“ปิยบุตร” ลุย “พัทลุง” ปลุกปลดล็อกท้องถิ่นเป็นวาระของทุกคน

“ปิยบุตร” เยือน “พัทลุง” ชี้ปลดล็อกท้องถิ่นเป็นวาระของทุกคน
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เยือน “พัทลุง” ย้ำปัญหาสารพัดของประชาชน แก้ได้ด้วย “ปลดล็อกท้องถิ่น” ยกกรณีใบอนุญาตสัมปทานรังนก ต้องเป็นอำนาจ อบจ. – ลั่นแก้ รัฐธรรมนูญ หมวด 14 การปกครองท้องถิ่น เป็นวาระของทุกคนไม่มีกลุ่มพรรค – หวังประธาน “ชวน” เร่งรัดทันสภาชุดนี้

ที่หอประชุมเทศบาลตำบลควนขนุน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ปิยบุตร กล่าวในหัวข้อ “ปลดล็อกท้องถิ่นสู่พัทลุงมหานครแห่งความสุข” ตอนหนึ่งว่า ปัญหาเกี่ยวประชาชนในท้องถิ่นไม่ว่าจะไปพื้นที่ไหน เราจะพบเรื่องทำนองเดียวกัน เพราะถ้าลองค้นด้วยชื่อจังหวัดบวกกับคำว่า ‘โวย’ เราจะเห็นปัญหาสารพัด อย่างที่ใน จ.พัทลุง ก็มีกรณีถนนหนทางที่ประชาชนต้องใช้แบบเป็นหลุมเป็นบ่อมา 20 กว่าปี ไม่มีการแก้ไข ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อยากช่วยเหลือก็ปรากฏว่าไม่มีงบประมาณ เป็นต้น ปัญหาชีวิตประจำวัน น้ำไม่ไหล ไฟไม่สว่าง ทางไม่ดี ไม่มีใครมาจัดการขยะ เรื่องเหล่านี้จะจัดการได้รวดเร็วทันใจ ถ้ามีหน่วยงานหนึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการเจ้าเดียว นั่นก็คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจะทำได้นอกจากการมีอำนาจ มีภารกิจหน้าที่แล้ว ต้องมีงบประมาณและมีบุคคลากรด้วย ทั้งนี้ ใน จ.พัทลุง ยังมีอีกกรณีที่เป็นช่าวใหญ่ก็คือเรื่องสัมปทานรังนก ที่มีข่าวว่ารังนกถูกกลุ่มข้าราชการขโมยเอาไปขายก่อนให้เอกชนได้สัมปทาน ซึ่งนอกจากเรื่องราวทางคดีความ ที่น่าสนใจก็คือเรื่องระบบอนุญาตที่ตามกฎหมายต้องมีคณะกรรมการขุดหนึ่งที่มีทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นมาร่วมพิจารณา ซึ่งถ้าไปดูในรายละเอียดของคนที่มานั่งเป็นกรรการจะพบว่า มีคนในส่วนของท้องถิ่นน้อยมาก จากข่าวตอนนี้ทราบมาว่าบริษัทที่ได้สัมปทาน กว่าจะเข้าไปเก็บก็เสียเวลามากเพราะต้องรอกรรมการตรวจสอบถ้ำก่อน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่อง การส่งออกที่ต้องมีหนังสือรับรองแหล่งที่มาซึ่งยังไม่ออกให้ผู้ได้รับสัมปทานด้วย ทั้งนี้ เราเห็นว่าในเรื่องระบบอนุญาต เรื่องหนังสือรับรองของเรื่องที่เกิดที่พัทลุง ควรที่จะเป็นของท้องถิ่นในจังหวัด ควรให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง เป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่ให้ใครก็ไม่รู้ที่นั่งอยู่ในส่วนกลาง เพราะปัจจุบัน ค่าอากรรังนกอีแอ่นนั้นก็เข้ากับ อบจ.อยู่แล้ว และกฎหมายกำหนดว่า ถ้าเกิน 3 ล้านบาท ต้องแบ่งให้ท้องถิ่นใกล้ๆ นั้นด้วย ดังนั้น เรื่องการอนุญาต การออกหนังสือรับรองส่งออก ก็ควรจบตั้งแต่ในท้องถิ่นได้

ปิยบุตร กล่าวด้วยว่า พวกเราคณะก้าวหน้า มาร่วมกับพรรคก้าวไกลเพื่อรณรงค์ปลดล็อกท้องถิ่น เพื่อขอรายชื่อจากพี่น้องประชาชน เตรียมเสนอ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 การปกครองท้องถิ่น ในครั้งนี้ ไม่ใช่วาระส่วนตัว แต่นี่คือวาระร่วมกันของประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่อยากเห็นท้องถิ่นเติบโต พัฒนา แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้มากกว่าที่เป็นอยู่ และจะช่วยดึงศักยภาพของท้องถิ่นให้เติบโต สร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ ทำให้ชีวิตของคนในท้องถิ่นดีขึ้นด้วย และจะทำให้ความเจริญเกิดขึ้นทั้งประเทศ ดังนั้น คนที่สนับสนุนแคมเปญนี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาเชียร์พวกเรา ท่านอาจจะเป็นผู้บริหารท้องถิ่นจากอีกทีมหนึ่ง หรืออาจจะเป็น ส.ส.ของพรรคการเมืองจากพรรคอื่น แต่ถ้าเห็นตรงกันเรื่องของการกระจายอำนาจ เรื่องของการทำให้ท้องถิ่นได้มีอำนาจ มีภารกิจที่ชัดเจน มีงบประมาณที่มากขึ้น และมีบุคลากรที่มาทำงานเพื่อท้องถิ่นมากขึ้น อยากให้มาช่วยกันรณรงค์ อยากให้มาช่วยกันลงชื่อ มองข้ามความเป็นกลุ่มเป็นพรรค แต่ให้คิดว่าเป็นเรื่องของการทำเพื่อพี่น้องประชาชนทุกคน ในการรณรงค์ครั้งนี้ ถ้าเราทำสำเร็จ เมื่อได้รายชื่อมาครบแล้ว เตรียมยื่นต่อประธานรัฐสภา ซึ่งคาดว่าน่าจะทันสมัยประชุมช่วงสิ้นปีนี้ และก็มีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านประธานชวน หลีกภัย จะเร่งรัดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นวาระสำคัญของประเทศไทย