‘ครูแก้ว’ งานเข้า กมธ.รับเรื่องครอบครองที่ดินป่าดงพะทาย ‘พีระวิทย์’ โดนปมรับเงินแลกตำแหน่ง

‘กมธ.จริยธรรมฯ’ รับเรื่องสอบ ‘ครูแก้ว’ ครอบครองที่ดินป่าดงพะทาย จ.นครพนม พร้อมรับเรื่องสอบ ‘พีระวิทย์’ เรียกรับเงิน แลกตำแหน่งใน กมธ.

 

วันที่ 4 ตุลาคม 2565 ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าจากกรณีที่ปรากฏข่าวว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมฯ นัดพิจารณากรณีมีผู้ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบจริยธรรม นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 และ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กรณีการครอบครองที่ดินบริเวณป่าดงพะทาย ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม นั้น ที่ประชุมยังไม่มีมติเป็นที่ยุติแต่อย่างใด เป็นเพียงการมีมติรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้พิจารณาตามความเห็นของคณะอนุกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ในการตรวจสอบกลั่นกรองเท่านั้น

นายนิกรกล่าวว่า นอกจากนั้นที่ประชุมมีมติรับเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบจริยธรรม นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม และรองประธานคณะอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กรณีเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินเพื่อแลกกับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในสภา

ที่ประชุมรับได้พิจารณาข้อเท็จจจริงและพฤติการณ์แล้วเชื่อได้ว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าวมีมูลตามที่ผู้ร้องกล่าวหาจริงว่าผู้ถูกร้องได้กระทำการโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่หลอกลวงผู้เสียหาย เพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองโดยมิชอบ โดยขอเรียกรับเงินเพื่อแลกเปลี่ยนกับการเข้ามารับตำแหน่งใน กมธ. หรืออนุ กมธ. ซึ่งผู้ถูกร้องกล่าวอ้างว่าเมื่อได้รับการแต่งตั้งทางการเมือง รวมทั้งตำแหน่งในอนุ กมธ.และที่ปรึกษาอนุ กมธ. สภา จะได้รับเบี้ยเลี้ยงในการลงพื้นที่ ตามจำนวนเงินที่จ่าย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและยินยอมจ่ายเงิน เพื่อเข้ารับตำแหน่งต่างๆ

นายนิกรกล่าวว่า แต่เมื่อผู้ถูกร้องได้รับเงินไปแล้ว ผู้เสียหายบางคนไม่ได้รับการแต่งตั้งตามที่ผู้ถูกร้องกล่าวอ้าง หรือแม้แต่ผู้เสียหายบางคนได้รับการแต่งตั้งไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง หรือค่าตอบแทนตามที่ผู้ถูกร้องกล่าวอ้าง ดังนั้น การกระทำของผู้ถูกร้องจึงอาจเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามข้ออบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ ส.ส.และ กมธ. พ.ศ.2563

“ที่ประชุมยังมีมติไม่รับเรื่องไว้พิจารณา กรณีขอให้ตรวจสอบการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2564 เกี่ยวกับการแจกเงิน 5 ล้านบาท ให้กับ ส.ส.กรณีดังกล่าวเป็นการร้องเรียน ส.ส. 3 ราย ซึ่ง กมธ.จริยธรรม พิจารณาแล้วมีมติไม่รับเรื่องไว้พิจารณา เนื่องจากการร้องเรียน ส.ส.รายที่ 1 ที่ประชุมเคยมีมติไม่รับเรื่องไว้พิจารณา

“ส่วนการร้องเรียน ส.ส.รายที่ 2 ยังไม่มีมูลเพียงพอที่จะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรม ส.ส.และ กมธ. ส่วนการร้องเรียน ส.ส.รายที่ 3 ผู้ร้องมิได้แก้ไขหนังสือร้องเรียนให้เป็นไปตามระเบียบ กมธ.จริยธรรม และกรณีให้ตรวจสอบ ส.ส.ที่ไปปรากฏตัวในพื้นที่การชุมชุมของเยาวชนปลดแอก และภาคีอื่นๆ ที่ร่วมชุมชุมเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 และการใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปประกันตัวผู้ต้องหา ทาง กมธ.ก็ไม่รับเรื่องไว้ เนื่องจากเรื่องร้องเรียนไม่เป็นไปตามระเบียบของ กมธ.จริยธรรม รวมถึงกรณีให้ตรวจสอบจริยธรรม ส.ส. 181 คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เป็นรายบุคคล เนื่องจากเป็นการใช้สิทธิของ ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ที่รับรองไว้” นายนิกรกล่าว