“เนาวรัตน์” ชี้ ต้องใช้กระแสออเจ้า ให้เกิดประโยชน์ เหมือนเกาหลี แนะ เปิดลานวัฒนธรรมทุกชุมชน

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปีพ.ศ. 2536 กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ถึงกระแสละครดังบุพเพสันนิวาสว่า

“คนไทยกำลังโหยหาอดีตแสวงหาความเป็นตัวเอง ซึ่งไม่เจอและไม่มี ได้แต่โหนห้อยต้อยตามหลี ยุ่น แหม่ม ที่เขาขายวัฒนธรรมผ่านละคร ผ่านหนัง ถึงขั้นเกาหลีตั้งเป็นอุตสาหกรรมศิลปวัฒนธรรม ขายวัฒนธรรมด้วยสื่อศิลปะ ดังนั้นพอของเรามีเข้ามาจึงโดดคว้ากันไว้ อย่างไรก็ตามบ้านเรามีเรื่องเล่ากันมาก แต่ขาดศิลปะในการเล่าเรื่อง อาทิ เป็นละคร หนัง หนังสือ การ์ตูน เพลง”

นายเนาวรัตน์ กล่าวว่า “ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่ยังขาดอยู่ในบ้านเรา คือเรื่องงานศิลปวัฒนธรรมที่จะมาเล่าเรื่องที่เรามีอยู่มากมายอย่างอุดมสมบูรณ์ เรามีความเป็นต้นฉบับของเรื่องศิลปวัฒนธรรมอย่างมั่งคั่ง แต่ไม่มั่นคงเพราะไม่ถูกทำให้ปรากฏอย่างมีศิลปะ เมื่อไม่มั่นคงจึงไม่ยั่งยืน”

“เราต้องพัฒนาโดยให้การดูแล เหมือนที่เกาหลีพอเขาคิดได้เขาก็ตั้งอุตสาหกรรมวัฒนธรรม ผลิตวัฒนธรรมออกมาให้ชาวโลกรู้ เมืองไทยโดดเด่นเรื่องงานวัฒนธรรมเป็นอันดับ 7 ของโลก แต่ไม่ได้ถูกทำให้ปรากฏ ความเป็นต้นฉบับถูกกดทับ ถูกเห็นเป็นเรื่องเชยๆ ซึ่งก็เพราะคนไม่รู้รากที่แท้จริง ดังนั้นในยุคอย่างนี้ต้องมีการเอาอดีตมารับใช้ปัจจุบัน ไม่ใช่เอาอดีตมาครอบปัจจุบัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราทุกคน ไม่เฉพาะกระทรวงวัฒนธรรมเท่านั้น เรื่องอย่างนี้เกินกว่าจะปล่อยให้อยู่ในมือกระทรวงวัฒนธรรม หรือ ภาคราชการเพียงลำพัง สื่อก็ต้องช่วย เมื่อกระแสจุดติดอย่างนี้แล้วถือว่าดีแล้ว อย่าปล่อยให้พลาดไป”

นายเนาวรัตน์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องโบราณสถานก็แน่นอนที่เราต้องวิตกถึงกระแสที่ทำให้เกิดการท่องเที่ยว เพราะอาจเป็นดาบสองคมที่สามารถทำได้ทั้งเก็บเกี่ยวและกอบโกย ทั้งนี้ตนเห็นว่าอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะทำให้เป็นเรื่องเป็นราวคือ การเปิดพื้นที่ทางวัฒนธรรม คือ ลานศิลปวัฒนธรรม เวทีวัฒนธรรม ให้มีในทุกเมือง ทุกชุมชน เพื่อให้ผู้คนได้มาดูอะไรๆที่รู้สึกว่าเป็นงานของบ้านของเมืองของแผ่นดิน ของลูกหลาน ที่ดีกว่าการเรียกร้องให้สามัคคี ปรองดองเสียอีก เช่น การให้ลูกหลานขึ้นมามีละเล่นกัน เป็นเรื่องดีทั้งนั้น บ้านเรายังขาดแล้วปล่อยให้คาราโอเกะกินเมือง