัคฆ์

พลตรีเจริญชัย (ตท.23) เป็นอดีต ผบ.ร.21 รอ. เป็นทหารเสือราชินี น้องรักบิ๊กตู่อีกคนที่ถูกดันเข้าไลน์ จ่อขึ้นมาคุมอำนาจต่อเป็นทอดๆ

นั่นสะท้อนได้จากโผโยกย้ายแรก ที่บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ลงนาม ในฐานะ ผบ.ทบ. คือโผโยกย้ายระดับพันเอกพิเศษ หรือผู้บังคับการกรมทั้ง 307 นายนั้น นายทหารน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ขยับขึ้นมาจ่อ

โดยเฉพาะผู้การตั้ม พันเอกวรยุทธ แก้ววิบูลย์พันธุ์ ที่ได้ขยับจาก ผบ.ร.21 รอ. เข้าไลน์มาเป็น รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. เพื่อจ่อขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. ในอนาคต

พันเอกวรยุทธ แกนนำ ตท.24 ที่ถูกเรียกว่าเป็นลูกรักบิ๊กตู่เลยก็ว่าได้ เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เป็นนายทหารเสือฯ เด็กๆ จึงไม่แปลกที่เขาจะมา รปภ. พล.อ.ประยุทธ์ ให้ด้วยตนเอง ในงานใหญ่ๆ หรืองานที่ต้องออกนอกทำเนียบรัฐบาล ออกนอกสถานที่หรือต่างจังหวัด

เรียกได้ว่า ยืนประกบตัว พล.อ.ประยุทธ์ แบบไม่ห่าง เพราะหากเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้น พันเอกวรยุทธ ก็พร้อมปกป้องบิ๊กตู่ด้วยชีวิต

จึงเป็นที่รู้กันดีว่า ทั้ง 3 ต. “ติ่”-ต่อ-ตั้ม” นั้นเป็นน้องรัก ที่พี่ ต.ตู่ ไม่มีวันทิ้ง แถมจะยังผลักดันให้ถึงฝั่งฝันด้วย

โดยมีผู้การใหญ่ พันเอกอมฤต บุญสุยา (ตท.27) รอง ผบ.ร.21 รอ.น้องรักอีกคน ที่ก็คอยมาดูแลนายกฯ ด้วยตนเอง ก็ขยับขึ้นมาเป็น ผบ.ร.21 รอ.แทน

อาจมองได้ว่า พลเอกประยุทธ์ มองการณ์ไกลอย่างยิ่ง เพราะหากเขาต้องเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก หรือนายกฯ รับเชิญในช่วงการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง และเปลี่ยนผ่านประเทศ ด้วยแล้ว ผู้นำกองทัพก็จะต้องเป็นนายทหารน้องรักที่ไว้วางใจแบบสุดๆ

 

แม้ว่าในวันนี้ โรดแม็ปของ คสช. ที่จะเลือกตั้งปลายปี 2560 จะเดินไปตามนั้นได้หรือไม่ เพราะแม้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. จะนำร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขให้เป็นไปตามคำถามพ่วงประชามติ มามอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว เมื่อ 11 ตุลาคม 2559 ก็ตาม

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ขอตรวจทานก่อน เพราะยังมีเวลาอีก 30 วัน และยังต้องรอดูพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงประชวร และทางคณะแพทย์ถวายคำแนะนำให้ทรงงดพระราชกิจทั้งปวง อีกด้วย

แต่ในส่วนของ คสช. นั้น พล.อ.เฉลิมชัย ผบ.ทบ. ที่ควบทั้งเก้าอี้เลขาธิการ คสช. และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) ก็ยืนยันที่จะเคลียร์ทางให้นำไปสู่การเลือกตั้งให้ได้

