‘สมคิด’ เปิดตัวนั่งปธ.สร้างอนาคตไทย ยกให้ฟ้าลิขิต ได้เป็นนายกฯหรือไม่

‘สมคิด’ ควงลูกชายคนเล็ก เปิดตัวนั่งปธ.พรรคสร้างอนาคตไทย ไม่หวัง เก้าอี้นายกฯ แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ซัด การเมืองวันนี้เหมือนคอกม้า ซื้อขายโจ่งครึ่ม เผย พา 4 กุมารวอล์กเอาต์เหตุเจอพิษบุพเฟต์คาบิเนต แนะ ผู้นำยุคนี้ต้องแข็ง ขรก.ไม่ช่วยทุบโต๊ะยุบสภาเลย งง วันนี้ไม่รู้ใครเป็นนายกฯ ตัวจริง แนะ รื้อรธน. ไม่แค่ระบบเลือกตั้ง หนุนกระจายอำนาจ-งบประมาณ แซะ ไม่มีใจบันดาลแรง แต่มีแรงบันดาลใจ! ขอ ‘อุตตม’ ตะเพิดลูกพรรคออกนอกลู่ ลั่น ได้เป็นนายกฯ หรือไม่ อยู่ที่ฟ้าลิขิต

 

วันที่ 8 กันยายน 2565 เมื่อเวลา 10.00 น.ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) จัดกิจกรรม #คิดสร้างอนาคตไทย เป็นการเปิดตัว นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในตำแหน่งประธานพรรค สอท. โดยมีผู้บริหารพรรค เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ประธานภาคใต้ นายสุพล ฟองงาม รองหัวหน้าพรรค ประธานภาคอีสาน นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค ประธานกรุงเทพฯ นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค ประธานฝ่ายนโยบาย นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรค ผู้อำนวยการพรรค นายกำพล ปัญญาโกเมศ รองหัวหน้าพรรค ประธานฝ่ายวิชาการ นายนริศ เชยกลิ่น รองหัวหน้าพรรค ละโฆษกพรรค และนายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรค ประธานภาคกลาง

ทั้งนี้ มีการทำป้ายเชียร์ เช่น #ทีมสมคิด #จอมยุทธ์กวง #สุดยอดวิสัยทัศน์ #มือเศรษฐกิจขั้นเทพ โดย นายสมคิดเดินทางมาถึงโรงแรมตั้งแต่เวลา 08.45 น. พร้อมกับ นายณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์ หรือ น้องคลัง บุตรชายคนเล็ก

ขณะที่ นายสมคิด เปิดใจว่า ตนไม่ได้มาคนเดียว มาพร้อมกับลูกชายคนเล็ก นายณฉัตร ชื่อเล่นชื่อ คลัง เป็นลูกที่สวรรค์ส่งมาให้ตน ในขณะที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง น้องคลังเป็นลูกคนเล็ก อายุ 20 ปี เรียนวิศวกรรมศาสตร์ ปี 2 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ตนพามา ไม่ได้พามาเที่ยว แต่พามาเพื่อให้เป็นประจักษ์พยาน ได้เห็นได้รู้ว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดีมันมีจริง ต้องการให้เรียนรู้ว่าการทำพรรคการเมือมันไม่ใช่ของง่าย

ต้องการให้เขาเข้าใจในพ่อของเขาว่าต้องกลับมาช่วยเหลือน้องๆ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นภารกิจหน้าที่ทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งนายกฯ ไม่มีความหมายเลย แต่ที่มีคือ การเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย ประเทศไทยมีนายกฯมาทุกสมัย ดีบ้าง อ่อนบ้าง แต่ยากจริงๆ ที่จะหาผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาบ้านเมือง บางทีไม่ใช่เพราะไม่กล้า แต่พลังไม่ถึง บางคนพลังถึงแต่ไม่คิดที่จะทำ เพราะอาเจนด้ามันมีมากกว่า ฉะนั้น วันนี้มาเพื่อให้น้องคลังได้เห็นสิ่งที่พ่อเขาพยายาม ไม่ว่าจะได้มากได้น้อย มันเป็นเรื่องของชะตาบ้านเมือง

