สรุปข่าวในประเทศ : ปัดดึง”กลุ่มชลบุรี”หนุน”บิ๊กตู่”แลกพักโทษ “กำนันเป๊าะ” / ปลื้มไร้ไทยติดโผของก๊อบบัญชีดำสหรัฐ

ปัด “บิ๊กจิน” ดึง “กลุ่มชลบุรี” หนุน “บิ๊กตู่” แลกเปลี่ยนพักโทษ “กำนันเป๊าะ”

วันที่ 15 มกราคม นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เจรจาทางลับกับนักการเมืองกลุ่มชลบุรี เพื่อขอให้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก โดยแลกเปลี่ยนกับเงื่อนไขทางคดีของนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ที่เป็นนักโทษในกรมราชทัณฑ์ โดยจะพักการลงโทษให้นั้น ไม่เป็นความจริง กรณี นช.สมชายนั้น เป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่นักโทษทุกคนมีสิทธิได้รับโดยที่ไม่มีวาระซ่อนเร้น โดยนายสมชายต้องโทษอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ปัจจุบันเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลตำรวจ เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม กระทำผิดรวม 2 คดี ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกรวม 28 ปี 4 เดือน ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษรวม 3 ครั้ง (ปี 2558 และปี 2559 2 ครั้ง) เหลือกำหนดโทษครั้งหลังสุด 10 ปี 18 เดือน 20 วัน ต้องโทษจำคุกมาแล้ว 4 ปี 9 เดือน 25 วัน เหลือโทษจำคุก 6 ปี 8 เดือน 25 วัน นายสมชายมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์พักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ และแพร่กระจายไปที่ปอดระยะที่ 4 ทำให้มีอาการปอดบวม บางครั้งหยุดหายใจต้องให้ออกซิเจนเพื่อช่วยหายใจ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องต้องเสียชีวิต โดยมีแพทย์ของทางราชการ 2 คนรับรองอาการป่วย ปัจจุบันมีอายุ 80 ปี ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้อนุมัติพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ โดยไปพักอาศัยอยู่กับนางสาวจิราภรณ์ คุณปลื้ม บุตรสาว อายุ 49 ปี ซึ่งต้องปฏิบัติตนตามเงื่อนไขการคุมประพฤติจนกว่าจะพ้นโทษ ซึ่งมีระยะการคุมประพฤติ 6 ปี 8 เดือน 25 วัน

ครม.ไฟเขียวขยายเวลา พิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวถึง 30 มิ.ย.

นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 มกราคม ว่า ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติที่ได้ผ่อนผันให้อยู่และทำงานจำนวน 2 ล้านคน โดย ครม. มีมติขยายระยะเวลาให้แรงงานต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อทำการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2561 แต่มีเงื่อนไขว่าคนต่างด้าวเหล่านี้บางส่วนที่ยังไม่มีทะเบียนประวัติ ไม่มีเลข 13 หลัก จะให้แรงงานดังกล่าวไปทำทะเบียนประวัติกับกรมการปกครอง ส่วนกลุ่มที่มีบัตรสีชมพู มีทะเบียนประวัติอยู่แล้วให้ไปรายงานตัวเพื่อปรับปรุงทะเบียนประวัติให้เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ หลังจากพิสูจน์สัญชาติเรียบร้อยแล้วก็จะได้เอกสารจากประเทศต้นทาง เมื่อได้แล้วฝ่ายไทยจะให้วีซ่าอยู่เพื่อทำงาน และออกใบอนุญาตทำงานได้อีก 2 ปีถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 และว่า กระทรวงแรงงานได้ทำการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวทั้ง 3 สัญชาติตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-31 ธันวาคม 2560 ไปแล้ว 1,187,411 คน โดยมีแรงงานที่ยังพิสูจน์สัญชาติไม่แล้วเสร็จ 811,829 คน ประกอบด้วย กัมพูชาจำนวนประมาณ 4 แสนคน เมียนมาจำนวน 3 แสนคน และลาวจำนวน 1.3 แสนคน เนื่องจากประเทศต้นทางเป็นผู้ดำเนินการเอง และติดปัญหาต่างๆ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะตั้งผู้รับผิดชอบลงพื้นที่ไปกำกับดูแลร่วมดำเนินการกับฝ่ายประเทศต้นทาง เพื่อบริหารจัดการให้เกิดความสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น

“บิ๊กตู่” ปลื้มไร้ไทยติดโผตลาดของก๊อบปี้ในบัญชีดำสหรัฐ

เมื่อวันที่ 16 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับรายงานจากนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกาออกรายงานทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงทั่วโลก ประจำปี 2560 ไม่มีชื่อย่านการค้าหรือศูนย์การค้าในไทยเป็นตลาดที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์สูงแม้แต่แห่งเดียว ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่การประกาศประเทศและพื้นที่ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ ของไทยไม่มีเลย ซึ่งแสดงให้เห็นผลงานของเราที่มีการจับกุมกวาดล้างสถานที่ต่างๆ เป็นสิบแห่งและเอามาเผาทำลาย นี่เป็นผลงานที่ซึ่งผ่านมาไม่เคยทำได้เลย คือเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น

“เราหยุดแก้ไม่ได้หรอกเรื่องปราบปรามลิขสิทธิ์ เรื่องประมงผิดกฎหมาย เรื่องการค้ามนุษย์ ทุกอย่างต้องเดินหน้าไปทั้งหมด” นายกฯ กล่าว

มือบุกมอบ “นาฬิกา” ให้บิ๊กป้อมงงเจอหมายตำรวจแพร่ภาพ “ลามก”

เมื่อเวลา 09.50 น.วันที่ 16 มกราคม ที่หน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง อดีตผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พร้อมด้วยนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ได้นำนาฬิกาจำนวน 3 เรือน พร้อมโปสเตอร์ที่มีรูปภาพนาฬิกาจำนวน 23 เรือน เพื่อมามอบให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และยืนยันว่าจะเดินทางมาทำเนียบจนกว่าจะมอบนาฬิกาให้กับ พล.อ.ประวิตรด้วยตัวเองสำเร็จ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดคุยกับนายเอกชัยเพื่อทำความเข้าใจ ก่อนที่นายเอกชัยจะเดินทางกลับ

ต่อเพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน” โพสต์ข้อความระบุว่า “เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 เวลา 14.00 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 นายเดินทางไปที่บ้านของเอกชัย เพื่อส่งหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(4) ที่ บก.ปอท. ในหมายเรียกระบุชื่อผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ต.เอกพล แสงอรุณ โดยให้เอกชัยไปพบ ร.ต.อ.ณัฐษนัย มงคลกุล กอง 3 บก.ปอท. ในวัน 19 มกราคม เวลา 14.30 น.”

อย่างไรก็ตาม นายเอกชัยได้โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกว่า “จนป่านนี้ยังนึกไม่ออกโพสต์ไหนที่มีลักษณะอันลามก ทั้งนี้ จะขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากมีกำหนดการต้องเดินทางไปร่วมงานอบรมที่ประเทศพม่าระหว่างวันที่ 20-26 มกราคมนี้”