ปลัดมท.ตามคืบหน้างานพัฒนากร 18 อำเภอในสกลนคร ย้ำ “พัฒนาคน” หน้าที่สำคัญ

ปลัดกระทรวงมหาดไทยติดตามขับเคลื่อนงานพัฒนากร 18 อำเภอของจังหวัดสกลนคร เน้นย้ำ หน้าที่สำคัญของคนมหาดไทยและพัฒนากรทุกคน คือ “การพัฒนาคน” ให้คนไปพัฒนาครอบครัว ครอบครัวไปพัฒนาชุมชน เพื่อให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน

 

วันนี้ (28 มิ.ย. 65) เวลา 12:45 น. ที่โรงเรียนบ้านดอนกอย อ.พรรณนานิคม จ.สกลนคร นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ประชุมติดตามการขับเคลื่อนและมอบแนวทางการทำงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยให้กับพัฒนาการอำเภอในพื้นที่จังหวัดสกลนคร โดยมี นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร นายวรงค์ แสงเมือง ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน นายสุรพล แก้วอินธิ พัฒนาการจังหวัดนครพนม พัฒนาการอำเภอทั้ง 18 อำเภอของจังหวัดสกลนคร ร่วมประชุม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า พัฒนากรต้องทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนให้ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่กระทรวงมหาดไทยคาดหวังดังวิสัยทัศน์ของกรมการพัฒนาชุมชนที่ว่า “เศรษฐกิจฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้” พร้อมทั้งสนับสนุนการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจของกระทรวงมหาดไทยในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชน ด้วยการบูรณาการระดมองค์ความรู้และทรัพยากรบุคคลในพื้นที่ สนับสนุนการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชน รวมถึงติดตาม สนับสนุน และประเมินผลสัมฤทธิ์ของงาน พร้อมทั้งให้คำแนะนำแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการระดมสรรพกำลังภาคีเครือข่ายผู้ที่มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ จากทุกสาขาวิชาชีพ รวมทั้งพี่น้องประชาชนผู้มีจิตเสียสละ และนำความรู้ความสามารถและประสบการณ์มาถ่ายทอดให้กับพี่น้องประชาชนในอำเภอ ในหมู่บ้าน/ชุมชน ในตำบล เพื่อส่งเสริมบทบาทของท่านนายอำเภอ ในฐานะ “ผู้นำของอำเภอ” ในการ “พัฒนาคน” ให้คนไปพัฒนาครอบครัว ครอบครัวไปพัฒนาชุมชน

