‘ศิธา’ จวกเลิกใช้มุขชังชาติหาเสียง ยันทุกนโยบาย ศก.เป็นยาแรง เห็นด้วยเลือกตั้งผู้ว่าฯทุก จว.

‘ศิธา’ จวกเลิกใช้มุขชังชาติหาเสียง ใช้ภาษาพ่อขุนยกคำชาวเน็ต ‘ไม่ได้ชังชาติ แต่ชัง…ึง’ ย้ำนโยบาย ศก.ทุกพรรคสำคัญ เป็นยาแรงแก้วิกฤต เห็นด้วยเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ต้องทำระบบให้โปร่งใส

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มติชนxเดลินิวส์ ร่วมจัดดีเบตเป็นครั้งแรกในเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยยกทัพพรรคการเมืองชั้นนำครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งขุนพลเลือดใหม่ (Young blood) ขุนศึกตัวตึง-ตัวเก๋า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชันนโยบายเพื่อนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

ต่อมา เวลา 13.35 น. เข้าสู่รอบ 2 เวที “ขุนศึก ประจัญบาน” โดยบุคคลสำคัญในแต่ละพรรคร่วมประชันประเด็นหลักที่พรรคใช้หาเสียง อธิบายเหตุผลในการเลือกใช้กลยุทธ์-นโยบายในช่วงโค้งสุดท้าย พร้อมดีเบตโต้แย้งกับตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งในประเด็นการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

นายศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย ตอบคำถามในหมวดการเมืองที่ถามว่า ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับแนวคิดเรื่องการไล่คนที่เห็นว่าชังชาติออกนอกประเทศ พรรคของท่านมีแนวทางในเรื่องดังกล่าวอย่างไร ว่าตนเป็นคนติดตามข่าวทางอินเตอร์เน็ตอย่างละเอียด เวลามีการกล่าวหาว่าใครชังชาติ ชาวเน็ตเขาก็บอกว่าไม่ได้ชังชาติ และตอบเป็นคำสุภาพสมัยพ่อขุนรามคำแหงว่า “แต่เขาชังมึง”

นายศิธากล่าวว่า การที่คุณจะไปบอกว่าใครคนใดคนหนึ่งชังชาติเพื่อที่จะหาคะแนนเสียงให้กับตัวเอง การทำงานการเมืองมีอยู่สองอย่าง คือทำให้ตัวเองดีขึ้น แต่ถ้าไม่มีปัญหาคิดว่าจะทำให้ตัวเองดีกว่าคนอื่นอย่างไรและจะไปเหยียบคนอื่นให้ต่ำลง การไปกล่าวหาว่าเขาชังชาติหรือไปแบรนด์ดิ้งว่าพรรคการเมืองนี้ชังชาติ สิ่งที่ตนกลัวคือคนออกไปเลือกตั้งมีแค่ 37 ล้านเสียงโดยประมาณ เกิดมีสัก 10 ล้านเสียงไปเลือกพรรคที่คุณบอกว่าชังชาติ คุณกำลังจะส่งสัญญาณอะไร? จะบอกพี่น้องประชาชนว่ามีคนที่ชังชาติอยู่ 10 ล้านคนหรือ? มันไม่ใช่

“ผมยืนยัน ผมเป็นทหาร ผมสวนสนามสาบานตน ผมมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมถามทุกพรรคการเมืองเขาก็ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นมุขแบบนี้เลิกสักที คนที่เป็นผู้ใหญ่อีกไม่กี่ปีก็ล้มหายตายจาก คุณไม่คุยกับเด็กในวันนี้ ถึงเวลาที่คุณล้มหายตายจากไป เด็กเขาไม่มาคุย ถ้าเรารักชาติด้วยเหตุผล สิ่งที่รวมกันเป็นชาติไทยจะสถาพรยืนยงตลอดไป อย่าหาเสียงแบบนี้เลยครับ” นายศิธากล่าว

ต่อมา นายศิธาตอบคำถามในหมวดเศรษฐกิจที่ถามว่า รัฐควรให้เงินช่วยเหลือประชาชนเฉพาะกลุ่มด้อยโอกาส หรือควรช่วยเหลือแบบถ้วนหน้าและเท่าเทียม ว่าก่อนอื่นเราต้องมาดูก่อนว่ารัฐมีความจำเป็นจะต้องใช้เงินหรือไม่ จาก 8-9 ปีที่ผ่านมา จากการบริหารประเทศของรัฐบาลที่ยึดอำนาจไปและเอาหนังแกะประชาธิปไตยมาคลุมว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย บริหารงานต่อไปอีก 4 ปี ประชาชนทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส จากการชุมนุมทางการเมือง ประเทศชาติย่ำแย่จากวิกฤตทางการเมือง มาเจอวิกฤตเศรษฐกิจของโลก และมาโดนวิกฤตโควิด-19 ซ้ำ ประเทศไปไม่ได้