นายสมคิด กล่าวว่า ต้องการให้นิวเจนได้รู้ว่าการเมืองไม่ได้เลวร้าย การเมืองดีก็มี การเมืองที่มุ่งทำงานให้ชาติก็มี คนที่มุ่งทำงานก็มี อย่าคิดว่าการกลับมานั้นหวังแค่นายกฯ ให้คิดเสียใหม่ รู้จักชื่อสมคิดน้อยไป วันนี้มาด้วยสองวัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์แรก มาเพื่อให้กำลังใจพรรค ขอบคุณทางพรรคที่มีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเมืองเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อเป็นหลักยึดแก้ไข เพื่อเป็นอนาคตให้กับคนรุ่นหลาน ซึ่งหายากจริงๆ ไม่คิดถึงอนาคต คิดถึงแต่ปัจจุบัน ถ้าเป็นอย่างนั้นบ้านเมืองไปไม่ได้ ขอบคุณจริงๆ ที่มีความเด็ดเดี่ยวที่กล้าประกาศว่าเป็นพรรคสายกลาง ไม่คิดสุดโต่ง สุดขั้ว เพราะความคิดแบบนั้น แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งกลุ่มมันมีแต่ทำลายตัวเอง ทำลายบ้านเมือง จุดสำคัญคือ คุณต้องเป็นกลาง เพื่อเป็นตัวยึดโยงให้พลังในชาติสามารถเป็นพลังแห่งชาติ คิดในสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อชาติบ้านเมืองเป็นใหญ่

นายสมคิด กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุด ท่านมีความกล้าหาญเพียงพอที่กล้าตั้งพรรคการเมืองในขณะนี้ทั้งที่สถานการณ์ทางการเมืองมันค่อนข้างเละเทะจริงๆ สถานการณ์ที่เงินตราเริ่มเข้ามามีบทบาทสูงมาก การแข่งขันทางการเมืองเริ่มมีลักษณะเหมือนการแข่งขันในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอกที่ต้องมีเจ้าของ และคอกก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงม้า สิ่งเหล่านี้ที่ผ่านมาแม้มีมาตลอด แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทุกคนรู้ว่ามันมีอยู่ โจ่งครึ่มเกินไป เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลย แล้วคนรุ่นหลังจะหันหลังให้การเมืองไทยตลอด จะไม่ได้คนดีเลย รุ่นใหม่จะไม่อยากเข้ามา ฉะนั้น ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ที่จะรวบรวมความคิดอ่านเพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชนคือความกล้าหาญที่แท้จริง ไม่ต้องไปคำนึง ไปกลัวว่าจะได้กี่เสียง จำนวนเสียงไมได้บอกอะไร แต่ศรัทธาของประชาชนคือหัวใจ อย่าคิดว่าเงินตราจะซื้อคอกม้าใหญ่ได้แล้วจะมีพลังในการบริหารประเทศ ถ้าเล่นการเมือง สร้างพรรคการเมือง คิดแต่สร้างผลทางอำนาจ แต่ถ้าไม่มีโครงสร้างทางปัญญา ไม่สั่งสมคนมีความสามารถ สุดท้ายจะไปไม่รอด จะพาบ้านเมืองไปไม่รอดด้วย

“มีคนเคยบอกว่าสมคิดไม่มาแน่นอน เพราะต้นทุนทางสังคมเยอะพอสมควร จะมาอยู่กับพรรคเล็กทำไม ผมมาที่นี่ไม่ใช่เพราะตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ แต่ต้องการช่วยพรรคครั้งนี้ เป็นตัวอย่าง เป็นตัวขับเคลื่อน สร้างความเปลี่ยนแปลงกับประเทศไทยในทางที่ถูกต้อง” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยสถานการณ์หนักกว่าที่คิด และอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ตนจำได้ว่ารัฐบาลที่แล้วเมื่อปี 2557 ก่อนที่ตนจะส่งทีม 4 กุมารเข้าไป จีดีพีเหลือเพียง 1% เพราะมีการรัฐประหาร ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องช่วยกันทำงานจนลากจีดีพีขึ้นมาถึง 3-4% แต่ต่อมาต้องมาเจอพิษโควิด-19 และพิษการเมืองที่แสวงหาอำนาจ แต่ไม่แสวงปัญญา เป็นรัฐบาลผสม หรือบุฟเฟ่ต์คาบิเนต มีที่ไหนที่นโยบายประเทศแบ่งกันตามกระทรวง ทางใครทางมัน ตนจึงวอล์กเอาท์ นี่คือความเป็นจริงของประเทศไทย ทำให้จีดีพีหดตัว วันนั้นเรายังไม่มีปัญหาเรื่องการส่งออก และพลังงาน มาวันนี้การส่งออกเริ่มชะลอตัว เมื่อมองไปข้างหน้า เราจะพบมรสุมลูกใหญ่ แล้วเราจะถึงฝั่งได้อย่างไร

