อาเบะ : อดีตเพื่อนร่วมงานเผยนิสัยผู้ก่อเหตุ พรรคแอลดีพีจ่อชนะถล่มทลาย

พรรครัฐบาลญี่ปุ่นจ่อได้รับชัยชนะถล่มทลาย หลัง ‘อาเบะ’ ถูกลอบสังหาร อดีตเพื่อนร่วมงานเผยนิสัย ‘มือยิงอาเบะ’ พูดน้อย-กินข้าวคนเดียวในรถ

 

พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลญี่ปุ่นในปัจจุบัน มีแนวโน้มที่จะได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งสภาสูงที่มีขึ้นในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ หลังเหตุลอบสังหารนายชินโสะ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด ผู้ซึ่งเป็นนักการเมืองที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากชาวญี่ปุ่น รวมถึงเป็นผู้กุมอำนาจคนสำคัญในพรรค

การเลือกตั้งสภาสูงซึ่งมีอำนาจน้อยกว่าสภาล่างมักถูกมองว่าเป็นการลงประชามติต่อรัฐบาลปัจจุบัน ขณะที่ผลสำรวจความเห็นล่าสุดชี้ว่าพรรคแอลดีพี ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การนำของนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดนายอาเบะ ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง

นักวิเคราะห์การเมืองคาดการณ์ว่า พรรคแอลดีพีและพรรคโคเมอิโตะ ซึ่งเป็นพันธมิตรจะได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ ท่ามกลางความเห็นอกเห็นใจจากผู้มีสิทธิ์ออกเสียง ในห้วงเวลาที่ชาวญี่ปุ่นยังคงเสียใจต่อการจากไปของนายอาเบะ

หน่วยเลือกตั้งจะเปิดให้มีการละคะแนนในเวลา 07.00-20.00 น. ของวันนี้ ขณะที่สื่อญี่ปุ่นรายงานว่ามีผู้ไปใช้สิทธิล่วงหน้าแล้วราว 15.3%

ขณะที่สำนักข่าวเกียวโด รายงานถึงอดีตเพื่อนร่วมงานของนายเท็ตสึยะ ยามากามิ มือปืนที่ก่อเหตุสังหารนายชินโสะ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แทบจะไม่เชื่อว่าคนธรรมดาอย่างนายยามากามิจะเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีอันสยดสยองที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วญี่ปุ่นและทั่วโลก

อดีตเพื่อนร่วมงานของเขาในจงหวัดเกียวโต ซึ่งเป็นงานล่าสุดที่ยามากามิทำเป็นเวลาประมาณ 1 ปีครึ่งบอกว่า ยามากามิดูเป็นคนเอาจริงเอาจัง ก่อนที่จะกลายเป็นคนที่ชอบโต้เถียงและขาดงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นสาเหตุให้เขาต้องออกจากบริษัทในทันที

พนักงานอาวุโสของโรงงานที่มายากามิเคยทำงานอยู่ระบุว่า ยามากามิได้รับการว่าจ้างผ่านหน่วยงานเกี่ยวกับการจัดส่งสินค้าเมื่อเดือนตุลาคม 2563 และได้รับมอบหมายให้ทำงานในแผนกขนส่งสินค้า เนื่องจากเขามีใบอนุญาตขับรถยก ดังนั้นหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายคือการขนส่งสินค้า

“ถ้าคุยกับเขาเรื่องงาน เขาจะตอบ แต่เขาไม่เคยพูดถึงชีวิตส่วนตัวของตัวเอง และดูเหมือนเขาจะเป็นคนสุภาพ”อดีตเพื่อนร่วมงานอาวุโสกล่าว และว่า ยามากามิมักจะกินอาหารกลางวันคนเดียวในรถ ถ้าจะคุยกับเขาก็มีหัวข้อที่จะพูดคุยกันน้อยมาก

ในช่วงของการทำงาน 6 เดือนแรก เขาไม่มีทัศนคติที่มีปัญหาใดๆ ต่อการทำงาน แต่รอยร้าวก็เริ่มปรากฎขึ้น เขาละเลยการทำงานของตนเองทีละน้อย ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องตักเตือนเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ช่วงต้นปี 2565 บริษัทขนส่งแห่งหนึ่งได้เรียกร้องให้ยามากามิปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรฐานในใช้วัสดุกันกระแทกเพื่อการป้องกันสินค้าที่ขนส่งในรถบรรทุก แต่ยามากามิกลับแย้งว่าวิธีการที่เขาทำก็ใช้ได้อยู่แล้ว ทำให้ในเวลาต่อมาบริษัทดังกล่าวได้ยื่นคำร้องให้ถอดเขาออกจากตำแหน่ง พนักงานที่ทำงานมานานก็ยังวิพากษ์วิจารณ์วิธีของเขา ซึ่งบางครั้งยามากามิก็ตอบโต้ด้วยการเผชิญหน้า

แม้เขาจะไม่เคยมีปัญหาเรื่องการตรงต่อเวลาหรือการเข้างาน แต่เขาเริ่มหยุดโดยไม่ได้รับอนุญาตตั้งแต่เดือนมีนาคม และบ่นว่ามี “ปัญหาเรื่องหัวใจ” รวมถึงปัญหาทางร่างกายอื่นๆ โดยเขาได้ใช้วันลาตามสิทธิทั้งหมด ก่อนที่สัญญาจ้างงานของเขาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ยามากามิได้ก่อเหตุช็อกโลกเพียงไม่ถึง 2 เดือนหลังจากนั้น ซึ่งทำให้อดีตเพื่อนร่วมงานของเขาบอกว่า รู้สึกช็อกมากและประณามการกระทำของเขาว่าขัดต่อเสรีภาพในการแสดงออก ตอนที่มีปัญหาในที่ทำงานเกี่ยวกับสิ่งที่ยามากามิทำ มันไม่เคยกลายเป็นการใช้ความรุนแรงแม้แต่ครั้งเดียว ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่คนประเภทที่จะทำเรื่องอะไรใหญ่โตแบบนี้

ขณะที่บริษัทจัดสั่งซึ่งเป็นผู้สัมภาษณ์ยามากามิซึ่งเป็นผู้แจ้งข่าวให้เขาทราบเมื่อถูกยกเลิกจ้างงานบอกว่า ยามากามิเป็นคนที่ไม่พูดเยอะ เขาดูเป็นคนที่มีความรู้สึกมืดมนสิ้นหวังเล็กน้อย แต่ก็เป็นเรื่องปกติทั่วๆ ไป จึงไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงทำอะไรแบบนี้