เพื่อไทย โต้ ‘อนุชา’ หยุดโบ้ยความผิด ‘ยิ่งลักษณ์’ ทำค่าไฟแพง ซัด ‘ประยุทธ์’ บริหารศก.ไม่โต-ไร้การปรับแผน

ลิณธิภรณ์ โต้ ‘อนุชา’ หยุดโบ้ยความผิด ‘ยิ่งลักษณ์’ ทำค่าไฟแพง เหตุ ‘ประยุทธ์’ บริหารเศรษฐกิจไม่โต ไร้การปรับแผนตามสถานการณ์

เมื่อวันที่ 25 เมษายน น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) รักษาการโฆษกพรรค พท. กล่าวถึงกรณีที่นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรับแผนผลิตไฟฟ้า ทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นนั้น นายอนุชาอาจลืมไปว่าในช่วงรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ การเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ที่ประมาณ 7% การมีกิโลวัตถ์ไฟฟ้าที่เหลือ เพื่อการรองรับเศรษฐกิจที่โตขึ้นจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่ 8 ปีที่ผ่านมา จีดีพีไทยเติบโตต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ จากความล้มเหลวในการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลนายอนุชาเอง

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า หากจะใช้ข้ออ้างว่าต้องมีส่วนเพิ่มเติมตามขีดความสามารถของเศรษฐกิจ (Access capacity) ให้มากกว่า 54% จึงไม่เหมาะสม อีกทั้งคณะรัฐประหาร คสช.ที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ ในขณะนั้นทำการรัฐประหาร มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานชุดใหม่ ไม่มีการเปิดประมูลให้ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระเข้ามาอีก และไม่มีการเจรจากับภาคเอกชน ทั้งที่การใช้พลังงานของประเทศลดลง

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น หากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความพยายามแก้ปัญหาค่าไฟแพงจริง และมีความรู้ปัญหาจริง ต้องเข้าไปเจรจากับโรงไฟฟ้าเพื่อปรับลดการผลิตไฟฟ้าโดยทำอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยให้ประชาชนรับกรรมค่าไฟฟ้าแพง แล้วนำมาเป็นนโยบายหาเสียง ทั้งที่รัฐบาลสามารถทำได้ทันทีไม่ต้องรอ

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันช่วงโควิด-19 กำลังระบาด มีการปิดโรงไฟฟ้า 7-9 โรง แต่โรงไฟฟ้าเหล่านั้นยังได้รับรายได้เหมือนเดิม อีกทั้ง 6 เดือนก่อนยุบสภามีการเจรจาซื้อไฟฟ้าเพิ่มอีก 3 แหล่งเพิ่มมาอีก ประมาณ 1,000 กิโลวัตถ์ และมีการทำสัญญาอนุมัติที่เขื่อนหลวงพระบางอีก 35 ปี ซึ่งเปรียบเสมือนการล็อคตัวเองไว้กับค่าใช้จ่ายซึ่งปกติต้องมีความยืดหยุ่นมากกว่านี้

“เป็นอีกหลายครั้งที่รัฐบาลที่รัฐบาลนี้ คิดอะไรไม่ออก ก็มักจะกล่าวหารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งที่ต้นเหตุมาจากการบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพที่ทำให้ค่าไฟแพงขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบัน” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว