“อนุดิษฐ์”ชี้ควบรวมทรู-ดีแทค ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ กสทช. กฏหมายกำหนดอำนาจให้แล้ว

“อนุดิษฐ์”ชี้ควบรวมทรู-ดีแทค ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ กสทช.จะควบรวมหรือไม่ กฏหมายกำหนดอำนาจให้แล้ว เชื่อเป็นผลดีทอดเวลาพิจารณาไปอีก1เดือนสะท้อน กสทช.รับฟังเสียงของภาคประชาชน

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบกรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคม ระหว่าง True กับ DTAC และการค้าปลึก – ค้าส่ง สภาผู้แทนราษฏร กล่าวว่าคณะกรรมาธิการศึกษาและทำรายงานสรุปผลการศึกษาส่งให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯแล้ว ก่อนจะรายงานผลการศึกษาให้ที่ประชุมสภาฯรับทราบ ทั้งนี้ตาอดการพิจารณากรรมาธิการได้เรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงครบถ้วน ทั้งทรู-ดีแทค และเอไอเอส รวมถึง กสทช. รวมถึงคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ที่มีกฎหมายควบคุมการควบรวมกิจการได้เข้ามาชี้แจงกับกรรมาธิการ ทำให้ รายงานผลการศึกษาครั้งนี้มีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ซึ่งการศึกษาคณะกรรมาธิการเห็นตรงกันตั้งแต่เรื่องการพิจารณาควบรวมแต่เพราะไม่มีอำนาจที่จะอนุมัติหรือตัดสินเพราะมีหน่วยงานที่กำกับดูแลตามกฏหมายอยู่แล้ว กรรมาธิการมีหน้าที่แค่ศึกษาผลกระทบที่มีทั้งด้านบวกและ ลบ และเชื่อว่าผลการศึกษานี้จะเป็นประโยชน์โดยเฉพาะกับ กสทช. ที่จะตัดสินใจว่าจะมีมติให้ควบรวม ทรู-ดีแทค หรือไม่
โดยในรายงานชุดนี้จะมีทั้งประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นและโทษซึ่งส่วนที่เป็นประโยชน์ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องเอาไปพิจารณาส่วนเรื่องที่เป็นโทษหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแล เมื่อมีอำนาจอยู่เต็มมือก็ไม่ควรปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้เสียประโยชน์ พร้อมย้ำว่าการพิจารณาของกรรมาธิการได้ยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นตัวตั้ง เมื่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศดังนั้นอุตสาหกรรมและประชาชนจะต้องไปด้วยกันได้ ซึ่งกรรมาธิการได้พิจารณาศึกษาครอบคลุมทั้งทุกมิติ
และหากท้ายที่สุดดีลควบรวมนี้เกิดขึ้นจริงผู้บริโภคอาจจะแบกรับภาระค่าบริการสูงถึง200%
“กสทช.ที่มีอำนาจอยู่ สามารถออกเงื่อนไขพิเศษจะไปกำกับควบคุมไม่ให้ผู้บริการขึ้นค่าใช้จ่ายและค่าบริการได้ตามอำเภอใจ การจะควบรวมหรือไม่จึงขึ้นอยู่กับอำนาจใน ตัดสินใจของคนที่มีอำนาจอยู่ในมือนั่นคือ กสทช. “ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

พร้อมย้ำว่า กรรมาธิการคือตัวแทนของประชาชน การศึกษาของกสทช.ต้องรับฟังรายงานของกรรมาธิการ ทั้งนี้ได้ส่งรายละเอียดและความกังวลไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อให้พิจารณาและเห็นผลการศึกษาที่เป็นเสียงสะท้อนของประชาชนประกอบไปด้วย

ส่วนการยืดเวลาพิจารณาการควบรวม ออกไปในวันที่10 ก.ย.นั้นสะท้อนว่า กสทช.ก็รับฟังเสียงและข้อมูลของฝ่ายที่เห็นต่าง ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อการพิจารณา เพื่อให้การจารณา เป็นไปอย่างรอบคอบรวมถึงเรื่องผลประโยชน์ของประชาชนจึงเป็นวิสัยที่ควรกระทำของ กสทช.

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัว เห็นว่ากฏหมาย ได้กำหนดอำนาจให้ กสทท.ค่อนข้างที่จะควบคุมและชัดเจนแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับการตีความและผู้บังคับใช้กฏหมายนี้ใช้ระเบียบข้อบังคับด้วยความจริงจังและจริงใจในการจะนำเอาอำนาจของตัวเองมากำกับดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนหรือไม่
จึงอยากจะส่งเสียงนี้ไปถึงคณะกรรมการ กสชท.ทุกคนว่าขณะนี้สัมคมและประชาชนกำลังจับตาเฝ้าดูการทำหน้าที่ของท่านอยู่ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตการตัดสินใจจะให้เกิดการควบรวมหรือไม่ควบรวม ได้บังคับใช้กฎหมายอยู่ในอำนาจหน้าที่ที่ถูกต้องและมีความจริงใจกับการดำเนินการครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งในรายงานของกรรมาธิการได้ตั้งข้อสังเกตและส่งไปให้ กลชท.เป็นที่เรียบร้อยแล้วร้อยแล้ว