ไฮไลท์คนอยากเลือกตั้งร่วม “ปากปราศรัย น้ำใจเชือดเผด็จการ” นัดอีก 10 มี.ค.

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 นักศึกษา นักกิจกรรมและประชาชน ที่สนับสนุนแนวคิดการเลือกตั้ง ได้ร่วมจัดกิจกรรม “ปากปราศรัย น้ำใจเชือดเผด็จการ” โดยตั้งพื้นที่ปราศรัยจนถึงร้านค้า ตลอดเส้นถนนหน้าหอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

กิจกรรมครั้งนี้ เริ่มวางพื้นที่ตั้งแต่ช่วงสายที่ผ่านมา โดยมีการวางโต๊ะเพื่อตั้งร้านขายสิินค้าต่างๆของประชาชนที่ร่วมการฟังปราศรัย และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบมาประจำและเดินสำรวจพื้นที่ ตามด้วยทีมเจ้าหน้าที่ตรวจวัตถุระเบิดได้เข้าเช็คความเรียบร้อย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจรจากับผู้จัดเพื่อขอวางประตูสแกนอาวุธตรงหน้าทางเข้างาน อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยระหว่างผู้จัดงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ไม่มีการตั้งประตูสแกนอาวุธ

โดยบริเวณงาน ยังมีจัดโมเดล หีบเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนที่ร่วมงานสามารถเขียนนโยบายที่อยากให้เกิดขึ้นจริง รวมถึงสแตนดี้ “รถถังขวางเลือกตั้งกับขวาน” ซึ่งเป็นไอเดียจากข่าวป้าขวานทุบรถ และ “คนยืนรอเลือกตั้ง” ให้มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

จากนั้นเวลา 14.20 น. นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้มาถึงบริเวณงานตามที่ได้โพสต์ข้อความว่าจะมาร่วมงานตามคำเชิญชวนของนายรังสิมันต์ โรม 1 ในแกนนำเคลื่อนไหว และเข้าพบปะประชาชนที่มาทักทายและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

นายวัฒนากล่าวว่า ตนมาวันนี้ ก็เพื่อมาให้กำลังใจน้องๆ ซึ่งตนอยู่ไม่นานก็ต้องไปเตะบอลกับเพื่อนๆที่นัด  โดยเรื่องคนอยากเลือกตั้งมันแสดงให้เห็นถึงคนอยากใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเองที่เป็นคนไทย ไม่ว่านักการเมืองหรือใครก็ตามเรียกร้องสิทธิของเขา มันเป็นเรื่องโดยชอบ สิทธิเลือกตั้งเป็นสิทธิของเราหรือไม่ ถ้ามันเป็นสิทธิของเรา เรามาเรียกร้องแล้วมันมีปัญหาหรือไม่ และขอฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่า เวลายึดอำนาจไม่เคยมีเงื่อนไข แต่พอจะคืนอำนาจกลับมี สร้างเงื่อนไขอะไร อำนาจเป็นของประชาชน ประชาชนก็อยากใช้เสรีภาพของเขา แล้วที่บอกว่าให้คิดเหมือนกัน อย่าแตกแยก บอกได้เลยว่าผมไม่สามารถดีกับเผด็จการได้อย่างแน่นอน

“ประชาชนพร้อมที่จะเลือกตั้ง กรรมการเลือกตั้งก็พร้อม พรรคการเมืองก็พร้อม ไม่พร้อมอยู่ฝ่่ายเดียวคือ คสช. ถ้างั้นก็อย่ามามั่ว” นายวัฒนา กล่าว

เมื่อถามว่าคนรุ่นใหม่ควรมีส่วนร่วมทางการเมืองมากแค่ไหน นายวัฒนากล่าวว่า ทั้งคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าก็ควรทั้งนั้น คนรุ่นใหม่ก็เข้ามา และทุกคนควรตื่นตัวทางการเมือง สิทธิของเรามันถูกยึดไปนานแล้ว

จากนั้น เวทีปราศรัยได้เริ่มขึ้น โดยการขึ้นปราศรัยของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ อาทิ ธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เกี่ยวกับการเมืองและสิ่งแวดล้อมกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา สลับด้วยการแสดงดนตรี จากศิลปินอาทิ Kalibut สามัญชนและพลเมืองโต้กลับ อย่างไรก็ตาม สายฝนได้ตกลงมาทำให้ประชาชนที่ร่วมฟังปราศรัยต้องหลบเข้าที่ร่ม