เพราะเชื่อว่าจะมีความเคลื่อนไหว และการใช้ความรุนแรงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น โดย พล.อ.เฉลิมชัย ระบุว่า การข่าวและ “เซ้นส์” ทหาร บอกให้ระวัง เพราะอาวุธที่ถูกยึดไปตอนกระชับพื้นที่คนเสื้อแดงที่สี่แยกคอกวัวเมื่อเมษายน 2553 ราว 86 กระบอกนั้น ได้คืนมาแค่ 9 กระบอก

รวมทั้งต้องป้องกันไม่ให้กลุ่มใดมาก่อกวน จนไม่สามารถเดินตามโรดแม็ปได้

 

สอดรับกับบิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ.คนใหม่ ที่ก็ประกาศตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. เลยว่า จะดูแลสถานการณ์จากนี้ไปจนถึงช่วงเปลี่ยนผ่านให้เรียบร้อย เพื่อให้เกิดการเลือกตั้ง และจะต้องเป็นการเลือกตั้งที่ดีกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

ท่ามกลางการจับตามองถึงบทบาทของ พล.อ.อ.จอม ผบ.ทอ. ที่ดูขึงขังกว่ายุคที่ผ่านๆ มา

แม้จะเป็นนักบิน F5 แต่บุคลิกของ พล.อ.อ.จอม จะไม่ได้ออกแนวนักรบนักบู๊ แต่เป็นสายบุ๋น เพราะเส้นทางเดินส่วนใหญ่จะมาเป็นอาจารย์ เป็นนักวิชาการ และเคยเป็น ผบ.ร.ร.เสนาธิการทหารอากาศ มีลูกศิษย์เยอะ และต้องบรรยาย และสอนด้วยตนเอง

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะจบมาจาก ร.ร.นายร้อยรวมเหล่าของญี่ปุ่น และวิทยาลัยการทัพอากาศญี่ปุ่น ที่อาจซึมซับมุมมองจากซีกโลกตะวันออกมาเยอะ

นั่นจึงเป็นที่มาของ ฉายา “จอม ซุนวู” เพราะ พล.อ.อ.จอม มักมีปรัชญา คำคมต่างๆ มาสอนลูกน้องเสมอๆ

จึงไม่แปลกที่ เมื่อ พล.อ.อ.จอม ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. ก็จะมีปรัชญาอันแสนล้ำลึก ที่มักจะเอาท้องทะเล มหาสมุทรและท้องฟ้า มาให้ข้อคิดต่างๆ

“…มหาสมุทร ยิ่งใหญ่ เพราะต่ำ ลึก จึงมีน้ำมาก ท้องฟ้ายิ่งใหญ่เหลือเกิน เพราะไม่เคยเอาเปรียบใคร” วาทะ บิ๊กจอม

ที่เขาอธิบายว่า ทั้งมหาสมุทรและท้องฟ้า สอนคนเราได้ว่า การจะเป็นยอดคนได้ ต้องติดดิน และไม่โลภ ไม่เบียดเบียนใคร และถ้าไม่ติดดินก็ไม่มีวันดัง

“ถ้าผมเกิดในยุคนั้น เขาว่ากันว่า ซุนวู ก็จะไม่ได้เกิด” บิ๊กจอมกล่าวอย่างอารมณ์ดี

แต่ทว่า บิ๊กจอมก็เป็นแม่ทัพฟ้า ที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนร่วมเลือก เพื่อให้มาดูแลกองทัพ และดูแลสถานการณ์จากนี้ไปให้นิ่ง เคียงข้างกับบิ๊กเจี๊ยบ ผบ.ทบ. รบพิเศษผู้สุขุมนุ่มลึก แต่มีพลังเงียบ เฉียบขาด ที่เป็นเพื่อน ตท.16 ด้วยกัน

เพื่อที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ไม่ต้องพะวงหลัง และลบคำว่าปฏิวัติซ้อนทุกครั้งไป แบบที่ ผบ.ทบ.รบพิเศษ บอกไว้นั่นเอง