นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานในงานสัมมนาเผยแพร่ข้อมูลโครงการก่อนประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา(โอแอนด์เอ็ม) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร(กม.) และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม.ว่า ทั้ง 2 เส้นทางจะให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบพีพีพี กรอส คอสต์ (PPP Gross Cost) ซึ่งแบ่งขอบเขตความรับผิดชอบระหว่างภาครัฐและเอกชนออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เอกชนจะเป็นผู้ออกแบบและลงทุนค่าก่อสร้างงานระบบและองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยภาครัฐเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เอกชนก่อสร้าง

และระยะที่ 2 ภาครัฐจะมอบหมายให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการทั้งหมด ทั้งงานโยธา ในส่วนภาครัฐเป็นผู้ลงทุน และงานระบบในส่วนที่เอกชนเป็นผู้ลงทุน ตลอดจนเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางให้แก่ภาครัฐ รวมทั้งดำเนินงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามขอบเขตและเงื่อนไขที่กำหนด โดยมีระยะเวลาร่วมลงทุนไม่เกิน 30 ปี ส่วนเงินรายได้ค่าธรรมเนียมผ่านทางทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของภาครัฐ ส่วนเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินค่าก่อสร้างงานระบบ ค่าจ้างการดำเนินงาน และค่าบำรุงรักษา

“พร้อมกันนี้จะพัฒนาศูนย์ให้บริการมอเตอร์เวย์(เรสท์แอเรีย) เช่น ร้านขายของ ร้านให้บริการต่างๆ ควบคู่ไปด้วย โดยทั้ง 2 โครงการจะมีเรสท์แอเรียให้บริการทั้งหมด 8 จุด และคาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในปีนี้ด้วย” นายอาคมกล่าว

นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผยถึงขั้นตอนการดำเนินงาน ว่า กรมทางหลวงจะจัดงานสัมมนาเผยแพร่ข้อมูลโครงการ เพื่อนำเสนอรายละเอียดโครงการ ก่อนประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนทั้ง 2 โครงการ ในวันที่ 31 มกราคมนี้ หลังจากนั้นจะประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนและขายซองเอกสารในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมตามลำดับ และให้เอกชนจัดทำเอกสารและยื่นข้อเสนอในเดือนมีนาคม-กรกฎาคม ต่อด้วยการประเมินข้อเสนอและเจรจาต่อรองในเดือนกรกฎาคม-กันยายน จากนั้นจะตรวจร่างสัญญาและเสนอขออนุมัติผลการคัดเลือกในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน และเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้ความเห็นชอบและลงนามสัญญาในเดือนธันวาคม 2561 และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้กลางปี 2563 โดยใช้เวลาก่อสร้าง 18-24 เดือน ซึ่งขณะนี้มีเอกชนไทยและต่างประเทศให้ความสนใจรวม 10 ราย

“ครม.ได้อนุมัติกรอบวงเงินลงทุนโครงการมอเตอร์เวย์ระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา จำนวน 3.3 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่ามีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน(ไออาร์อาร์) 19% ระยะเวลาคืนทุน 3-4 ปี และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี อีกจำนวน 2.8 หมื่นล้านบาท ไออาร์อาร์ 14% ระยะเวลาคืนทุน 5-6 ปี และประเมินว่าปีแรกที่เปิดให้บริการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-โคราช จะมีปริมาณการจราจรประมาณ 18,000 คัน/วัน ส่วนมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี จะมีปริมาณการจราจรประมาณ 10,000 คัน/วัน และคาดว่าจะมีปริมาณรถเพิ่มขึ้นปีละ 3%”

สำหรับมอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณากรอบการเวนคืน และขออนุมัติจากคณะกรรมการตามมาตรา 35 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2562 ส่วนมอเตอร์เวย์สายนครราชสีมา-ขอนแก่น และสายแหลมฉบัง-ปราจีนบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาโครงการ คาดว่าจะสรุปได้ในปี 2563