“เราต้องมุ่งมั่นทำงานเป็นทีม เป็นส่วนหนึ่งของ “ทีมนายอำเภอ” ที่ต้องรับผิดชอบงานให้ดีที่สุดโดยยึดหลักการทำงาน 3 องค์ประกอบที่เรียกว่า RER ได้แก่ 1) ทีมงานประจำ (Routine Team) โดยทีมงานปกติตามอำนาจหน้าที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน ที่ต้องทำงานให้ดีและพัฒนางานอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ โดยมี นายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการเป็น “ผู้นำ” ในการคิด การพัฒนา ปรับปรุง และโค้ชชิ่งงานเพื่อให้เป็นไปตามหน้าที่ที่กำหนด 2) ทีมภารกิจพิเศษ (Extra Job , Flagship Project) เป็นการดึงจุดแข็งของพื้นที่ที่เราอยากทำให้เบ่งบาน เป็นมรรคผลให้กับชาวบ้านเพิ่มขึ้น ด้วยการสร้างทีมที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์งานที่ต่อยอด สร้างผลสัมฤทธิ์ที่เพิ่มพูนขึ้นจากงานปกติ เช่น ทีมผู้นำนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลง ระดับอำเภอ ตามโครงการอำเภอนำร่องการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” แบบบูรณาการ ที่เป็นการรวมทีมงานภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคผู้นำศาสนา ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ภาคสื่อมวลชน โดยมี นายอำเภอ เป็นผู้นำบูรณาการขับเคลื่อนงาน โดยยึดแนวทาง “ผู้นำต้องทำก่อน” อาทิ การส่งเสริมการสวมใส่ผ้าไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและพัฒนาคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชน เป็นต้น รวมถึงงานทุกเรื่องที่เกี่ยวโยงกับภารกิจในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และ 3) การสื่อสาร/รายงาน (Report) ด้วยการรายงานความสำเร็จและข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบเพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปรับปรุงงาน รวมถึงต้อง “สื่อสารกับสังคม” ให้คนในสังคมได้รับรู้ ด้วยการเขียนข่าว แถลงข่าว การประชาสัมพันธ์ ซึ่งถือเป็นหัวใจของการทำงานในปัจจุบัน โดยขอให้พัฒนาการอำเภอทุกท่านช่วยกันปรึกษาหารือว่าจะบูรณาการงานอย่างไร เพื่อให้งานครบถ้วนสมบูรณ์ เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า พัฒนาการอำเภอต้องทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ทำหน้าที่ Coach ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอ เช่น การประสานงานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนครในการพัฒนาพื้นที่บ้านดอนกอยเป็นแปลงโคก หนอง นา ด้านผ้า ด้วยการปลูกป่า 5 ระดับ ที่เน้นต้นไม้ให้สีธรรมชาติ และต่อยอดสู่โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 3 รอบ (36 พรรษา) 8 มกราคม 2566 และการต่อยอดพัฒนาวิชชาลัยดอนกอย ให้เป็น Home Stay เพื่อเป็นแหล่งศึกษา เรียนรู้ และท่องเที่ยว โดยนำเอาจุดแข็ง เรื่องผ้า เรื่องธรรมชาติ เรื่องวิถีแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน มาเป็นแนวทางการขับเคลื่อน นอกจากนี้ พัฒนาการอำเภอทุกอำเภอ เป็นฟันเฟืองสำคัญในการสนับสนุนบทบาทท่านนายอำเภอในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนผ่านกลไกศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระดับอำเภอ (ศจพ. อำเภอ) เพื่อบูรณาการทุกส่วนราชการในพื้นที่ร่วมแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนครัวเรือนเป้าหมายในระบบ TPMAP และ ThaiQM ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้

“หน้าที่สำคัญของคนมหาดไทย และพัฒนากรทุกท่าน คือ “การพัฒนาคน” ให้คนไปพัฒนาครอบครัว ครอบครัวไปพัฒนาชุมชน ให้คนเป็นผู้รู้ ผู้ตื่นผู้เบิกบาน โดยมีเราเป็น “ผู้นำต้องทำก่อนในทุกเรื่อง” ทั้งการคัดแยกขยะ การทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน การดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายธรรมชาติ การปลูกผักสวนครัวสร้างความมั่นคงด้านอาหาร และการสวมใส่ผ้าไทย และต้องช่วยกันส่งเสริมบทบาทของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะนายกรัฐมนตรีของจังหวัด และท่านนายอำเภอในฐานะนายกรัฐมนตรีของอำเภอ ในการเป็น “ผู้นำ” ของส่วนราชการทุกกระทรวง ทุกกรม ในพื้นที่ด้วยการเป็น “เสนาธิการ” ให้กับนายอำเภอ เป็นผู้สนับสนุนการขับเคลื่อนงานท่านผู้ว่าราชการจังหวัดในทุกเรื่อง เช่น ในเรื่องการจัดหาชุดลูกเสือ ให้กับนักเรียนครัวเรือนที่เดือดร้อน เมื่อเรามีข้อมูลว่าครัวเรือนใดไม่สามารถจัดหาชุดให้ลูกได้ ก็ต้องรวบรวมข้อมูล และรายงานนายอำเภอเพื่อรายงานผู้ว่าราชการจังหวัด ในการระดมสรรพกำลังในพื้นที่ ร่วมกันสนับสนุนการจัดหาชุดลูกเสือ รองเท้า ถุงเท้า เข็มขัด หมวก ผ้าพันคอ ให้กับนักเรียน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทุกเรื่อง พร้อมทั้งมุ่งมั่นช่วยกันทำความดี ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ไม่มีช่องว่างของศักดินาและความเป็นเจ้าขุนมูลนายมาปิดกั้น ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน และขอให้พวกเราพบกันในทุกพื้นที่ “ด้วยรอยยิ้ม” เพราะพี่น้องประชาชนทุกคนยิ้มด้วยริมฝีปากและแววตาจากหัวใจที่เป็นสุข “จากการทำความดีของพวกเราพัฒนากรและคนมหาดไทยทุกคน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย