‘ศักดิ์สยาม’ โต้เดือด ยันขายหุ้น ‘บุรีเจริญ’ ให้เพื่อนจริง แจงงบลงบุรีรัมย์ เป็นไปตามเกณฑ์

‘ศักดิ์สยาม’ ลุกแจง โต้เดือด ส.ส.ก้าวไกล ยันขายหุ้นหจก.บุรีเจริญ ให้เพื่อนจริง เผยเหตุไม่แสดงบัญชีทรัพย์สิน ส่วนเรื่องงบลงบุรีรัมย์ เป็นไปตามหลักเกณฑ์

 

วันที่ 20 ก.ค.65 เมื่อเวลา 11.45 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี วันที่สอง ที่มี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงกรณีที่มีสมาชิกอภิปรายปัญหาข้อพิพาทที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริเวณเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ วานนี้ (19 ก.ค.) ว่าเป็นประเด็นที่เคยหยิบยกมาอภิปรายแล้วหลายครั้ง ปัญหาที่ดินเขากระโดงเกิดขึ้นมายาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2052 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ์ของกรมที่ดินและรฟท. ยืนยันว่า ตนไม่เคยแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานภายใต้กระทรวงคมนาคม โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายมาตลอด

ตนกำชับให้รฟท. ต้องทำทุกอย่างภายใต้หลักกฎหมาย และหลักธรรมาภิบาล พร้อมยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา ตนเป็นเพียงผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ ทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ตามขั้นตอนกฎหมาย นอกจากนี้ ในหนังสือสั่งการตนได้ลงนามให้รฟท. ติดตามความก้าวหน้า และการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ให้ปฏิบัติด้วยความเท่าเทียมเสมอภาค โปร่งใส และในฐานะที่รฟท.เป็นหน่วยงานของรัฐ การที่จะให้รฟท. ไปฟ้องร้องประชาชนที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยชอบจากหน่วยงานรัฐ ถือว่าไม่เป็นธรรมต่อประชาชน

แต่สิ่งที่รฟท. ต้องดำเนินการคือต้องพิสูจน์สิทธิ์ ซึ่งขณะนี้รฟท. เชื่อว่าการออกเอกสารสิทธิ์ของกรมที่ดินมีความคลาดเคลื่อน ทำให้ขณะนี้ทางรฟท.ได้มีคำร้องไปที่ศาลปกครองเพื่อให้มีกระบวนการวินิจฉัยเรื่องนี้

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่ต้องฟ้องต่อศาลปกครอง เนื่องจากศาลปกครองสามารถมีคำสั่งให้เพิกถอนที่ดินทั้งแปลงได้ จะทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว และรัดกุม ไม่ให้ที่ดินส่วนหนึ่งส่วนใดตกหล่น และกระบวนการมีเพียง 2 ศาล คือ ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุด โดยรฟท.ใช้สิทธิ์ฟ้องกรมที่ดินในฐานะนายทะเบียนต่อศาลปกครอง ซึ่งขณะนี้ศาลรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว

ตนคิดว่าเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการปกครองประเทศ เราต้องเชื่อมั่นในกระบวนการพิจารณา และคงต้องรอคำวินิจฉัยศาลเพื่อปฏิบัติไปตามนั้น ขอให้ทุกท่านพึงระวังในการวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจก้าวล่วงหรือละเมิดอำนาจศาล ซึ่งคิดว่าท่านต้องให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ในการอภิปรายของสมาชิกมีการพาดพิง นายชัย ชิดชอบ บิดาของตน ว่าจริงๆแล้วเคยไปเช่าที่ดิน ซึ่งยอมรับว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของรฟท.จริง แต่เป็นคนละแปลงกับที่ดินเลขที่ 3466 ซึ่งสมาชิกหยิบยกมา พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีการถ่วงเวลาในที่ดินของนายเอ ตามที่สมาชิกได้อภิปราย

โดยรฟท.ดำเนินการตามกระบวนการทุกขั้นตอน คือต้องมีการสืบทรัพย์สินของนายเอ มีการตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งรฟท. ต้องรอ เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมบังคับคดี ไม่มีการละเว้นหรือเลือกปฏิบัติกับใคร ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ

