อ้างหวั่นแทรกแซง เผด็จการพม่า สั่งห้ามพรรคการเมืองพบปะต่างชาติ-องค์กรระหว่างประเทศ

แค่เริ่มก็สัญญาณไม่ดี! รัฐบาลเผด็จการทหารพม่าสั่งห้ามพรรคการเมืองพบปะ-ประชุม ชาวต่างชาติและองค์กรระหว่างประเทศ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปปีหน้า อ้างโยงแทรกแซงเลือกตั้งปี 63 จนเกิดการโกง

 

วันที่ 13 ส.ค.เอเอฟพีรายงานว่า รัฐบาลทหารพม่าควบคุมพรรคการเมืองในการพบปะประชุมกับชาวต่างชาติหรือองค์กรระหว่างประเทศก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งสหภาพภายใต้รัฐบาลทหารออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ส.ค.ตามเวลาท้องถิ่นว่า พรรคการเมืองที่ลงทะเบียนจำนวน 92 พรรคจะต้องขออนุญาตหากต้องการที่จะพบปะกับองค์กรหรือบุคคลชาวต่างชาติ พรรคการเมืองจำเป็นต้องเคารพกฎหมาย หากพรรคการเมืองล้มเหลวที่เคารพกฎหมาย พรรคการเมืองดังกล่าวจะถูกยุบ

คณะกรรมการการเลือกตั้งเมียนมายังกล่าวหาสถานทูตต่างชาติและองค์กรระหว่างประเทศที่ไม่ใช่องค์กรของรัฐบาลแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปี 2563 ที่ลงเอยเกิดการฉ้อโกงขึ้น

ด้านพรรคการเมืองในพม่ากำลังวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งใหม่ดังกล่าวอย่างรุนแรง นายโซ ธูรา อดีตส.ส.พรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือเอ็นแอลดีของนางออง ซาน ซู จีที่อยู่ระหว่างถูกคุมขังระบุว่า คำสั่งไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของการรวมกลุ่มและไม่ถูกต้องเหมาะสมที่จะควบคุมพรรคการเมือง

นายโกโก ยี หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่าประกาศคำสั่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและไม่ได้เป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าของเมียนมา และเชื่อว่าจะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประชาชนเมียนมาและความไว้วางใจของประชาคมระหว่างประเทศในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงและระบอบประชาธิปไตย

ทั้งนี้ ข้ออ้างว่าต่างชาติแทรกแซงการเลือกตั้งปี 2563 นั้น คาดว่าเป็นผลจากการเลือกตั้งที่ผ่านมานั้น ประชาชนพม่าเทคะแนนเลือกพรรคเอ็นแอลดีชนะแบบถล่มทลายเหนือพรรคการเมืองที่เป็นของฝั่งทหารพม่าจนทำให้ที่นั่งในสภาของฝั่งทหารเหลือน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางการเมืองในพม่า จนเกิดกระแสปลุกระดมโจมตีการเลือกตั้งว่าไม่โปร่งใส นำไปสู่อีกก้าวคือการก่อการรัฐประหารยึดอำนาจในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ก่อนที่จะมีการประชุมสภาครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง และในช่วงวิกฤตการเมืองภายใต้รัฐบาลเผด็จการทหารพม่า ก็ถูกประชาคมระหว่างประเทศคว่ำบาตรทางการเมือง และถอนธุรกิจออกจากพม่า ยกเว้นเพียงรัสเซียและจีนที่รัฐบาลทหารพม่ายังคงมีความสัมพันธ์อันดี โดยรัสเซียในแง่การทหารและจีนในด้านเศรษฐกิจ