ต่อจากนั้น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ขึ้นปราศรัย โดยกล่าวตอนหนึ่งที่ระบุกาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า ความขัดแย้งตลอดทศวรรษที่ขัดขวางอนาคตของคนไทย นั้น มันไม่ใช่สงครามเสื้อเหลือง-เสื้อแดงแต่มันคือการปะทะของยุคสมัยระหว่างคนรุ่นเก่่าและคนรุ่นใหม่

“ทุกวันคืน ทุกชั่วโมง ทุกนาที ตนเฝ้าคิดว่า เมื่อไหร่เราจะพ้นจากเวรจากกรรมนี้ได้ซักที ตนคิดอยู่ตลอดว่าเราจะทำอย่างไร ถึงจะสร้างอนาคตใหม่ได้ในประเทศนี้ และตนคิดมาตลอดเวลาประสบการณ์แย่ๆที่เราเผชิญอยู่ทุกวันนี้มันคืออะไรกันแน่ และตนได้ข้อสรุปว่า หลายคนอาจบอกว่า ทศวรรษที่ผ่านมา คือความขัดแย้งของขั้วอำนาจพรรคการเมือง บางคนบอกอย่างนั้นแต่ตนไม่เชื่อ ถึงเวลานี้มันพิสูจน์แล้วว่า นี่ไม่ใช่สงครามระหว่างเหลือง-แดง แต่เป็น “สงครามของยุคสมัย” เป็นสงครามระหว่างยุคใหม่กับยุคเก่า นี่คือการปะทะระหว่างคนยุคเก่าที่นั่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล เป็นคนหัวเก่า ใช้ความคิดแบบเก่า โตมาจากโลกเก่าและโลกของพวกเขากำลังจะล่มสลาย ผู้ท้าชิงที่จะมาล้มพวกเขาก็คือพวกเรา คนยุคใหม่ ความคิดใหม่และเติบโตมากับโลกแบบใหม่ และโลกของเรากำลังก่อเกิดขึ้นมา” นายพริษฐ์ กล่าว

ต่อมานายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ 1 ในแกนนำคนอยากเลือกตั้ง ได้กล่าวว่า  4 ปี แล้วที่ คสช. กัดกินประเทศชาติมา ข้อเรียกร้องเราวันนี้เป็นขั้นพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย คือการเลือกตั้งภายในปีนี้ อันเป็นสิทธิ์ที่ประชาชนพึงมีพึงได้เสมอมา โดยคสช.บอกว่าขอเวลาไม่นาน หลายคนบอกว่าเลือกตั้งไปแล้วไม่ได้อะไร แต่อยากถามว่าอยากจะอยู่กับคสช.ไปอีกชาติหนึ่งเหรอ การเลือกตั้งจะนำประชาชนออกจากเผด็จการไปสู่ทางเลือกที่ดีกว่า ไม่ใช่ให้แม่น้ำห้าสายมาเลือกแทน ถ้านับการโกหกของพล.อ.ประยุทธ์และคณะคสช. จมูกคงทะลุไปดาวอังคารแล้ว

หลังจากนั้น นายสิรวิชญ์เรียกให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมใส่หน้ากากการ์ตูนเป็นหน้าพล.อ.ประยุทธ์จมูกยาว โดยตั้งชื่อว่าหน้ากาก ‘ยุทธ์น็อกคิโอ’ โดยระบุว่ามาจากการโกหกเรื่องเลือกตั้งกับประชาคมโลกและประชาชนคนไทยหลายต่อหลายครั้ง จึงหมดเวลาของคนโกหกหลอกลวงอย่างพล.อ.ประยุทธ์และคสช. และได้เวลาของประชาชน การเลือกตั้งจะเป็นการประกาศอนาคตประเทศด้วยมือประชาชน จากนั้นประชาชนจึงตะโกนร่วมกันว่า “เลือกตั้งปีนี้”

การปราศรัยได้เข้าสู่ช่วงเย็น โดยตั้งแต่ 18.00 น.เป็นต้นมา ได้มีนักศึกษาและนักกิจกรรมขึ้นปราศรัยอย่างนายเนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล นายอานนท์ นำภา และนายรังสิมันต์ โรม

นายเนติวิทย์ กล่าวว่า หลายคนเห็นแล้วว่า ปัญหาบ้านเมืองมันไม่ได้จำกัดอยู่ที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ต้องรับภาระ ก่อนหน้านี้ กลุ่มนั้นโดน กลุ่มนี้โดน แต่ตอนนี้มันชัดแล้วว่า ประชาชนกำลังเผชิญกับปัญหา เราเสียภาษีให้กับรัฐบาล คสช.ที่ไม่มีความชอบธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตยและคอรัปชั่น แบบนี้เรายอมได้หรือไม่ ดังนั้น ตนคิดว่ามันถูกต้องแล้วที่เรามาในวันนี้ และขยายการเคลื่อนไหวให้ครอบคลุมถึงคนอื่น ความยุติธรรมไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน อย่างในหนังสือที่ตนแปล มีคำกล่าวที่ว่า “ความอยุติธรรมไม่ว่าเกิดขึ้นที่ใด ย่อมคุกคามความยุติธรรมทุกที่” เราทุกคนตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน กรณีล่าเสือดำในทุ่งใหญ่ก็เป็นความอยุติธรรมอย่างหนึ่ง หรือในกรณีป้าขวานทุบรถ เราสุดอั้นตันใจ เราไม่ได้รับความยุติธรรมเลย

