เลขาธิการพรรคกล้า ชี้การใช้ทุนสำรองสู้สงครามการเงิน เสี่ยงซ้ำรอยวิกฤติปี 40

อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรคกล้า เสนอทฤษฎี “ไม้เสียบลูกชั้น” เสนอเครื่องมือทางการเงิน กำหนดส่วนต่างดอกเบี้ยเพื่อ กดราคาดอกเบี้ยเงินกู้ลงมา แลกกับแก้กฎหมายขั้นตอนการบังคับคดีให้รวดเร็วขึ้นตามมาตรฐานสากล 

 

นายอรรถวิชช์  สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงเครื่องมือทางเศรษฐกิจ ว่า เครื่องมือเดิมที่ใช้มาทุกรัฐบาล มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เราใช้วิธีเก่ามาใช้แก้ไขวิกฤตใหม่ไม่ได้แล้ว เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนโฉมแบบฉับพลัน โลกไม่ได้ร่มเย็นเหมือน 30 ปีที่แล้ว สิ่งแวดล้อมแย่ลง โรคระบาดใหม่ที่อุบัติต่อเนื่อง ทั้งโควิด-19 และฝีดาษลิง โลกมีสงครามจริงที่ไม่ใช่สงครามเย็น พลังงานฟอสซิลกำลังจะถูกแทนที่ ประเทศน้ำมันตีรวนราคาผันผวน เงินเฟ้อกระจายทั่วโลกผ่านเสรีทางการเงิน

เครื่องมือทางการเงิน เรื่องดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน ภายใต้เสรีโลกเสรีทางการเงิน แบงค์ชาติควบคุมได้ลำบาก จะใช้ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศเข้าไปสู้กระแสโลก เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยหรืออุ้มค่าเงิน ก็จะเสี่ยงเงินหมดคลังเหมือนยุคปี 40 แต่รัฐบาลก็ยังไม่กล้าลองวิธีใหม่ คือการคุม Spread ส่วนต่างดอกเบี้ยฝากกับกู้ที่ห่างกันเยอะ ธนาคารกำไรมากไป

“ปัจจุบันธนาคารลดค่าใช้จ่ายปิดสาขาเปลี่ยนมาทำออนไลน์แล้ว ต้องลองถามเค้าดู ถ้ารัฐออกกฏหมายเป็น Package แบบไม้เสียบลูกชิ้น กำหนดส่วนต่างดอกเบี้ยเพื่อกดราคาดอกเบี้ยเงินกู้ลงมา แลกกับแก้กฎหมายขั้นตอนการบังคับคดีให้รวดเร็วขึ้นตามมาตรฐานสากล เพื่อลดต้นทุนเค้า แบงค์พาณิชย์ เอาไหม”

เครื่องมือทางการคลัง เรื่องภาษี รายจ่ายภาครัฐ หนี้สาธารณะทะลุเพดานไปหมดแล้วจนต้องขยายจาก 60% เป็น 70% ต่อ GDP , ภาระหนี้กึ่งการคลังที่ใช้เงินผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจอย่าง ธกส. ออมสิน ต้องเพิ่มเพดานจาก 30% เป็น 35% เพื่อใช้ในโครงการประกันรายได้ สรุปหนี้รัฐสูงมาก จะใช้วิธีอัดเงิน ประชานิยมต่อไปโดย ไม่คิดหาเงินไม่ได้แล้ว

ทางแก้ต้องปรับระบบราชการ รัฐจะต้องมองเอกชนเป็นหุ้นส่วน ส่งเสริมธุรกิจที่คิดว่าจะเป็นจุดแข็งของประเทศ ดันไปให้โตเร็วที่สุดด้วยทฤษฎี “ไม้เสียบลูกชิ้น” ทะลุทุกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค อย่างเช่นด้านการท่องเที่ยว เราได้เปรียบกว่าประเทศอื่นอยู่แล้ว การสาธารณสุขก็พร้อม หลายพื้นที่สามารถพัฒนาเป็น Wellness Tourism การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เชื่อมโยงโรงพยาบาลกับธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เที่ยวไปด้วยทั้งรักษาตัวไปด้วย เสริมความงามไปด้วย ด้านนี้เราลำดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐและเกาหลีใต้

รายได้จะไปถึงโฮมสเตย์ ของชาวบ้านคนตัวเล็ก ด้วยการออกเป็นกฎหมายสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เสียบทะลุข้อจำกัดให้หมด เช่น ใบอนุญาตสถานพยาบาล การส่งเสริมด้านการเงินและข้อมูล การปรับปรุงอารยสถาปัตย์ รองรับคนได้ทุกรูปแบบ หรือเรื่องใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมที่หลากหลายของ อบจ. และมหาดไทย

“กรณี ท่านนายกฯ ประกาศว่าประเทศไทยจะเป็นฮับการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV ก็ต้อง ออกกฎหมายส่งเสริมแบบเสียบลูกชิ้น เช่นกัน เช่น กระทรวงคมนาคมต้องกล้าฟันธงใช้รถขนส่งสาธารณะแบบ EV , กระทรวงพลังงานชัดเจนเรื่องจุดเติม , กรมการขนส่งทางบกออกเกณฑ์ทำลายรถที่ไม่มีทะเบียนให้เร็วขึ้น, กรมสรรพสามิตรลดภาษีแลกรถเก่า และ กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องส่งเสริมโรงงานแยกถอดรีไซเคิลรถยนต์ แบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันมีแค่ 4 โรง ไม่สามารถรองรับการเติบโตได้ทัน”

“ทฤษฎีไม้เสียบลูกชิ้น นำมาใช้ได้กับการบริหารราชการได้ในทุกเรื่องที่ต้องการจะส่งเสริมรวมไปถึงด้านการเกษตร และอื่นๆ ราชการไทยถึงเวลาปฏิรูปจริงจัง ต้องเน้นที่เป้าหมาย” นายอรรถวิทย์ กล่าว