“พรรคอนาคตใหม่” เปิดตัวร่วมสนามการเมืองไทย กับความท้าทายที่ต้องเผชิญ

ในที่สุด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานบริหารไทยซัมมิท กรุ๊ป และนายปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถือเอาวันนี้ 15 มีนาคม ประกาศเปิดตัวพรรคการเมืองที่รวมตัวคนรุ่นใหม่และผู้มีประสบการณ์หลากหลายในชื่อของ “พรรคอนาคตใหม่” ซึ่งเป็นชื่อจะใช้จดทะเบียนพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ หลังจากที่นายธนาธรเสนอความคิดจะลงสนามการเมืองด้วยการตั้งพรรคแต่ยังไม่มีชื่อพรรค จนมีกระแสโซเชียลติดแฮชแท็ก  #ช่วยธนาธรตั้งชื่อพรรค กันจนเป็นแฮชแท็กอันดับต้นๆในทวิตเตอร์อย่างรวดเร็ว และเป็นพรรคที่สร้างสนใจให้ความสื่อมวลชนเกือบทุกสำนัก แม้แต่ในวันเปิดตัวก็คราคร่ำไปด้วยกองทัพสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ

นายธนาธรได้กล่าวหัวใจสำคัญของพรรคอนาคตใหม่นี้ว่า ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคนี้ ล้วนมาจากสามัญชนคนธรรมดา คิดว่าวันนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด นั้นคือสิ่งที่เราเชื่อว่า คนธรรมดาสามารถเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยได้ ไม่ใช่เรื่องของผู้มีอำนาจคนมีชื่อเสียง หรือมียศฐาบรรดาศักดิ์ แต่เป็นเรื่องสามัญของเราทุกคน คนธรรมดา ที่จะมีส่วนร่วมและจะสนุกสนานไปกับการเมืองไทย

“ผมคิดว่า เราเสียอะไรไปบ้าง เราเสียเวลาทางเศรษฐกิจไปอย่างมาก เพราะทั้งสังคมเอาพลัง เอาความศรัทธาของทุกคน เอาองค์กรอิสระไปเอาชนะทางการเมือง แล้วไม่มีใครมองเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ รัฐบาลคสช.นี้มา 4 ปี ถ้าพูดนัยนี้คือ เท่ากับเวลาของรัฐบาลพลเรือน 1 วาระ เราเห็นกับการเพิ่มขีดความสามารถใดๆบ้าง นโยบายผมยังไม่เห็น ต้นทุนความสงบสุขเยอะเกินไป ความสงบสุขในวันนี้เป็นความสงบสุขที่ฉาบฉวย และต้องจ่ายด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชน การหยุดพัฒนาเศรษฐกิจในรอบหลายปี มันแพงไป” นายธนาธรกล่าวกับสื่อ เมื่อถามถึงไทยเสียโอกาสอะไรไปจากความขัดแย้งตลอด 14 ปี

ด้านนายปิยบุตรกล่าวว่า หากเราย้อนวันนี้กลับไปปี 2548 เรามีความรู้สึกไหมว่าอะไรแตกต่างไปจากเดิมบ้างหรือเหมือนเดิมหมดเลย สุดท้ายผ่านมา 10 ปี ยังวนอยู่ที่เดิม

นายธนาธรและนายปิยบุตร ได้เปิดตัวพรรคพร้อมด้วยสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง 26 คน ที่ประกอบด้วยความหลากหลายวัยและสาขาอาชีพ โดยผู้ร่วมก่อตั้งที่อายุน้อยที่สุดคือ นายกฤตนัน ดิษฐบรรจง แกนนำกลุ่มเยาวชนอาสา ทำงานกับกลุ่มวัยรุ่นผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่มีอายุ 20 ปี ส่วนที่อายุมากที่สุดคือ นายชำนาญ จันทร์เรือง นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์ และอดีตประธานกลุ่มแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยที่มีอายุ 60 ปี

อีกทั้งในแง่ความหลากหลายนั้น มีทั้งหลากหลายอาชีพ อาทิ นักศึกษา นักวิชาการ สื่อมวลชน นักเคลื่อนไหว สตาร์ทอัพ  นักกฎหมาย และเปิดกว้างในเพศสภาพ โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง เคท ครั้งพิบูลย์ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่ชนะคดีในชั้นศาลปกครองจากกรณีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่รับเข้าเป็นอาจารย์ มาร่วมก่อตั้งพรรคนี้ด้วย

การก่่อตั้งพรรคอนาคตใหม่นี้ ได้สร้างปฏิกิริยาอย่างรุนแรงและรวดเร็วมาตั้งแต่การเสนอความคิดการลงสนามการเมืองของนายธนาธรและนายปิยบุตร จนเกิดเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่จากคนรุ่นใหม่ที่ติดตามและให้ความเห็นบนโลกโซเชียลอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเสียงวิจารณ์และตั้งประเด็นโจมตีจากบุคคลสาธารณะ กลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้าม หรือแม้แต่บุคคลในรัฐบาล คสช. ที่ออกมาสัมภาษณ์ว่าการเคลื่อนไหวของนายธนาธรจะสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายพรรคการเมืองทั้งที่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวพรรคอย่างเป็นรูปธรรม หรือล่าสุดที่นายธนาธรเชิญสื่อกินกาแฟ เปิดตัวพรรคในวันนี้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.ได้กล่าวเมื่อวานนี้ว่า  “การดำเนินการดังกล่าวสุ่มเสี่ยงขัดคำสั่ง คสช. เรื่องการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน” แถมยังสำทับอีกว่า “นายธนาธรเพียงแต่อยากเรียกเรตติ้ง แต่พาสื่อไปเสี่ยงด้วย ซึ่งพรุ่งนี้หากเขาพูดเรื่องการเมือง ก็เข้าเงื่อนไข” นับว่าเป็นสิ่งสะท้อนต่อการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ได้อย่างดี