ด้านนายอานนท์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่บังคับใช้อยู่ขณะนี้ มาตรา 265 บัญญัติว่า ให้ คสช. ปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ถ้าเราแปลกลับก็หมายความว่า เมื่อมีการเลือกตั้ง เมื่อมีคณะรัฐมนตรี คสช.จะต้องออกโดยปริยาย นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมถึงต้องเลือกตั้งในปีนี้ แต่มีคำถามที่ว่า ถ้าเลือกตั้งแล้วคสช.ยังอยู่ อันนี้ไม่จริง เพราะเมื่อ ครม.ชุดใหม่ คสช.จะต้องออกไปตามมาตรา 265 นั้นคือก้าวแรกของการสร้างประชาธิปไตยของพวกเรา

“10 มี.ค.เราจะนัดชุมนุมกันอีกครั้งหนึ่ง จะมีพี่น้องประชาชนและนิสิตนักศึกษาจากต่างจังหวัดมาร่วมด้วย” นายอานนท์ กล่าว

ขณะที่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนโกรธที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า นิสิตนักศึกษาอย่าริเปลี่ยนแปลงประเทศ คนรุ่นใหม่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่คนจำนวนหนึ่งเห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่อยากอยู่แบบนี้ไม่อยากให้มีการชุมนุม แต่ยืนยันว่าอย่าเอาความขัดแย้งในอดีตมาใส่ให้คนรุ่นใหม่ ใครคิดว่าเลือกตั้้งแล้วมีม็อบวุ่นวายหรือกลัวทักษิณกลับมา อยากถามว่าจะอยู่แบบไม่มีอนาคต แบบที่โกงกันแบบนี้หรือ ประชาชนไม่มีใครกินหญ้า ปีนี้คอร์รัปชั่นเพิ่มสูงกว่า 37% เงินนับแสนล้านของเราที่โดนขโมย

“เขาเปลี่ยนปีนี้ของประเทศให้เป็นปีแห่งแหวนแม่นาฬิกาเพื่อน  เวลาของท่านใกล้มาแล้ว ประชาชนจำนวนมากไม่ยอมแพ้ต่อการโกงกิน เราจะสู้เพื่อสิทธิของคนรุ่นใหม่ ถ้าภายในวันที่10 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่กำหนดวันเลือกตั้งที่ได้สัญญากับนานาชาติและประชาชนเราจะเดินหน้าทวงสิ่งที่เราเสียไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราจะมีการชุมนุมต่อไปเรื่อยๆ

“วันนี้เห็นนักการเมืองมีแค่คุณวัฒนา เมืองสุขที่มาร่วม แล้วคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณเฉลิม อยู่บำรุง คุณกรณ์ จาติกวณิช อยู่ไหน วันนี้มีแค่ประชาชนกับทหาร ยังมัวมาสนใจว่าเดี๋ยวมีเลือกตั้งแล้วจะเดินหล่อเข้าสภา ถ้าเราไม่เห็นนักการเมืองคนไหนมาต่อสู้กับเรา เราจะไม่มีวันเลือกกลับเข้าสภา” นายรังสิมันต์กล่าว

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ ได้กล่าวตอนท้ายก่อนสิ้นสุดกิจกรรมว่า การที่เราขึ้นมาบนเวทีและจัดกิจกรรม มันไม่ใช่แค่พวกเรา แต่มันคือการรวมพลังกันของทุกๆคน ที่มาในวันนี้และอีกหลายวันก่อนหน้าเพื่อเป้าหมาย 3 สิ่งคือ เลือกตั้งปีนี้ เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ

“หลายครั้งเวลาโดนโจมตีว่า มีคนนั้นคนนี้สนับสนุน ต้องขอโทษนะว่า 4 ปีมานี้ ก็อยู่กันแค่นี้ จัดกิจกรรมก็มีแค่ไมโครโฟน โทรโข่งเล็กๆ ขณะที่อีกฝ่ายรวยเอาๆ นี่คือสภาพความเป็นจริงที่คนที่มีอำนาจใน คสช.มาโจมตีพวกเรา” นายรังสิมันต์ กล่าว