เผยแพร่ |
---|
วันที่ 15 มีนาคม 2565 รอยเตอร์สและเดอะการ์เดี้ยนรายงานว่า พนักงานคนหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ชื่อดังของรัฐบาลรัสเซีย ได้เข้าไปแทรกกลางรายการข่าวขณะกำลังออกอากาศโดยถือป้ายประท้วงต่อต้านการสงครามรุกรานยูเครนของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย
โดยพนักงานที่เข้าไปก่อวีรกรรมต่อต้านสงครามคือ มารีน่า โอฟเซียอันนิโคว่า บรรณาธิการของสถานีข่าวช่อง 1 นำตัวเองเข้าไปในจอออกอากาศสดของรายการข่าวภาคค่ำเมื่อวานนี้ พร้อมตะโกน “หยุดทำสงคราม ไม่เอาแล้วสงคราม” มารีน่าตะโกนพร้อมถือป้ายข้อความที่ระบุว่า “อย่าเชื่อในโฆษณาชวนเชื่อ พวกเขาโกหกคุณอยู่นี่” และข้อความบนป้ายบรรทัดสุดท้ายเป็นภาษาอังกฤษว่า “ชาวรัสเซียต่อต้านสงคราม(ของปูติน)”
แม้มารีน่าจะถือป้ายประท้วง แต่ผู้ประกาศข่าวยังคงอ่านข่าวต่อผ่านเทเลพรอมเตอร์ด้วยเสียงที่ดังเพื่อพยายามกลบเสียงตะโกนของมารีน่า แต่ก็ยัคงเห็นและได้ยินการประท้วงของเธอเป็นเวลาหลายวินาทีก่อนที่ช่องจะเปลี่ยนเป็นเทปบันทึกย้อนหลัง
โอฟเซียอันนิโคว่า ยังเปิดตัววิดีโอที่บันทึกไว้ล่วงหน้าผ่านกลุ่มสิทธิมนุษยชน OVD-Info โดยเธอแสดงความอับอายที่ต้องทำงานให้กับสถานีข่าวช่องนี้ และเผยแพร่ “โฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลรัสเซีย”
Russian anti-war protester Marina Ovsyannikova interrupted a live news bulletin on Russia's state TV Channel One, holding up a sign behind a studio presenter and shouting slogans denouncing the war in Ukraine https://t.co/wxhwqx64zl pic.twitter.com/J8NeE4OB3y
— Reuters (@Reuters) March 15, 2022
“ช่างน่าเสียดาย เป็นเวลาหลายปีที่ฉันทำงานในช่อง One และทำงานเกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อเครมลิน ตอนนี้ฉันรู้สึกละอายใจมากกับเรื่องนี้ ละอายใจที่ได้รับอนุญาตให้พูดเท็จจากจอโทรทัศน์ ละอายใจที่ยอมให้คนรัสเซียกลายเป็นซอมบี้ เราเงียบในปี 2014 เมื่อสิ่งนี้เพิ่งเริ่มต้น เราไม่ได้ออกไปประท้วงรัฐบาลรัสเซียตอนวางยาพิษนาวัลนี (อเล็กซี นาวัลนี ผู้นำประท้วงต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย)” โอฟเซียอันนิโคว่า กล่าว และว่า เราได้แค่เฝ้ามองระบอบต่อต้านมนุษย์อย่างเงียบๆ แล้วตอนนี้โลกทั้งใบกำลังหันหลังให้กับเรา และรุ่นหลังอีก 10 รุ่น จะไม่สามารถชะล้างตัวเองออกจากความอับอายของพี่น้องร่วมทำสงครามนี้ได้
ทั้งนี้ โอฟเซียอันนิโคว่า เป็นลูกครึ่งยูเครน-รัสเซียได้กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนคืออาชญากรรมและรัสเซียคือผู้รุกราน ความรับผิดชอบต่อการรุกรานนี้ ตกอยู่บนบ่าของคนๆเดียว “วลาดิเมียร์ ปูติน”
โอฟเซียอันนิโคว่า ยังเรียกร้องให้พี่น้องร่วมชาติ ร่วมประท้วงต่อต้านสงครามเพื่อนำมาซึ่งการยุติความขัดแย้ง “มีเพียงเราเท่านั้นที่มีอำนาจหยุดความบ้าคลั่งทั้งหมดนี้ ออกไปประท้วง อย่ากลัวอะไรทั้งนั้น พวกเขาขังทุกคนหมดไม่ได้”
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการประท้วง มีผู้คนกว่า 4 หมื่นคน ร่วมแสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กเพจของโอฟเซียอันนิโคว่า ความเห็นส่วนใหญ่ต่างชื่นชมในการแสดงจุดยืนของเธอ
ด้านโวโลโดมีร์ เซเลนสกี้ ประธานาธิบดียูเครนได้สื่อสารผ่านวิดีโอหลังรายงานข่าวการประท้วงกลางรายการสด ขอความแสดงชื่นชมโดยระบุว่า ผมขอบคุณชาวรัสเซียที่ไม่ลดละความพยายามที่จะพูดความจริง คนที่กำลังต่อสู้กับการบิดเบือนข้อมูลและบอกความจริงแก่เพื่อนและครอบครัวของพวกเขา และเป็นการส่วนตัวโดยเฉพาะกับผู้หญิงคนนั้นที่เข้าไปในสตูดิโอของ Channel One พร้อมโปสเตอร์ต่อต้านสงคราม
VIDEO: Ukraine President Zelensky thanks protester who interrupted Russian TV news with anti-war poster.
"I am grateful to those Russians who do not stop trying to convey the truth…and personally to the woman who entered the studio of Channel One with a poster against the war" pic.twitter.com/1sEgGT004Q
— AFP News Agency (@AFP) March 15, 2022
องค์กรสิทธิ OVD-Info กล่าวต่อมาว่า โอฟเซียอันนิโคว่า ถูกจับทันทีหลังกรประท้วงและถูกคุมตัวอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ออสตันคิโน่ และอาจต้องโทษจำคุกภายใต้กฎหมายใหม่ของรัสเซียที่เผยแพร่สิ่งที่เรียกว่า “ข่าวปลอม” เกี่ยวกับกองทัพรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งระวางโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี และยังพ่วงข้อหายุยงปลุกปั่นความไม่สงบ จากการสื่อสารให้ชาวรัสเซียออกมาประท้วง
ส่วนสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลรัสเซียอย่างทาซซ์ ได้เผยแพร่แถลงกาณ์ต่อสาธารณชน โดยแชนแนล 1 กล่าวว่า “กำลังดำเนินการตรวจสอบภายใน ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว” ขณะที่ ฝ่ายกฎหมายบอกกับทาซซ์ว่า โอฟเซียอันนิโคว่า จะถูกตั้งข้อหาตามกฎหมายเหตุมุ่งลดความน่าเชื่อของกองทัพรัสเซีย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มก่อสงครามรุกรานยูเครนจนมาถึงวันนี้ ซึ่งเข้าสู่วันที่ 20 ของการรบ รัสเซียเปิดฉากปราบปรามชาวรัสเซียที่ออกมาประท้วงต้านสงคราม รวมถึงประชาชนธรรมดา สื่ออิสระและสื่อต่างชาติ แม้แต่เด็กเล็กจนถึงผู้สูงวัยที่แสดงออกในการประท้วง จนตัวเลขผู้ถูกจับกุมสูงเกือบ 15,000 คน และมีการออกกฎหมายเพื่อควบคุมสื่อภายในประเทศและปิดกั้นช่องทางสื่อสารโดยเฉพาะโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์และอินสตาแกรม