นายศิธากล่าวว่า เมื่อเป็นแบบนี้แล้วจำเป็นต้องมีเงินที่เหมือนยาแรงลงไปหาพี่น้องประชาชน ทุกโครงการของทุกพรรค แม้กระทั่งพรรคฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันถือว่าจำเป็นต้องใช้หมด ในส่วนของไทยสร้างไทยและพรรคเพื่อไทยผมเชื่อว่าดีทั้งคู่ ใครที่บอกว่าเงินดิจิทัล 10,000 บาทแพงเกินไป อยากบอกว่าแค่ช็อตเดียวไม่พอต้องมีต่อเนื่อง

นายศิธากล่าวด้วยว่า ของพรรคไทยสร้างไทยคือเดือนละ 3,000 บาท เราให้เรื่อยๆ พรรคเพื่อไทยมองว่าต้องใช้ไฟฟ้าช็อตหัวใจขึ้นมาก่อน ของเรามองว่าให้น้ำเกลือไปเรื่อยๆ บางคนบอกว่าไปสวดมนต์ หรือไปทายาแดงก็ได้ อันนั้นก็อีกเรื่อง เพราะฉะนั้นทุกนโยบายของทุกพรรคการเมืองมีความสำคัญทั้งสิ้น จำเป็นต้องใช้และใช้สตาร์ทเครื่องยนต์เศรษฐกิจทั้ง 4 ตัวให้สำเร็จขึ้นมาได้และเดินหน้าต่อไปได้อีกครั้ง

จากนั้นนายศิธาตอบคำถามในหมวดสังคมที่ถามว่า นโยบายกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดยการเลือกตั้งให้มีผู้ว่าราชการจังหวัด พรรคของท่านเห็นด้วยหรือไม่ ว่าเห็นด้วยกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ปัจจุบันแต่ละจังหวัดมีการเลือกตั้งนายก อบจ. สิ่งที่เราต้องดำเนินการคือทำให้ชัดว่าคนเดียวที่ประชาชนจะเลือกมาและควบคุมทุกหน่วยงานได้หมด แต่ละจังหวัดต้องมีเลือกตั้งอย่างเดียว จะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้ หรือนายก อบจ.ก็ได้ ส่วนกลางส่งข้าราชการมาสนับสนุน แต่ไม่ได้ใหญ่สุดในจังหวัด ประชาชนจะต้องเลือกผู้นำของตัวเองได้ และประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการจัดสรรงบประมาณของจังหวัด

นายศิธากล่าวว่า นอกจากนี้ ประชาชนจะต้องสามารถ “เลื่อน ลด ปลด ย้าย” และให้คุณ หรือโทษกับนักการเมือง หรือข้าราชการในจังหวัดตัวเองได้ ส่วนที่บอกว่าอาจเป็นปัญหาเพราะมีการซื้อเสียง ตรงนั้นมีปัญหาจริงๆ และจำเป็นที่จะต้องแก้ไข

“ทุนจีนสีเทาที่พูดมามีทุนไทยสีเขียวหนุนหลังอยู่ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ ขจัดทั้งขบวนการ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมาแน่นอน” นายศิธากล่าว

นายศิธากล่าวต่อว่า ผมจะพูดอยู่เสมอว่าทางการเมือง การเลือกตั้ง มีตัวแปรอยู่ 3 ตัว คือกระแส กระสุน และบ้านใหญ่ การะแสคือสิ่งที่ถูกต้อง ในหลายๆ พื้นที่กระสุนกับบ้านใหญ่แรงมาก และผมจะจัดนักการเมืองเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มที่มีอุดมการณ์ จะซ้าย หรือขวาไม่ว่ากัน กลุ่มที่สองคือใครเป็นรัฐบาลก็จะไปด้วย

นายศิธากล่าวว่า และกลุ่มที่สามคือกลุ่มที่เอียงไปในทางที่ไม่มีกระแสและกลุ่มที่อยากจะเข้าสู่อำนาจ ซึ่งเป็นตัวที่ใช้เงินค่อนข้างมาก เลือกตั้งใหญ่นักการเมืองกลุ่มตัวเองก็ได้ พอเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดก็เอาคนของตัวเองเข้าไป กลายเป็นว่าทั้งระดับชาติ ระดับท้องถิ่น สอดคล้องกันหมดแบบนี้ไม่ได้ เราต้องแก้ที่ระบบและทำทั้งระบบให้โปร่งใส การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดจึงจะมาได้