วันที่ 12 ตุลาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำล่าสุดตรวจสอบพบว่าน้ำจากภาคเหนือที่ไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวัดได้ 2,696 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้เขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นเป็น 2,481 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนตั้งแต่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ลงไป จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก 25-30 ซม. โดยพื้นที่ อ.สรรพยา มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้วกว่า 700 หลัง

จากระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวบ้านใน 3 ตำบลของ อ.สรรพยา คือ ต.ตะหลุก ต.หาดอาษา และ ต.โพนางดำออก ทำให้ชาวบ้านต่างอพยพขึ้นมาจับจองที่พักริมถนนซึ่งเป็นพื้นที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง เพื่อนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องมือการเกษตร ทรัพย์สินต่างๆ ขึ้นมาหนีน้ำ และปลูกเพิงพักชั่วคราวเพื่อใช้หลับนอน เพราะไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าแนวกั้นน้ำจะพังลงตอนไหน การนอนริมถนนจึงเป็นทางเลือกของชาวบ้านกว่า 300 หลังคาเรือนในขณะนี้

นายเรวัต ประสงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ได้ออกประกาศแจ้งเตือนแล้ว และยังได้กำชับในเรื่องการเดินเรือสินค้าและเรือติดเครื่องยนต์ทุกชนิดที่เดินเรือผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และแม่น้ำป่าสัก ให้ระมัดระวังเรื่องขนาดบรรทุกและความเร็ว เพื่อลดผลกระทบคลื่นกระแทกฝั่งให้น้อยลง รวมถึงให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมอุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ และเร่งสำรวจท่าเรือต่างๆ ให้มีความปลอดภัย

ด้านนายไพรัตน์ เพชรยวน นายอำเภอบางปะอิน ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเข้าตักเตือนเรือลำเลียงสินค้าให้ปฏิบัติตาม เพราะว่ามีชาวบ้านร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก เช่น ชุมชนในเขตตำบลบ้านพลับ ที่แจ้งว่าคลื่นจากเรือบรรทุกสินค้ากระแทกเข้าไปที่บ้านถูกน้ำท่วม จนเกรงว่าจะเป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการเดินเรือรับปากว่าจะปฏิบัติตาม