ตามมาติดๆ ปลากระป๋อง-ผลไม้กระป๋อง ขอขึ้นราคา 5-15% ปุ๋ยขึ้นด้วย ตันละเกือบ 3 พัน!

ปลากระป๋อง-ผลไม้กระป๋อง ขอขึ้นราคา 5-15% เหตุเหล็กทำกระป๋องราคาพุ่ง รวมถึงสถานการณ์สงครามรัสเซียยูเครน ยังเข้ามาซ้ำเติมทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นอีก ปุ๋ย ราคาขึ้นตันละเกือบ 3,000 บาท ด้านพาณิชย์ไม่รู้ของจะแพงไปถึงเมื่อไหร่ 

 

วันที่ 16 มี.ค. 2565  นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการผลิตอาหารสำเร็จรูป รวมถึงอาหารกระป๋อง ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาเหล็กแผ่นทำกระป๋อง ที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมากว่า 2 ปี ราคาปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 100% รวมถึงสถานการณ์สงครามรัสเซียยูเครน ยังเข้ามาซ้ำเติมทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นอีก

หากเทียบราคาช่วงต้นปีนี้ กับปัจจุบันราคาปรับเพิ่มขึ้น 30% ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะปลากกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ผักกระป๋อง และสินค้ากระป๋องชนิดอื่นอีกหลายรายการ

ดังนั้นผู้ผลิตที่เตรียมที่จะทำหนังสือไปยัง กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารกระป๋องทุกชนิด 5-15%

“สัปดาห์ก่อนได้คุยปัญหานี้กับกรมการค้าภายใน ซึ่งก็เข้าใจว่าต้นทุนเราเพิ่มขึ้น และกลัวว่าหากไม่ให้ขึ้นราคาผู้ผลิตอาจลดกำลังการผลิตและเกิดปัญหาของขาดแคลน จึงเปิดทางให้ผู้ผลิตเสนอขอปรับราคาอาหารกระป๋องได้ ขณะนี้ได้แจ้งไปยังสมาชิกสมาคมจำนวน 200 รายแล้ว ให้ทำเรื่องเสนอขอปรับราคา คาดว่าจะเริ่มยื่นขอปรับราคาตั้งแต่สัปดาห์นี้เลย”

ก่อนหน้านี้ พันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังและที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับหลายรัฐบาล ได้กล่าวเมื่อวานนี้ ผ่านรายการ CARE Talk ของกลุ่มแคร์ คิด เคลื่อน ไหว โดยช่วงหนึ่งระบุว่า แต่ผมว่าเราน่าสนใจเรื่องนี้มากกว่าในเงินเฟ้อ ผมว่าประเทศไทยไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ เราหวังให้เกิดขึ้นในสถานะเศรษฐกิจปกติ

แต่โลกถูกทำให้มีปัญหาสงครามเศรษฐกิจ โดยมีสงครามจริงบนฉากหน้า สงครามเศรษฐกิจกำลังเกิดรุนแรง ไม่ใช่แค่ปุ๋ย เพราะปุ๋ยมาจากรัสเซียแล้วยังมีอลูมิเนียม มูลค่า 900 ล้านเหรียญ เราผลิตอาหารกระป๋องส่งออก แต่เรากำลังมีปัญหาเรื่องอลูมิเนียม ปุ๋ยขึ้นอยู่แล้ว ก๊าซขึ้นอยู่แล้ว

ผมอยากให้ช่วยคิดอย่างสงบ อย่าตื่นเต้น ก็คือเรากำลังเข้าสถานะเศรษฐกิจในสถานการณ์สงคราม การบริหารเศรษฐกิจกึ่งสถานการณ์สงคราม เราจะใช้วิธีคิดปล่อยสบายไหวไหม จะจัดการกับมันอย่างไร เป็นเรื่องนี้ต้องคำนึงและรีบจัดกาาร

ราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้นไปอีก

ขณะที่ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาสินค้าแพงขึ้นมาก ปัจจัยหนึ่งมาจากต้นทุนการผลิตที่สูง อย่างในอดีตก่อนหน้านี้ราคาหมูเลยแพง แต่ขณะนี้ราคาปรับลดลงแล้ว ดังนั้นจึงต้องดูกันไปก่อน ไม่สามารถบอกได้ว่าราคาสินค้าจะสูงไปถึงเมื่อไหร่

หน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ คือคอยดูไม่ให้เกิดราคาที่สูงขึ้นจนกลายเป็นภาระกับผู้บริโภค ขณะที่ผู้ประกอบการสามารถประกอบการธุรกิจต่อไปได้ และจะไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสปรับราคาขึ้นแบบไม่มีเหตุผล

ส่วนต้นทุนราคาปุ๋ยที่สูงขึ้นมามากกว่า 100% หลังจากหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว กระทรวงพาณิชย์จะนำรายละเอียดที่ได้จากการหารือ ทั้งเรื่องความต้องการ พื้นที่เพาะปลูก มาตรการที่การที่กระทรวงเกษตรฯดำเนินการอยู่ เพื่อเคาะมาตรการแก้ปัญหา ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคเกษตรกรน้อยที่สุด

รายงานระบุว่า สถานการณ์ราคาขายส่งปุ๋ยเคมีภายในประเทศเดือน มี.ค. 2565 ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาในตลาดโลก ขณะนี้ปุ๋ยเคมีบางชนิดเริ่มขาดตลาด เช่น ปุ๋ยสูตร 21-0-0 สูตร 46-0-0 สูตร 18-46-0 สูตร 0-0-60สูตร 16-20-0 และสูตร 15-15-15 คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะต่อเนื่องไปถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงเพาะปลูกของไทย ประกอบกับผู้ประกอบการได้ซะลอการนำเข้าปุ๋ยเคมีบางชนิดที่มีราคาสูงเกินไป

ทั้งนี้ จากการควบคุมราคาของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับเพิ่มราคาปุ๋ยได้มากกว่าราคาเพดานที่กรมการค้าภายในกำหนดไว้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการขาดทุนราคาขายปลีกท้องถิ่นรายเดือนของปุ๋ยเคมีสูตรสำคัญ ได้แก่ ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ณ เดือน ม.ค. ราคาตันละ 21,675 บาท เพิ่มขึ้น 13.88% จากเดือน ธ.ค. ที่ราคาตันละ 19,034 บาท หรือเพิ่มขึ้น 104.64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ปุ๋ยสูตร 18-46-0 ราคาตันละ 23,472 บาท เพิ่มขึ้นจากตันละ 20,490 บาท ปุ๋ยสูตร 0-0-60 ตันละ 21,288 บาท เพิ่มขึ้นจากตันละ 18.392 บาท