เลขา ครป. ค้านนายกฯ ม.272 วรรค 2 ต้องเลือกจากที่เหลืออยู่ คาดกลางปี “ประยุทธ์” มีอันเป็นไป

เลขา ครป. ไม่เห็นด้วยนายกฯ ม.272 วรรค 2 ต้องเลือกนายกฯ ตามบัญชีพรรคที่เหลือ 4 คน ให้สิทธิ์สุดารัตน์-ชัยเกษม-อภิสิทธิ์-อนุทิน ชี้ชะตาประยุทธ์มีอันเป็นไปกลางปี หากอยู่ยาวจะกลายเป็นระบอบ “ประยุทธิปไตย”

 

วันที่ 29 เมษายน 2565 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า จากการที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า เสนอว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ไปไม่รอด ก็อาจใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค 2 ได้ เพื่อเสนอนายกฯ นอกบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง โดยใช้เสียง 2 ใน 3 ของรัฐสภา โดย ส.ว.จะเป็นตัวแปรในการเลือกนายกฯ เหมือนเดิม ซึ่ง คสช. ออกแบบไว้แต่แรกแล้ว หาก พล.อ.ประยุทธ์ ถูกสภาผู้แทนฯ อภิปรายและยกมือไม่ไว้วางใจจนตกเก้าอี้ รัฐสภาเสียงข้างมากของเขาก็จะโหวตตัวแทนคนใหม่แทนไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ์ หรือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา

ผมไม่เห็นด้วยที่จะใช้มาตรา 272 วรรค 2 เพราะใช้เงื่อนไขนี้เอาเปรียบประชาชน เพราะมีเสียง ส.ว. 250 คนอยู่ในมือ สมควรให้สิทธิ์แคนดิเดตนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองก่อน ซึ่งเหลืออยู่ 4 คน จากพรรคการเมืองที่มี ส.ส.มากกว่าร้อยละ 5 ในสภา คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัยเกษม นิติสิริ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายอนุทิน ชาญวีรกุล ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อจากสมาชิกสภาผู้แทนฯ พรรคไหนก็ได้ในรัฐสภา ขอเพียงให้ได้เสียงข้างมาก ทำหน้าที่นายกฯ อีกประมาณ 1 ปี ทั้ง 4 ท่านมีความสามารถมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์

ไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองใดๆ แต่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องลงจากตำแหน่งก็เพราะ 1) การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้สมาชิกยกมือกันท่วมท้น เพราะปัญหาบ้านเมืองและเศรษฐกิจฉิบหายหมดแล้ว 2) ตัวเขาไม่สามารถอยู่ครบวาระอีก 1 ปีได้เพราะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 ที่ระบุว่า นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม ซึ่งจะครบกำหนด 8 ปี วันที่ 24 สิงหาคม 2565 นี้

ชะตาของพล.อ.ประยุทธ์ คือโดนโหวตคว่ำ หรือไม่ลาออกก่อนครบกำหนดเดือนสิงหาคมก็ต้องยุบสภา ถ้าไม่ลาออกและลากยาวอยู่ต่อก็จะทำผิดรัฐธรรมนูญที่ตนเองเขียนขึ้นมา โดนข้อหาล้มล้างระบอบประชาธิปไตยโดยรัฐสภา กลายเป็น “ระบอบประยุทธิปไตย” นายเมธา กล่าว