แจงขายหุ้น หจก.บุรีเจริญ ให้เพื่อน

รมว.คมนาคม กล่าวถึงการขายหุ้นหจก.บุรีเจริญ ของตน ที่ผู้อภิปรายกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าเป็นการซื้อขายปลอม เพื่อให้ตนได้ประโยชน์ในโครงการของกระทรวงคมนาคม ว่าเรื่องนี้มีการซื้อขายกันจริงกับนายศุภวัฒน์ เพื่อนของตน ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.61 มีการโอนเงินเสร็จเรียบร้อย มีหลักฐานยืนยันจากธนาคาร โดยมีการโอนเงิน 3 ครั้ง คือ วันที่ 2 ส.ค.60 วันที่ 5 ก.ย.60 และครั้งสุดท้ายวันที่ 5 ม.ค.61 รวม 119 ล้านบาท

ซึ่งมีการดำเนินการซื้อขายจริง และมีการจัดการเรื่องการเปลี่ยนหนังสือรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.61 แสดงให้เห็นว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ หจก.บุรีเจริญ อีกเลย ดังนั้น หจก.บุรีเจริญ จะไปดำเนินกิจกรรมหรือธุรกรรมอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับตน

นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า ส่วนทำไมการซื้อขายหุ้นไม่ยื่นหลักฐานไปที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้านั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ กรณีเดียวที่ต้องยื่นคือการเพิ่มทุนจดใหม่ นอกจากนั้นไม่ต้องยื่น ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค.61 ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจกับ หจก.บุรีเจริญ แต่อย่างใด ส่วนเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นเป็นเรื่องส่วนตัวของตนว่าจะนำไปใช้อะไร ส่วนที่ไม่มีการรายงานเป็นบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะกิจกรรมทุกอย่างเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้าสู่ตำแหน่ง คือก่อนวันที่ 5 พ.ค.62 ซึ่งยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหจก.

โต้เทงบลงบุรีรัมย์

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการต่างๆของกระทรวงคมนาคมนั้น ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการฮั้วประมูล ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง ได้ให้นโยบายกับข้าราชการให้ปฏิบัติงานเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลักธรรมาภิบาล และต้องรับฟังความเห็นของประชาชน ดังนั้น การฮั้วประมูลจึงเป็นไปไม่ได้

ส่วนการกล่าวหาว่ากระทรวงคมนาคม จัดงบกรมทางหลวงชนบทไป จ.บุรีรัมย์ มากผิดปกตินั้น ในการจัดทำงบประมาณย้อนหลังไป 10 ปี ตั้งแต่ปี 2557 – 2566 จะเห็นว่ากระทรวงคมนาคมของบประมาณมากทุกปี แต่จะได้รับการจัดสรรไม่เกิน 1 ใน 3 ซึ่งการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ กรมทางหลวงชนบทจะเสนอโครงการที่มีความพร้อม และจำเป็นเร่งด่วนมายังกระทรวง โดยมีคณะทำงานพิจารณาโครงการก่อนที่เรื่องจะมาถึงตน และลงนามเสนอไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนหลักเกณฑ์ ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีเรื่องการสั่งการว่างบต้องไปลงตรงไหน

และถ้าเปรียบเทียบย้อนหลัง 10 ปีที่ผ่านมา จ.บุรีรัมย์ ไม่ได้มีงบมากกว่าหากเทียบเคียงจังหวัดอื่น ส่วนงบประมาณที่สูงขึ้นในช่วงท้ายๆ เพราะในอดีต จ.บุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียงได้รับการจัดสรรน้อย ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนา ซึ่ง จ.บุรีรัมย์ พัฒนาโดยภาคเอกชนก่อให้เกิดการสร้างงาน การท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงต้องสร้างระบบคมนาคมไปรองรับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งไม่มีการกระจุกตัวแต่อย่างใด

ส.ส.ก้าวไกล ฟาดเดือด ฟังไม่ขึ้น!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายการชี้เเจงของนายศักดิ์สยาม เกิดการปะทะคารมกัน เนื่องจากนายศักดิ์สยาม ระบุว่า ก่อนจะจบฝากเรียนเชิญ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถ้ามีเวลาไปที่กระทรวงคมนาคมจะได้หารือกัน เมื่อวานนี้นั่งฟังสมาชิกอภิปรายกล่าวหาตน 4 ชม.กว่า เรื่องที่ดินรถไฟ เรื่องการขายหุ้น หจก.บุรีเจริญ หรือเรื่องจัดสรรงบต่างๆ อยากให้ดูข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนอภิปราย เพราะประชาชนฟังทั้งประเทศ ถ้าได้ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์จะทำให้เกิดความเสียหายกับหลายส่วน ยืนยันว่า ที่อภิปรายกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น

ทำให้ นายสุรเชษฐ์ ลุกขึ้นขออภิปรายสวนเเบบทันควัน ระบุว่า หลายประเด็นที่นายศักดิ์สยามพยายามชี้เเจงฟังไม่ขึ้น