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีหลายข้อวิจารณ์อีกมากที่ถาโถมใส่ โดยข้อวิจารณ์ที่รุนแรงที่สุดก็คือ ภาพลักษณ์ของความเป็นนายทุนและข้อหาคลาสสิคอย่าง “ล้มเจ้า” ต่อนายธนาธรในฐานะนายทุนใหญ่ หรือนายปิยบุตรที่เคยมีบทบาทในกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งในเวลานั้นได้นำเสนอแก้ไขเนื้อหาในกฎหมายมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วย การดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

นายธนาธรตอบข้อวิจารณ์ดังกล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่จะไม่ใช่พรรคของนายธนาธรหรือนายปิยบุตร แต่อนาคตใหม่เป็นของเรา ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เราจะทำโดยประชาธิปไตยอยู่ในกระบวนการตัดสินใจทุกลำดับตั้งแต่การเลือกผู้สมัคร กำหนดทิศทางของพรรค ยุทธศาสตร์จนถึงการทำนโยบาย ทุกขั้นตอนจะยึดโยงกับสมาชิก นี่คือสิ่งที่อยากจะทำ ส่วนในด้านเงิน ไม่อยากให้พรรคนี้ เติบโตและอยู่ต่อด้วยเงินจากกระเป๋าของตน และไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำ แต่จะทำให้การระดมทุนจากประชาชนเกิดขึ้นได้จริง เราจะใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในโลกเป็นเครื่องมือในการระดมทุน ถ้าการระดมทุนเป็นไปได้ ก็ต้องฟังเสียงประชาชน มันจะดึงตนกลับมาอยู่กับสมาชิกพรรค นั้นคือสิ่งที่ตนกำลังจะสร้าง

“เราจะไม่มีใครซักคนที่แข็งแรง อยู่เหนือและมีอำนาจเหนือสมาชิกพรรค” นายธนาธร กล่าว

นายปิยบุตรก็ได้ตอบข้อวิจารณ์ส่วนตนว่า วันนี้ ตนมาอยู่สนามการเมือง คำถามที่หลายท่านถามว่าจะเอายังไงต่อไปกับการแก้ไขมาตรา 112 อย่างที่คุณธนาธรกล่าวไป พรรคไม่ใช่ของนายธนาธรหรือของตน พรรคนี้เป็นของทุกคน นโยบายทุกเรื่องมีหลากหลาย นโยบายเกิดจากการตัดสินใจร่วมกันของสมาชิกพรรค และการรับฟังความเห็นจากประชาชน ณ วันนี้ คสช.ไม่ให้เราพูดถึงนโยบายใดๆ ดังนั้น ถ้าถามว่าจะมีโอกาสทำหรือไม่ คำตอบในเวลานี้ก็ตอบไม่ได้

การเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ ได้เป็นพรรคการเมืองล่าสุดที่เข้าสู่สนามการเมืองไทยแล้ว แม้ว่าพรรคการเมืองต่างๆ รวมถึงพรรคอนาคตใหม่ จะไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองใดๆได้ด้วยข้อห้ามของ คสช. รวมถึงข้อวิจารณ์และประเด็นโจมตีทั้งเก่าและใหม่ที่จะตามมา และอาจทวีความเข้มข้นมากขึ้นหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ หรือการแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ ถ้าเทียบขนาดกับพรรคขนาดใหญ่อย่างเพื่อไทยและประชาธิปัตย์นั้น ไม่ว่าในแง่จำนวนสมาชิกและความเป็นสถาบันทางการเมืองนั้นห่างกันมาก ด้วยเหตุเพราะเพิ่งก่อตั้งอย่างเป็นทางการ รวมถึงแผนยุทธศาสตร์ในการลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้คนจะขับเคลื่อนอย่างไร ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดที่ คสช.วางไว้

แต่กระนั้นพรรคอนาคตใหม่ ได้กลายเป็นพรรคการเมืองที่น่าจับตามอง ต้องดูกันว่า ท่าทีของกลุ่มการเมืองต่างๆ รวมถึงคสช.หลังการเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่จะเป็นอย่างไร และพรรคอนาคตใหม่จะเป็นความหวังสำหรับผู้ที่อยากเห็นอนาคตอย่างที่ชูเป็นธงหลักได้มากแค่ไหน

 

 

ข้อมูลเบื้องต้น 

ชื่อพรรคภาษาไทย : พรรคอนาคตใหม่

ชื่อพรรคภาษาอังกฤษ : Future Forward Party

โลโก้พรรค : ลูกศรสามเหลี่ยมชี้ขึ้น

สีพรรค : สีส้ม หมายถึงสีแห่งอรุณรุ่ง

วันก่อตั้งพรรค : 15 มีนาคม 2561

สมาชิกผู้ก่อตั้งพรรค : 26

ลำดับการจดทะเบียนพรรคการเมืองกับ กกต. : 58