“เลิศศักดิ์” จี้ “ประยุทธ์” เร่งลดภาระ-ต้นทุนกระทบพี่น้องประชาชน แนะปรับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ

“เลิศศักดิ์” จี้ “ประยุทธ์” เร่งลดภาระพี่น้องประชาชน และลดต้นทุนภาคธุรกิจจากภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงปัญหาราคาน้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซ ชี้ พลังงานแพงเป็นสาเหตุเงินเฟ้อสูง แนะ เร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ

 

วันที่ 25 ตุลาคม 2565 นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.เลย กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งลดภาระของพี่น้องประชาชน และลดต้นทุนภาคธุรกิจจากภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงปัญหาราคาน้ำมัน ไฟฟ้า และก๊าซ ชี้ พลังงานแพงเป็นสาเหตุเงินเฟ้อสูง แนะ เร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ มรดกประยุทธ์ที่ส่งต่อความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน และโดยเฉพาะภาคธุรกิจ คือการออกกฎหมายภาษีดินและสิ่งปลูกสร้างโดยไม่รอบครอบ และบังคับใช้ในเวลาที่ไม่เหมาะสม

ทั้งที่ช่วงหลังโควิดควรเป็นช่วงเวลาที่รัฐต้องช่วยผู้ประกอบการฟื้นฟูกิจการให้แข็งแรงพอที่จะเติบโตต่อไปได้ แต่รัฐบาลเลือกที่จะบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้เต็มรูปแบบจนเป็นภาระต้นทุนสำคัญของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคธุรกิจโรงแรม และธุรกิจที่ต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก ที่ดินว่างเปล่าของคนรวยในเขตเมืองที่ควรจะสร้างประโยชน์ กลับไม่ต้องจ่ายภาษี เพียงแค่ปลูกมะม่วงมะนาวก็ถือว่าเป็นที่ดินเพื่อการเกษตร

ในขณะที่ล่าสุดผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันที่ต้องเสียภาษีตัวอาคารสถานีบริการน้ำมัน อาคารค้าปลีก ห้องน้ำและอื่นๆ อยู่แล้ว และผู้ประกอบการได้ขอให้ทบทวนการจัดเก็บภาษีบริเวณถนน ลาน รั้ว ซึ่งจะได้ช่วยลดต้นทุนการทำธุรกิจได้บ้าง แต่ก็ได้รับการปฎิเสธจากกรรมการภาษี และกระทรวงมหาดไทย จึงเป็นกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจากการที่รัฐเลือกที่จะจัดเก็บภาษีในช่วงเวลาที่ไม่เหมะสม สร้างภาระให้กับภาคธุรกิจ

นอกจากนี้ยังมีภาระหลักที่รัฐบาลนี้ไม่มีความพยายามที่จะแก้ไข เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และต้นทุนสำคัญของภาคธุรกิจ ดังที่ได้เคยอภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฏรเรื่องราคาน้ำมันโดยเฉพาะเรื่องราคาหน้าโรงกลั่นของไทยที่มีราคาสูงกว่าราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์และสูงกว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่โรงกลั่นไทยส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นการเอาเปรียบคนไทยที่ต้องซื้อราคาที่แพงกว่า ทั้งที่ต้นทุนการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางส่งมาไทยและส่งมาสิงคโปร์ก็เท่ากัน ประสิทธิภาพการกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันของไทยกับสิงคโปร์ก็ใกล้เคียงกัน อีกทั้งโรงกลั่นไทยยังขยายการกลั่นเป็นแสนๆ บาเรลต่อวัน เพื่อส่งออกโดยเฉพาะแสดงว่าราคาส่งออกก็ต้องกำไรมากแล้ว การคิดราคาหน้าโรงกลั่นไทยสูงกว่าราคาสิงคโปร์จึงเป็นการเอาเปรียบประชาชนไทยมากเกินไป นอกจากนี้ค่าการตลาดของน้ำมันยังมีราคาสูงทั้งที่รัฐบาลบอกเองว่าไม่ควรเกินลิตรละ 1.40 บาท ก็ขอให้เร่งดำเนินการ

อีกเรื่องที่เป็นปัญหาและเป็นภาระของประชาชนอย่างมากคือราคาไฟฟ้าที่สูงขึ้นมาก ล่าสุดราคาไฟฟ้าขึ้นราคาจากหน่วยละ 4 บาท เป็น หน่วยละ 4.72 บาท และยังมีแนวโน้มที่จะขึ้นราคาอีก เพราะ กฟผ. ยังมีค่าเชื้อเพลิงติดลบจากการบริหารค่าเชื้อเพลิงที่ผิดพลาดของรัฐบาลเป็นจำนวนกว่าแสนล้านบาท ดังนั้นการแก้ไขปัญหาต้นทุนเชื่อเพลิงการผลิตไฟฟ้าจึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นในการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต ปัจจุบันราคาไฟฟ้าของไทยแพงกว่าราคาไฟฟ้าของเวียดนามอย่างมาก ซึ่งทำให้ความสามารถแข่งขันของไทยและความน่าลงทุนของไทยลดลงมาก จึงอยากเรียกร้องให้เร่งแก้ไขทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว รวมถึงการเจรจาแหล่งพลงงานในพื้นที่ทับซ้อนในทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา

รวมถึงราคาก๊าซหุงต้มที่พุงขึ้นอย่างมาก ราคาขึ่นจาก 318 บาท/ ถัง 15 กก. ในตอนต้นปีได้พุ่งขึ้นเป็น 408 บาท:/ ถัง 15 กก. หรือขึ้นกว่า 28% ซึ่งรัฐบาลสามารถลดราคาก๊าซได้โดยเรียกเก็บจากก๊าซที่ส่งเข้าธุรกิจปิโตรเคมี ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยทำมาแล้ว แต่ถูกยกเลิกไปหลังปฏิวัติ

ทั้งนี้ราคาพลังงานเป็นต้นทุนของสินค้าทุกชนิด และเป็นต้นทุนค่าขนส่งของสินค้าด้วย เมื่อราคาพลังงานแพง สินค้าทุกชนิดจึงขึ้นราคาตาม และทำให้เกิดเงินเฟ้อสูงมาก เหมือนในปัจจุบัน ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ได้ปรับโครงสร้างราคาของพลังงานทั้งระบบเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน และลดค่าใช้จ่ายของประชาชนที่กำลังลำบากกันอย่างมากในปัจจุบัน