ขอบคุณข้อมูลจาก | มติชนออนไลน์,ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เริ่มแล้ว! แอร์โดอาน กล่าวเปิดการเจรจารัสเซีย-ยูเครน รอบใหม่ในอิสตันบูล โฆษกรัฐบาลรัสเซียยืนยัน ไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามยูเครน ผู้บังคับการหน่วยรัสเซีย “ปลิดชีพตัวเอง” หลังรถถังเจ๊งเกือบทั้งคลังอาวุธ
วันที่ 29 มีนาคม นายเรเจพ เทยิพ แอร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกี ให้การต้อนรับตัวแทนเจรจาจากรัสเซียและยูเครน ที่พระราชวังโดลมาบาเช ริมฝั่งช่องแคบบอสฟอรัส ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี นับเป็นการเจรจาแบบต่อหน้าครั้งแรกในรอบ 14 วัน อย่างไรก็ตามความหวังที่สองฝ่ายจะตกลงกันได้นั้นยังอยู่ในระดับต่ำ
โดยนายแอร์โดอาน กล่าวเปิดการเจรจาว่า ทั้งนายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน และนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเป็นมิตรที่มีค่าสำหรับตุรกี และหวังว่าการหารือในครั้งนี้จะเป็นการปูทางไปสู่การหารือระดับผู้นำของสองประเทศ และตุรกีก็พร้อมจะเป็นเจ้าภาพในการเจรจาดังกล่าวเช่นกัน
ประธานาธิบดีตุรกีระบุว่าทั้งสองฝ่ายมีความห่วงกังวลที่ชอบธรรม แต่เวลานี้ก็เดินทางมาถึงช่วงเวลาที่การหารือต้องนำไปสู่ผลลัพท์ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น พร้อมทั้งระบุว่า “สันติภาพที่เป็นธรรม” นั้นจะไม่มีผู้แพ้ และย้ำว่าความขัดแย้งตนั้นจะไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย
นอกจากนี้ประธานาธิบดีตุรกียังเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในทันทีและว่าการหยุดยั้งโศกนาฏกรรมนั้นขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่าย
7 ชาติอียูวอนพลเมือง อย่าเข้าร่วมสงคราม
7 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) ประกอบด้วย ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สเปน อิตาลี เบลเยียม และลักเซเบิร์ก ออกมาเรียกร้องให้พลเมืองของตนอย่าเข้าร่วมในกองกำลังต่อต้านการรุกรานยูเครนโดยกองทัพรัสเซีย
รัฐมนตรียุติธรรมของทั้ง 7 ชาติ ออกมาประกาศร่วมกันถึงมติเอกฉันท์ที่ไม่สนับสนุนให้ประชาชนในยุโรปเข้าร่วมกับกองกำลังอาสาสมัคร ที่มุ่งหน้าเข้าร่วมสงครามในยูเครน
ทั้งนี้ หลังรัสเซียบุกยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้เชิญชวนชาวต่างชาติให้เข้ามาร่วมกับ “กองกำลังทหารนานาชาติ” เพื่อต่อสู้เคียงข้างชาวยูเครน โดยยูเครนระบุเมื่อต้นเดือนมีนาคมว่า มีผู้ตอบรับคำร้องของผู้นำยูเครนราว 20,000 คน
รัสเซียยันไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์
ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างการเปิดเผยของนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ระบุว่ารัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ก็ต่อเมื่อมีภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของรัสเซีย แต่ไม่ใช้ในสงครามในยูเครนที่กำลังดำเนินไปในเวลานี้
“ไม่ว่าผลของปฏิบัติการ (ในยูเครน) จะเป็นอย่างไร แน่นอนว่ามันจะไม่ใช่เหตุผลที่จะนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้” เปสคอฟ ระบุ และว่า “เรามีรูปแบบความปลอดภัยที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า จะนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีภัยคุกคามกับการดำรงอยู่ของรัฐ ในประเทศของเราเท่านั้น และเราจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการทำลายภัยคุกคามเพื่อการดำรงอยู่ของประเทศของเรา”
เปสคอฟ ระบุถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เรียกนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียว่า “คนขายเนื้อ” และประกาศว่าปูติน ไม่ควรอยู่ในอำนาจต่อไปว่า “ค่อนข้างน่าตกใจ” พร้อมกับระบุว่า เป็นการพูดโจมตีโดยส่วนตัว เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ ไม่ใช่หน้าที่ของประธานาธิบดีสหรัฐที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นอย่างไร หรือใครจะเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย
ทั้งนี้ประธานาธิบดีไบเดน ระบุระหว่างการเดินทางเยือนโปแลนด์ เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ปูตินไม่สามารถอยู่ในอำนาจต่อไปได้ ซึ่งนั่นนส่งผลให้ชาวอเมริกัน รวมถึง
ผู้บัญชาการปลิดชีพตัวเอง เหตุรถถังใช้งานไม่ได้
วันที่ 29 มี.ค. มิร์เรอร์ รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความไม่สงบใน ยูเครน หลังกองกำลังรัสเซียรุกรานตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ผู้บังคับการระดับสูงของกองทัพรัสเซีย “ปลิดชีพตัวเอง” หลังพบว่ารถถังในหน่วยสำรองยานรบมากถึงร้อยละ 90 ไม่สามารถใช้งานได้เพราะเครื่องยนต์บางส่วนหายไปหรือถูกขโมย
ทางการยูเครนระบุอีกว่ารถถังบางคันในหน่วยสำรองยานรบของกองกำลังรัสเซียไม่มีแม้แต่เครื่องยนต์หรือถูกถอดเครื่องยนต์ออกจนเกือบหมด
แม้ข้อมูลดังกล่าวยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดขึ้นจริง แต่จากรายงานข่าวโจมตีของกองกำลังรัสเซียที่ไม่สามารถบุกยึดกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน หรือแผนรุกรานเดิมที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย คาดหวังว่าจะกำราบยูเครนได้ในไม่กี่วัน
แต่จนถึงปัจจุบันกองทัพยูเครนก็ยังไม่ยอมศิโรราบและต่อสู้อย่างหนักหน่วงทั้งที่มีกำลังพลน้อยกว่า ก่อให้เกิดการตั้งคำถามถึงความศักยภาพของกองกำลังรัสเซียที่ภายนอกมองดูน่าเกรงขามแต่ความเป็นจริงสวนทางกับสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลก
กระทรงกลาโหมยูเครนโพสต์ข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นเทเลแกรมว่า ผู้บุกรุกกำลังดิ้นรนและเผชิญกับปัญหาในการกู้คืนยุทโธปกรณ์เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสายไฟสำคัญถูกแยกส่วน สถานะของรถถังและยานรบจำนวนมากที่เก็บอยู่ในคลังยุทโธปกรณ์ของรัสเซียไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง และทำให้แผนการนำยานรบเหล่านี้ออกมาใช้ในแนวหน้าของสมรภูมิต้องระงับไป
นอกจากนี้ทางการยูเครนแถลงเพิ่มเติมว่าทหารรัสเซียมากกว่า 16,000 นายถูกสังหารในดินแดนยูเครน และหลายพันคนถูกจับหรือยอมแพ้