นายสมคิด กล่าวว่า วันนี้เรามีนายกฯ แต่คนไหนตัวจริงยังไม่รู้เลย ที่น่ากังวลเพราะว่าเราต้องการนายกฯจริงๆ อย่างไรก็แล้วแต่ต้องมีจริงๆ เพื่อให้โฟกัสที่ไปตัวผู้นำ ไม่อย่างนั้นใครนำเรือลำนี้ หรือจะให้ข้าราชการนำ ข้าราชการนำไม่ได้ สมัยก่อนนำได้ แต่สิบกว่าปีมานี้ให้หลังไม่ได้ เพราะการเมืองไม่ไหว ทำมากผิดมาก ไม่ทำเลยไม่ผิด คนดีมีความสามารถนิ่งเสียตำลึงทอง ฉะนั้น ทั้งหมดอยู่ที่ผู้นำที่ต้องทุบโต๊ะ ถ้าไม่ช่วยเหลือให้ยุบสภาเลย เก็บไว้ทำไม เมืองไทยจะไปไม่ไหว ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าทำไม่เป็น ไม่ใช่ว่าคนไทยไม่ดี คนไทยมีความอดทนสูงมาก ตนอายุขนาดนี้ คนไทยไม่เคยบ่น ลำบากก็ไม่บ่น เขามองหาความหวังว่าใครจะมาช่วยเขา ที่น่าเป็นห่วงคือ ถ้าเขามองแล้วความหวังไม่มี พรุ่งนี้ไปตายเอาดาบหน้า อันนี้เป็นส่งที่น่าเป็นห่วง ยิ่งวันยิ่งจน เมื่อจนไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ การจะเป็นเหยื่อของการปลุกปั่นเกลียดชังจะเกิดขึ้น เพราะจะมีคนปลุกปั่นอยู่ การปลุกปั่นยุยงให้แตกแยกกันไม่มีใครได้ประโยชน์นอกจากคนปลุกปั่น การเป็นปฏิปักษ์กันเองของคนในชาติเป็นสิ่งที่พรรคนี้อย่าให้เกิดขึ้น ต้องมุ่งมั่น เอาคนดีมาร่วมมือกันทั้งในพรรคและนอกพรรค

นายสมคิด กล่าวว่า อยากให้พรรคนี้พยายามเข้าไปกอบกู้และสร้างอนาคตของประเทศไทย ตนได้ยินว่านายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค จะตั้งกองทุนสร้างอนาคตไทย ตนจึงขอให้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนเร่งด่วน ช่วยเหลือคนยากลำบาก ไม่เช่นนั้นจะอยู่ไม่ได้ ส่วนกองที่สอง คือกองทุนเพื่ออนาคต คนไทยกว่า 60% อยู่ในภาคเกษตรกรรม แต่กลับมีส่วนในจีดีพีน้อย จึงไม่มีอำนาจซื้อ เราจึงต้องเปลี่ยนแปลงและช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ นอกจากนี้ ยังต้องปฏิรูปการท่องเที่ยว และทำให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในชุมชุน เมื่อเชื่อมต่อระหว่างการเกษตรยุคใหม่ และการท่องเที่ยว มีหรือที่ชีวิตความเป็นอยู่จะไม่ดีขึ้น ทั้งนี้ ความผิดไม่ได้อยู่ที่การประกัน หรือการจำนำ แต่อยู่ที่การคอร์รัปชั่น จึงต้องปฏิรูปให้ชัดเจน อนาคตข้างหน้าเครื่องยนต์เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ที่บริษัทใหญ่ๆ แต่อยู่ที่ทุกคน จึงต้องมีเรื่องของอินเตอร์เน็ต บิ๊กดาต้า และเทคโนโลยี กองทุนกองที่สองจะต้องเข้าไปหนุน และยกเครื่องทั้งหมด

