“อนุทิน” โต้ข่าววัคซีนล้นคลัง ชี้ไม่จัดหาโดยพลการ ผ่านประชุมร่วมตลอด

“อนุทิน” โต้ข่าววัคซีนล้น ชี้ ไม่จัดหาโดยพลการ แต่ผ่านการประชุมร่วมอาจารย์แพทย์ ย้ำ หลักการจัดหา ต้องสำรองทุกสถานการณ์

 

วันที่ 6 มิถุนายน 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ที่สถาบันบำราศนราดูร ถึงประเด็นชมรมแพทย์ชนบทให้ข่าวว่าประเทศไทยสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 มากเกินความต้องการ และเสนอให้ชะลอการจัดซื้อ ว่า ทางกระทรวงฯ มีการประชุมอีโอซีทุกวัน มีอาจารย์แพทย์ มีผู้เชี่ยวชาญ มีคณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มี ศบค. ทุกอย่างทำด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการให้เกิดความปลอดภัยทั้งประเทศ ชมรมแพทย์ชนบทส่วนใหญ่ก็เป็นแพทย์ในสังกัด สธ. หากมีข้อเสนออะไร ก็สามารถบอกกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ผู้ตรวจราชการฯ ในฝ่ายที่ตัวเองสังกัดได้ เพื่อนำเสนอเข้าที่ประชุมอีโอซี ที่ปลัด สธ.ประชุมเป็นประจำอยู่แล้ว เรามีระบบของเรา

ตอนนี้ แต่ละคนก้มีบทบาทที่ต้องทำ ขอให้ทำให้ดีที่สุด แน่นอนว่า ผู้บริหารพร้อมรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่าย และก็พร้อมชี้แจงเมื่อจำเป็น ทั้งนี้ เราพยายามตอบสนองความต้องการให้ดีที่สุด การจัดหาวัคซีน เรามีหลักการเรื่องความมั่นคงด้านสาธารณสุขด้วย ถามว่า ถ้าสั่งวัคซีนมาให้เท่ากับจำนวนคนเลยได้หรือไม่ แล้ววัคซีนที่ได้มา ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราซื้ออย่างเดียว แต่มีคนบริจาคมาให้ด้วยหลายสิบล้านโดส ถามว่า เราจะปฏิเสธไหม เวลาที่พูดต้องดูว่า แต่ละช่วงเวลาเป็นอย่างไร เรา มีความตั้งใจทำให้เกิดความมั่นใจ และทุกวันนี้ที่บอกว่าจะถอดหน้ากากกัน จะใช้ชีวิตปกติกัน เปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ เปิดสถานบันเทิง ใช้ชีวิตเต็มที่ เข้าออกประเทศสะดวก ก็เพราะการฉีดวัคซีนใช่หรือไม่ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจะฉีดคนละกี่เข็มถึงจะพอ บางคน 5 เข็ม ตอนนี้ เราพยายามอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการวัคซีน เพราะวัคซีน คือ เครื่องมือสำคัญ ในการปิดเกม

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เตรียมเสนอ ศบค.ให้มีการถอดหน้ากากอนามัยในที่โล่งแจ้ง นายอนุทิน ตอบว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขมีการพูดคุยเรื่องนี้แล้ว เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ท่านปลัดฯ ก็เพิ่งให้ข่าวไป แต่จะทำได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ศบค.ชุดใหญ่ ที่จะต้องมีการพิจารณากลั่นกรองเบื้องต้นจาก ศปก.ศบค.ก่อน เรื่องนี้ยังมีความกังวลจากหลายฝ่ายว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ แต่เมื่อท่านผู้ว่าฯกทม. มาสำทับอีกทีก็ต้องเสนอไปที่ศปก.ศบค.เพื่อกลั่นกรองก่อน ก่อนให้ศบค.ชุดใหญ่พิจารณา

“ที่สุดแล้ว การสวมหน้ากากเป็นเรื่องการป้องกัน และรักตัวเอง ต่อให้ไม่มีโควิดแต่ที่เราสวมมาระยะหนึ่งแล้วก็เห็นว่าช่วยป้องกันได้หลายอย่าง ฉะนั้นใครประเมินแล้วมีความปลอดภัย เช่น ที่สาธารณะ อยู่กับใครที่เรารู้จักว่าปลอดภัยก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่หากอยู่กันหลายคน หรือสถานที่ต่างๆ เช่นโรงพยาบาล หากเราจะสวมหน้ากากก็ไม่เสียหาย เพราะเป็นการป้องกันตัวเอง เพราะขณะนี้ก็ยังมีรายงานติดเชื้อ”