ขอบคุณข้อมูลจาก | ข่าวสด |
---|---|
เผยแพร่ |
สุรชาติ ชี้ Geopolitics คือความเสี่ยงของโลกสมัยใหม่ รัฐไทยยังปรับตัวช้าหวั่นไม่ทันโลก ระบุ รัฐประหาร ยังเป็นโจทย์ที่น่ากังวลในประเทศ ฝ่ายขวาไทยยังฝันเรื่องเดียวไม่รู้จบ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 พ.ค.2567 ที่ห้องคริสตัล บ็อกซ์ เกษร เออร์เบิน รีสอร์ท อาคารเกษร ทาวเวอร์ หนังสือพิมพ์มติชน จัดงาน “มติชนฟอรั่ม” หัวข้อ Thailand 2024 : Surviving Geopolitics ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องในโอกาสที่หนังสือพิมพ์มติชนก้าวเข้าสู่ปีที่ 47 เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีบุคคลจากหลากหลายวงการ และประชาชนทั่วไปจำนวนมากเข้าร่วมงาน
นายสุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายในหัวข้อ Thailand : Surviving Geopolitics ว่า การมองพื้นที่ภูมิศาสตร์ผ่านแว่นทางการเมือง มีความยาก เพราะการเมืองไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องการเมืองเท่านั้น แต่มีเรื่องการทหาร ความมั่นคง และเศรษฐกิจ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
วันนี้มีโจทย์ที่น่ากลัวของภูมิรัฐศาสตร์อยู่ 3 ชุด คือ 1.สงคราม 2.โรคระบาด และ 3.การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ Geopolitics จึงเป็นความเสี่ยงระดับโลก เราเห็นได้ชัดว่าความเสี่ยงที่มาจากสงครามเราป้องกันไม่ค่อยไหว สงครามยูเครนเป็นสงครามใหญ่ในแบบที่เราไม่เคยเห็น ส่งผลกระทบกับตลาดเงิน ตลาดทอง ตลาดหุ้น แม้แต่ตลาดสดก็กระทบกับผู้คนในชีวิตประจำวัน
สถานการณ์ขณะนี้ คล้ายกับช่วงสงครามสเปนในปี 1936 หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น สงครามยูเครนจึงเหมือนการซ้อมรบก่อนการมาถึงของสงครามใหญ่ แต่หากคิดในข้อดี คือสงครามยูเครนยังรบอยู่ในยูเครน ซึ่งไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 จะยังเห็นสงครามยูเครนอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าจะขยายตัวหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีโจทย์ความเสี่ยงของสถานการณ์ในกาซา ไต้หวัน การทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ทะเลจีนใต้ที่สถานการณ์มีความเปราะบาง และสงครามการเมืองในพื้นที่ของรัฐชายขอบในหลายๆพื้นที่ของโลก ตนเชื่อว่า อีกไม่นานกระแสสังคมไทยจะพูดถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 มากขึ้น ซึ่งเกิดจากความกังวล ความกลัว ข้อบ่งชี้คือราคาทองที่เป็นคำยืนยันความกลัวสงคราม
ขณะที่โจทย์เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เป็นโจทย์ใหญ่ของทุกประเทศ วันนี้เราเห็นอุทกภัยใหญ่หลายพื้นที่ ในประเทศไทยวันนี้สำนวนเพลงลูกทุ่ง น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง จะกลับมาจริงๆ ส่วนโรคระบาดเราหวังอย่างเดียวว่าโควิดจะเป็นแค่เบาๆอ่อนๆ
นายสุรชาติ กล่าวด้วยว่า ผู้นำไทยคงเห็นสถานการณ์โลกในระยะหลัง แต่คำถามคือ ไทยจะตั้งรับอย่างไร คำตอบตรงนี้เราไม่ค่อยเห็น ผลพวงจากสถานการณ์ยูเครน สิ่งที่น่ากลัวในไทยคือความชาชินกับสถานการณ์ ทั้งวิกฤตโลกถือว่าเป็นสถานการณ์ที่หนักขึ้น คำถามคืออะไรคือการปรับตัวของรัฐกับสังคมไทย ในบริบทของสังคมไทย ตนคิดว่าภาคเอกชนมีการปรับตัว แต่ปัญหาคือภาครัฐบนเงื่อนไขที่เป็นระบบราชการ รัฐราชการ ต้องยอมรับว่ากระแสการขับเคลื่อนในการปรับตัวจึงเกิดขึ้นช้า
การเตรียมการรับมือกับปัญหา มีข้อจำกัดเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา ตนอยากเห็นผู้นำของไทยมีความเข้าใจ และวิสัยทัศน์ เพราะหากรัฐไทยไม่ปรับตัวจะไม่สามารถแข่งขันในรัฐอำนาจใหญ่ได้ แต่การปรับตัว ต้องไม่ปรับด้วยเงื่อนไขยุทธศาสตร์ทางทหาร และเงื่อนไขยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะไม่ตอบโจทย์ อีกทั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ด้วย
นายสุรชาติ กล่าวอีกว่า ภายใต้บริบทที่มีความผันผวนของการเมืองไทย และการเมืองโลก รัฐประหารยังเป็นประเด็นในสังคมไทย เพราะเกิดจากความกังวล และความกลัว ซึ่งรัฐประหารถือเป็นการละเมิดระเบียบระหว่างประเทศ ที่ในเวทีโลกเสรีนิยมไม่ตอบรับต่อการรัฐประหาร
อีกประเด็นคือกระแสปีกขวาที่ปีนี้มากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกมีการเลือกตั้ง คนมากกว่า 49% ทั่วโลกเดินเข้าคูหากาบัตร ซึ่งการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาช่วงเดือนพ.ย.นี้ ตนไม่แน่ใจว่าเป็นการเลือกตั้งของสหรัฐฯ หรือของโลก เพราะหากโดนัลด์ ทรัมป์ มาจะมีเรื่องคุยกันอีกเยอะ ซึ่งฝ่ายขวายุโรปหรือขวาโลก ไม่ใช่ขวาไทยที่เป็นขวาล้าหลัง และคิดอยู่เรื่องเดียวคือ การความฝันเกี่ยวกับรัฐประหารที่ไม่รู้จบ