“คนทำงานต้องเปลี่ยนทัศนคติ การคอร์รัปชั่นต้องอย่าให้เกิด เมื่อวันที่ 7 กันยายน พรรคสร้างอนาคตไทยได้เสนอให้ผมเป็นประธานพรรค ผมสนับสนุนพรรคในทุกบทบาท และทุกรูปแบบ จึงอยากเข้ามาช่วยสนับสนุน แม้จะมีอายุมากแล้ว แต่ก็เห็นใจน้องๆ เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย คนอย่างผมไม่มีใจบันดาลแรงนะ แต่ผมมีแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยเหลือประเทศไทย สร้างอนาคตให้ประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อตัวเอง สิ่งนี้มาจากความจริงใจของผม ยิ่งมาแข่งเยอะยิ่งดี ตั้งใจจะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับใคร ในระบอบนี้ต้องคิดต่าง แต่เคารพความเห็นซึ่งกันและกัน” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า การกระจายงบ และอำนาจ คือหัวใจของการสร้างความเข้มแข็งของการสร้างเศรษฐกิจภายใน ตนจะสนับสนุนท่าน ถ้าท่านรับปากตน 3 ข้อ คือ ข้อหนึ่งการเสร้างพรรคการเมืองที่ดี ขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ และนโยบาย เป็นพรรคการเมืองเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง แปลว่าพรรคต้องมีช่องทางเกาะเกี่ยวกับประชาชน ให้ประชาชน เข้ามากำหนดการตัดสินใจกับพรรคทั้งในสภา และนอกสภา ต้องไม่ใช่การเมืองที่มีส่วนร่วม 4 วินาที ที่ไทยเป็นอย่างนี้เพราะภาคประชาชนอ่อนแอ

ทั้งนี้ ต้องอย่าแสวงอำนาจ แต่ให้แสวงหานโนยาย องค์ความรู้ และปัญญา สามารถทำงานกับทุกพรรคเพื่อพาชาติให้รอด ข้อที่สอง การเข้าไปกอบกู้เศรษฐกิจ และทำตามที่ตนเสนอ คือการทำงานแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น และระยะยาว และข้อสามที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการเมือง ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่กระบวนการประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นอย่างที่ตนหวังไว้ เพราะทุกเรื่องไม่ได้พ้นเรื่องเงิน

นายสมคิด กล่าวว่า ทั้งนี้ ผู้นำต้องสร้างความเปลี่ยนแปลง พรรคการเมืองต้องร่วมมือสนับสนุน ต้องสามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงการเมืองได้ ไม่ใช่เลือกตั้งกี่ครั้งก็เหมือนเดิม สภาคือหัวใจ ที่ต้องรื้อกฎหมายเก่า และสร้างกฎหมายใหม่ ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงการเมือง จะต้องเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงกติกาเลือกตั้ง แต่ต้องรีฟอร์มครั้งใหญ่ ทั้งการกระจายอำนาจ งบประมาณ และระบบราชการ เพื่อให้ไปสู่ทิศทางข้างหน้าให้ได้ ต้องไม่ใช่จากใครที่มาเขียนรัฐธรรมนูญ ต้องให้คนทุกเพศ ทุกวัยเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงคนรุ่นใหม่ พรรคสร้างอนาคตไทยจะต้องดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะพรรคจะโตขึ้นจากการที่ประชาชนให้การสนับสนุน กลายเป็นพลังที่อยู่ข้างหลัง จนพรรคใหญ่ก็ต้องฟัง

นายสมคิด กล่าวว่า อย่าหวงอำนาจ หวงตำแหน่ง การที่ประสบความสำเร็จ อย่าแสวงหาอำนาจ ต้องแสวงหาคน อย่ามาบอก 7 คน 1 ที่นั่ง ตนไม่ฟัง ถ้ามี ส.ส.คนไหนในพรรคที่เดินออกนอกลู่นอกทาง พร้อมทรยศอุดมการณ์ พร้อมขอนายอุตตมใช้มติกรรมการบริหารพรรคไล่ออกไปเลย เราต้องเป็นพรรคของประชาชนที่แท้จริง ต้องทำให้ดีที่สุด และเราต้องไม่มีศัตรู ต้องมีมิตร เราไม่ได้เก่งคนเดียว คนอื่นเขาก็เก่งเหมือนกันเมื่องไทยรอไม่ได้แล้ว มันถึงจุดนี้ถ้ารอต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง มิเช่นนั้นลูกหลานคงไปอยู่เมืองนอก

