สรุปข่าวในประเทศ : ซักเคอร์เบิร์กไม่มา! หลังสมคิดเผยจะพบ “บิ๊กตู่” / ฟันวินัย พ.ต.อ.พา “ยิ่งลักษณ์”หนี

สรุปข่าวในประเทศ

งานพระเมรุมาศส่งบัตรเชิญ 5,000 ใบ

“ดอน” แจงแขก ตปท.มา 30 ประเทศ

นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ทำบัตรเชิญผู้เข้าร่วมงานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ 26 ตุลาคม จำนวน 5,000 ใบ หน้าปกบัตรเชิญเป็นภาพพระเมรุมาศบนพื้นสีเทา ปกหลังเป็นตราสำนักนายกฯ โดยบัตรเชิญนี้เป็นสิ่งมีค่า เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานลายขอบ เป็นลายไทยที่กรมศิลปากรจัดทำมาให้ทรงเลือกให้ไปปรากฏบนบัตรเชิญ

ขณะที่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า แขกต่างประเทศที่จะเดินทางมาเข้าร่วมพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จำนวนตัวเลขยังไม่นิ่ง แต่เบื้องต้นที่ให้ชื่อมาคือใกล้ๆ 30 ประเทศ ทั้งนี้ หนังสือเชิญนั้นไม่ได้ส่งไปยังต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าประเทศใดจะเดินทางมา อย่างไรก็ตาม แขกที่มา เราก็มีการเตรียมความพร้อมในการที่จะให้การต้อนรับเป็นอย่างดี

สรุปฟันวินัย พ.ต.อ.พา “ยิ่งลักษณ์” เผ่นนอก

ใช้รถผิด กม.ไม่ร้ายแรง-พาปูหนี “ผิดร้ายแรง”

จากกรณีมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เอาผิดทางวินัย พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 ที่เกี่ยวข้องกับการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนี ไม่ไปฟังคำพิพากษาคดีโครงการจำนำข้าว หลังคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีมติให้มีความผิดวินัยร้ายแรง หลังพบมีความผิดด้วยการใช้รถผิดกฎหมาย พาอดีตนายกฯ หลบหนีคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวนั้น เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. ฐานะหัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เปิดเผยว่า ได้สรุปชี้มูลความผิดแล้ว ในประเด็นแรก กรณีใช้รถด้วยมิชอบด้วยกฎหมาย กรณีนี้ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ผิดวินัยไม่ร้ายแรง กรณีที่ 2 การพาอดีตนายกฯ ไปส่งที่ชายแดนนั้น คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ ผิดวินัยร้ายแรง เพราะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง โดยจะสรุปสำนวนเสนอให้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช รรท.ผบช.น. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์จะอุทธรณ์ ภายหลัง รรท.ผบช.น. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยแล้วเสร็จ

ซักเคอร์เบิร์กไม่มา!! หลังสมคิดเผย เตรียมพบ “บิ๊กตู่”

Facebook Founder and CEO Mark Zuckerberg speaks on stage during the annual Facebook F8 developers conference in San Jose, California, U.S., April 18, 2017. REUTERS/Stephen Lam

หลังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์เฟซบุ๊ก จะมาเยือนไทย และในวันที่ 30 ตุลาคม จะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งการพบครั้งนี้จะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศไทย เพราะเฟซบุ๊กเป็นดาต้าเซ็นเตอร์และมีการเชื่อมโยงไปทั่วโลก สะท้อนถึงความสนใจของเฟซบุ๊กต่อประเทศไทย และจะได้หารือถึงทิศทางการขยายของเฟซบุ๊กในภูมิภาคอาเซียนด้วย

ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา โฆษกเฟซบุ๊กแถลงว่า นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยังไม่มีแผนที่จะเดินทางมาประเทศไทย นั้น จนในช่วงเช้าของ 19 ต.ค.ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ(ก.น.จ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน นั้น นายสมคิดไม่ได้เข้าร่วมประชุมโดยได้แจ้งลาป่วยต่อที่ประชุม และนายกฯก็งดให้สัมภาษณ์

พะยูนไทยวิกฤตเหลือไม่เกิน 200 ตัว

แฉมีพวกเปิบพิสดารล่าเอาเนื้อไปกิน

นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวระหว่างการประชุมการอนุรักษ์พะยูนและอนุรักษ์แหล่งหญ้าทะเลระดับประเทศ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมกว่า 100 คน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ว่า พะยูนในประเทศไทยยังจัดอยู่ในภาวะวิกฤตถูกคุกคามอย่างหนักในเรื่องถิ่นที่อยู่อาศัย และการทำลายแหล่งหญ้าทะเลอันเป็นแหล่งอาหารของพะยูน รวมทั้งการล่าและการติดเครื่องมือประมง ทำให้จำนวนพะยูนลดลงอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันคาดว่าในน่านน้ำไทยมีพะยูนไม่เกิน 200 ตัว โดยอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง เป็นแหล่งที่พบพะยูนมากที่สุด ประมาณ 130-150 ตัว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีแหล่งหญ้าทะเลชนิดที่เป็นแหล่งอาหารหลักและเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพะยูนที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก ในพื้นที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด ประมาณ 15 ตัว และในพื้นที่อ่าวไชยา จ.สุราษฎร์ธานี อีกประมาณ 10 ตัว

“ปัจจุบันยังพบว่ามีกลุ่มผู้ล่าพะยูนอยู่ เนื่องจากมีความเชื่อผิดๆ เช่น กระดูกพะยูนสามารถนำไปทำยาโด๊ปและรักษาโรคมะเร็ง ส่วนเขี้ยวพะยูนนำไปเป็นเครื่องรางของขลัง เนื้อพะยูนนำไปกินเป็นอาหาร ราคากิโลกรัมละ 150 บาท ความเชื่อเหล่านี้ทำให้พะยูนยังเป็นที่ต้องการของตลาดมืด”

อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าว