“ผมมาที่นี่ อย่าพูดไปเรื่อยๆ ว่าสมคิดต้องเป็นนายกฯ เพราะการเป็นนายกฯ ฟ้าลิขิตครับ แต่ผมพร้อมที่จะเป็นผู้นำให้พวกคุณ ฉะนั้น ถ้าหากว่ายอมรับสิ่งเหล่านี้ได้ ผมพร้อมจะเป็นประธานพรรคให้ท่าน รับหรือไม่รับ” ทำให้นายอุตตม นำสมาชิกลุกขึ้นตะโกนว่า “รับๆ” พร้อมตะโกนว่า “สมคิด”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานยังพบ นายปองพล อดิเรกสาร พร้อมลูกชายคือ นายปรพล อดิเรกสาร มาร่วมงานด้วย นอกจากนี้ ยังมี นายนวกิจ พลวิเศษ บุตรชาย นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา และ นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ และอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรียุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย

จากนั้น เวลา 11.30 น. วันที่ 8 กันยายน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดตัวร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ว่า การมาร่วมงานกับพรรค สอท. เพื่อมาให้กำลังใจ และอธิบายเหตุผลที่จะมาช่วยงานเพราะอะไร โดยทางพรรคเขามาก็รับปาก ก็จะใช้กำลังความสามารถมาช่วยงานพรรค และไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง การสร้างพรรคไม่ใช่มาแข่งขัน แต่ต้องการแสวงหาความร่วมมือ ความสามารถของทุกคน ทั้งภายในและนอกพรรคมาช่วยกันและพร้อมร่วมกับพรรคอื่น

ที่ทำงานแก้ไข ปัญหาในขณะนี้รวมถึงวางรากฐานอนาคต เพราะเราช้าไปแล้ว และเพื่อนบ้านแซงไปแล้ว ไม่อยากเห็นประเทศแย่ไปกว่านี้ เวลานี้สิ่งสำคัญคือเราต้องจัดเตรียมชุดความรู้เอาไว้ และต้องให้กำลังใจรัฐบาลทำให้ดีที่สุด จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง แล้ววันนั้นประชาชนจะตัดสินใจเองว่าใครจะมาอยู่ในสภา วันนี้จึงมาให้กำลังใจและรวมพลังให้และรับปากว่าจะเป็นประธานพรรค

เมื่อถามว่า จะมาเป็นแคนดินายกรัฐมนตรี ของพรรคสอท. หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า เป็นกลไกในพรรค เราทำพรรคก็เห็นว่าพร้อมและเป็นประโยชน์ที่จะช่วยได้ ยินดีในทุกบทบาท แต่ที่สำคัญคือประชาชนต้องการหรือไม่ ถ้าส่วนใหญ่ต้องการให้กลับมา นำพาคนที่มีความสามารถเพื่อช่วยประเทศชาติ มาทำงานร่วมกับคนอื่น พรรคก็ต้องพร้อมที่จะเสนอตนและตนก็พร้อมที่จะช่วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเวลาเลือกตั้งมาถึงหรือยัง และพรรคพร้อมหรือยัง ส่วนตนพร้อมอยู่แล้ว และต้องการให้พรรคเข็มแข็ง เป็นตัวเอง เกาะเกี่ยวอยู่กับประชาชน และพรรคจะเข็มแข็งเอง พรรคที่ตั้งใหม่ จากต้นกล้าเป็นต้นใหญ่ ต้องใช้เวลา และพรรคที่เป็นต้นกล้าก็เป็นความหวังทั้งนั้น

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าการเมืองเหมือนสนามม้า ที่ต้องซื้อม้าเข้าคอก พรรค สอท. จะเป็นแบบนั้นหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า เราจะพูดถึงอนาคต จะไม่พูดอดีต และไม่ขัดแย้งกับใคร พูดสิ่งที่เป็นจริง ทำในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง จะทำให้คนรุ่นหลังรู้คนการเมืองที่ดีทำได้ แม้จะลำบากไม่ต้องใช้เงินก็ทำได้ และอยากทำให้เป็นตัวอย่าง